เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 1237-1238
บทที่ 1237 กระต่ายน้อยไม่เพียงแต่ไม่มุดเข้าเตียงของเขา แต่ยังปกป้องตัวเองจากเข
ท่านผู้เฒ่าจ่ายและนายท่านรองจ่ายพูดอย่างนั้นและตระกูลเจี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไร
ทั้งสองตระกูลพูดคุยหารือเกี่ยวกับงานแต่งงาน
การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นไปอย่างราบรื่น
ท้ายที่สุด ท่านผู้เฒ่าจ่ายก็ขอให้ปู่เจี่ยนและย่าเจี่ยนอนุญาตให้เจี่ยนอีหลิงกลับไป โดยอ้างว่าเจี่ยนอีหลิงยังต้องรักษาจ่ายหวินเชิ่งอยู่
“พี่เจี่ยน ร่างกายของหลานชายของผมเพิ่งจะอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และยังต้องให้เสี่ยวหลิงคอยตรวจสอบอยู่ เสี่ยวหลิงบอกว่าคนอื่นไม่เคยใช้ยานี้มาก่อน แต่อาเฉิงก็ได้ใช้เป็นคนแรก จึงไม่มีข้อมูลมาก่อน เลยต้องตรวจสอบแบบเรียลไทม์ในแต่ละขั้นตอน…”
ท่านผู้เฒ่าจ่ายมีน้ําเสียงที่จริงใจและสีหน้าท่าทางที่เข้าที่เข้าทาง
แน่นอนว่าปู่เจี่ยนกับย่าเจี่ยนก็ไม่อยากให้จ่ายหวินเชิ่งมีปัญหาอีก
แม้ว่าชายคนนี้จะกินหลานสาวสุดที่รักของพวกเขาไปก่อนแล้ว แต่ยังไงพวกเขาก็เป็นห่วงร่างกายของชายคนนี้มากกว่า
“เอาเถอะ ถึงแม้ว่าตามกฏเก่าของตระกูลของพวกฉัน มันไม่ง่ายเลยที่จะให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้พบกันก่อนแต่งงาน แต่กฎเป็นของตายคนเรายังมีชีวิตอยู่* ไม่ว่ายังไงร่างกายของอาเชิงนั้นก็สําคัญกว่า”
(JTEE5ZHS, AEZ ] กฏเป็นของตายแต่คนเรายังมีชีวิตอยู่ สํานวนจีน คนเราต้องรู้จัก ยืดหยุ่นบ้าง อย่ายึดถือเอาตามกฏเกณฑ์ที่ตายตัวอย่างเดียว)
ปู่เจี่ยนพูดอย่างประนีประนอม
ผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลเจี่ยนไม่ใช่คนหัวโบราณ และผู้เฒ่าทั้งสองก็ยังคงปรับเปลี่ยนได้เสมอ
ดังนั้น ด้วยความช่วยเหลือของท่านผู้เฒ่าจ๋าย เจี่ยนอีหลิงจึงได้กลับไปอยู่กับจ่ายหวินเชิ่ง แต่ก่อนที่เจี่ยนอีหลิงจะกลับไป ย่าเจี่ยนดึงเจี่ยนอีหลิงไว้และแอบไปคุยกันในห้องราวกับว่า เธอกําลังสอนบางสิ่งบางอย่างให้กับเจี่ยนอีหลิง
คืนนั้นเจี่ยนอีหลิงย้ายกลับไปอยู่กับจ่ายหวินเชิ่ง และเมื่อจ่ายหวินเชิ่งพยายามที่จะเข้าประตูห้องของเจี่ยนอีหลิงก็พบว่าประตูถูกล็อคอยู่
เขาเอากุญแจบ้านมาเปิดประตู แต่พบว่าข้างในมีกุญแจกันขโมยล็อคไว้อีกชั้น กุญแจที่เขามีก็ไม่มีประโยชน์อะไร
จ่ายหวินเชิ่งทําได้เพียงยอมแพ้เท่านั้น
กระต่ายน้อยที่เคยมุดเข้าไปในห้องของเขาอย่างไร้ยางอายได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ไม่เพียงแต่ไม่ขึ้นเตียงของเขาเท่านั้น แต่ยังปกป้องตัวเองจากเขาเหมือนว่าเขาเป็นขโมยอีกด้วย
เป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน เฟยชิงได้สื่อสารกับผู้อํานวยการทางอีเมลเพื่อทําการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ
เฟยชิงรู้สึกสดชื่นและมั่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นเจี่ยนอีหลิงอีกครั้ง
เป็นการประชุมประจําสัปดาห์ เฟยชิงและเจี่ยนอีหลิงเป็นผู้เข้าร่วมทั้งคู่
ก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น เจี่ยนอีหลิงมาถึงห้องประชุมก่อนเวลา
ระหว่างที่รอ เธอก็ทํางานด้วยแล็ปท็อป
หมอคนอื่นๆที่เข้ามาในห้องประชุมเห็นเจี่ยนอีหลิงจึงทักทายเธอ
ปกติทุกคนก็ยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง และพวกเขาจะไม่ได้เจอกันเลยเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ หากพวกเขาไม่ได้อยู่สํานักงานเดียวกัน
จะเจอกันได้ในที่ประชุมเท่านั้น
“สวัสดีครับด็อกเตอร์เจี่ยน”
“ช่วงนี้ด็อกเตอร์เจียนสวยมากเลยนะ”
“ด็อกเตอร์เจียนสวยขึ้นทุกวันเลย”
“วิธีที่ด็อกเตอร์เจียนแนะนําครั้งล่าสุดได้ผลดีจริงๆ ฉันได้ประโยชน์มากมายเลยล่ะ”
ที่นั่งของเฟียชิงอยู่ติดกับเจี่ยนอีหลิง
เมื่อเห็นว่าคนที่เคยทักทายเธอหันไปทักทายเจี่ยนอีหลิง ใบหน้าของเฟียชิงก็กลายเป็นน่าเกลียดอย่างอดไม่ได้
ช่วงนี้เจี่ยนอีหลิงมีผิวพรรณเปล่งปลั่งมากขึ้น และสีหน้าไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อน
“เจี่ยนอีหลิง เธออย่าภูมิใจไปเลย” ดวงตาของเฟ่ยชิงเย้ยหยัน
เจี่ยนอีหลิงหันไปมองเฟยชิงอย่างเฉยเมย
เธอไม่รู้ว่าเฟ่ยชิงกําลังพูดถึงอะไร
“เจี่ยนอีหลิง มีคํากล่าวที่ว่า ฮวงจุ้ยหมุนเวียน* สามสิบปีเหอตงสามสิบปีเหอซาน* ตอนนี้เธออาจจะแข็งแกร่ง แต่ในอนาคตยังยากที่จะบอกได้”
(XI2K 45 ฮวงจุ้ยหมุนเวียน สํานวนจีน โชคดีไม่ได้อยู่กับเราเสมอไป โชคจะไม่ติดตามเราเสมอไป สิ่งดีๆ จะไม่อยู่กับเราเสมอไป ชีวิตเราไม่สามารถแล่นได้ราบรื่นเสมอไป อาจใช้คู่กับ = ++=+4P]ZH สามสิบปีเหอตงสามสิบปีเหอซาน)
(=+=+ สามสิบปีเหอตงสามสิบปีเหอซาน สํานวนจีน มีความหมายว่า เรื่อง ราวเปลี่ยนแปลงรุ่งเรืองตกต่ําไม่แน่นอน มีที่มาจากแม่น้ําเหลืองในประเทศจีนที่กัดเซาะดิน เปลี่ยนทิศทางแม่น้ําไปจนหมดสิ้นเค้าเดิม)
ตอนนี้เฟยชิงพูดคุยกับเจี่ยนอีหลิงด้วยความมั่นใจ เพราะเธอรู้ว่าผู้อํานวยการชื่นชมพรสวรรค์ของเธอมาก
บทที่ 1238 เห็นคนตายแล้วไม่ช่วยเหลือ 1
ด้วยการยอมรับของผู้อํานวยการ สถานะของเธอในลั่วไห่เซินจึงมั่นคงมาก และไม่ต้องกลัวเจี่ยนอีหลิงอีกต่อไป
“อือ” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับเบาๆแล้วหันกลับมามองคอมพิวเตอร์ของเธอ
เจี่ยนอีหลิงหมายความว่ายังไง?
เจี่ยนอีหลิงดูถูกเธองั้นเหรอ?
เธอไม่จริงจังเลยงั้นเหรอ?
ดวงตาของเฟียชิงหรี่ลง จากนั้นเธอก็ถอนสายตากลับมาและเริ่มการประชุมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สองวันต่อมา โรงพยาบาลรับผู้ป่วยเพศหญิงที่สมองมีเชื้อปรสิต
อีกฝ่ายมาเพื่อทําการรักษากับเจี่ยนอีหลิง แต่เจี่ยนอีหลิงไม่ใช่หมอที่ประจําอยู่สาขาเป่ยจิงปกติแล้วเธอจะไม่ทําการผ่าตัด
หากต้องการให้เจี่ยนอีหลิงรักษา วิธีที่น่าจะได้ผลมากที่สุดคือการยื่นคําร้องต่อโรงพยาบาลลั่วไห่เซินและรอการยืนยันจากโรงพยาบาลและความน่าจะเป็นนี้ก็น้อยมาก
ดังนั้นคนนี้เลยเลือกวิธีนี้ และหวังว่าเจี่ยนอีหลิงจะสามารถยกเว้นได้
แต่เจี่ยนอีหลิงก็ไม่เลือกรับ
และให้โรงพยาบาลสาขาจัดการตามขั้นตอนปกติแทน
สิ่งนี้ทําให้ครอบครัวของผู้ป่วยเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
พวกเขาตรงไปที่สํานักงานของเจี่ยนอีหลิง
“ด็อกเตอร์เจียน คุณสามารถช่วยภรรยาผมได้ ทําไมคุณถึงไม่ช่วยล่ะ?”
ชายคนนั้นอายุประมาณสามสิบต้นๆ มีรูปร่างปานกลาง ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขวางไว้ เขาคงพุ่งเข้าไปหาเจี่ยนอีหลิงแล้ว
ข้างหลังของเขามีเด็กสองคน เป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆและเด็กชายตัวเล็กๆ
เด็กหญิงตัวเล็กๆที่อายุมากกว่า อายุประมาณเจ็ดหรือแปดปี และเด็กชายตัวเล็กๆอายุ
ประมาณสี่หรือห้าปี
เด็กสองคนก๋าลังร้องไห้ เด็กชายตัวเล็กๆกอดต้นขาพ่อของเขาไว้เพราะน่าจะตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าและร้องไห้อย่างหนัก
เด็กหญิงตัวเล็กๆที่รู้ความแล้ว เธอคุกเข่าอ้อนวอนเจี่ยนอีหลิง “คุณหมอเจี่ยน คุณช่วยแม่ของหนูด้วย… หนูขอร้อง…”
ใบหน้าของเจี่ยนอีหลิงนิ่งสงบ น้ําเสียงเรียบเฉย “หมอที่สาขานี้ก็มีความสามารถในการผ่าตัดเหมือนกัน”
เงื่อนไขที่จะได้รับการรักษาหรือไม่นั้นคืออีกฝ่ายกําลังจะตาย
ในตอนนี้ผู้ป่วยหญิงรายนี้ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต และศัลยแพทย์ของโรงพยาบาลสาขานี้ก็สามารถท่าการผ่าตัดที่ยากลําบากนี้สําเร็จได้
“ผมได้สอบถามและรู้มาว่าคุณเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดในโรงพยาบาลนี้ และคุณมีอัตราความสําเร็จในการผ่าตัดสูงสุดกับภรรยาของผม! ผมยังรู้มาอีกว่าคุณไม่ได้มีการเตรียมการผ่าตัดใดๆในเร็วๆนี้ คุณมีเวลาและความสามารถ ทําไมคุณถึงไม่รักษาล่ะ?” ชายวัยกลางคนถามเจี่ยนอีหลิง “พี่สาว ช่วยแม่ของหนูด้วยนะ พี่สาวหนูขอร้อง!”
เด็กหญิงตัวเล็กๆคุกเข่าลงและโขกศีรษะของเธอลงกับพื้น
คนที่เห็นภาพนี้ก็ทนไม่ไหว
“ฉันมีงานที่ต้องทํา และคุณสามารถหาหมอที่รักษาได้จากโรงพยาบาลที่คุณพาผู้ป่วยเข้ารับการรักษา”
เจี่ยนอีหลิงยังคงนิ่ง ความคิดของเธอไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพราะคําวิงวอนของผู้ชายหรือเสียงร้องไห้ของเด็กสองคน
เจี่ยนอีหลิงใจแข็งเกินไปหรือไม่?
เด็กสองคนนี้ขอร้องเธอขนาดนี้ แต่เธอกลับนิ่งเฉย
หรือเป็นเพราะครอบครัวนี้เป็นครอบครัวธรรมดา ไม่ได้ร่ํารวยเหมือนผู้เฒ่าตระกูลหลี่ในครั้งนั้น ดังนั้นเธอจึงไม่อยากรักษาเองงั้นเหรอ?
“ด็อกเตอร์เจียน คุณเป็นหมอ คุณจะมองดูความตายแบบนี้ได้ยังไง? ชีวิตของคนรวยคือชีวิต ชีวิตภรรยาของผมก็คือชีวิตเช่นเดียวกัน!”
ชายคนนั้นยังคงอ้อนวอนต่อไป
“พาพวกเขาออกไป” เจี่ยนอีหลิงพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างใจเย็น
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ช่วยอะไรไม่ได้และแนะนําครอบครัวว่า “คุณกลับไปที่วอร์ด เพื่อรอข่าวก่อนนะ ศัลยแพทย์คนอื่นๆในโรงพยาบาลของเราก็ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน”
ครอบครัวนี้ตั้งใจมาหาเจี่ยนอีหลิง
ชายวัยกลางคนถามกลับว่า “นั่นคือภรรยาของผม เธอเป็นแม่ของเด็กสองคนนี้ ผมหวังว่าเธอจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ผมผิดงั้นเหรอ?”