เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 1235-1236
บทที่ 1235 วิธีการช่วยเหลือจากภายนอกมีประสิทธิภาพมาก
ภายใต้การจ้องมองของอันหยาง หานเหมิงอวี้ออกจากตระกูลเจี่ยนพร้อมกับหูเจียวเจียว และทันทีที่หานเหมิงอวี้และหูเจียวเจียวจากไป อันหยางก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“บอส หานเหมิงอวี้เชื่อถือได๋ใช่ไหม? แล้วทําไมนายท่านเพิ่งถึงให้ผู้ชายคนนั้นไปส่งเจียวเจียวด้วยล่ะ?” อันหยางเต็มไปด้วยความสงสัย
ถึงแม้ว่าเจี่ยนอีหลิงจะไม่รู้จุดประสงค์ของจ่ายหวินเชิ่ง แต่เธอรู้ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับ
ข้อความที่เธอเพิ่งส่งให้เขาอย่างแน่นอน
“ฉันไม่แน่ใจ”
อันหยางกัดฟันแน่น ภายในใจรู้สึกไม่ดีอย่างอธิบายไม่ได้
ชายคนนั้นเรียกชื่อเจียวเจียวออกมาตรงๆ
ผู้ชายคนนั้นคิดว่าตัวเองเป็นใคร เขาเป็นแค่คนแปลกหน้า แล้วการเรียกชื่อออกมาแบบนั้น มันหมายความว่ายังไงกันแน่?
อันหยางรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดมันได้
เขาไม่มีฐานะที่จะหยุดชายคนนั้นไม่ให้มารับหูเจียวเจียว และไม่มีฐานะที่จะตั้งคําถามกับจ่ายหวินเชิง
หลังจากที่อันหยางกลับไปแล้ว เจี่ยนอีหลิงก็ส่งข้อความถึงจ่ายหวินเชิ่ง และถามอย่างสงบว่า
[ทําไมถึงให้หานเหมิงอวี้ไปส่งเจียวเจียว?]
[เพราะถ้ามีผู้ชายคนอื่นมาตะโกนเรียก อีหลิง ต่อหน้าฉัน และส่งเธอกลับบ้าน ฉันจะถลกหนังผู้ชายคนนั้นออกให้หมด]
[ไม่เข้าใจ]
ในเรื่องนี้ เจี่ยนอีหลิงต้องการคําอธิบายที่ตรงไปตรงมามากกว่านี้
ไม่อย่างนั้น สมองของเธออาจจะไม่เข้าใจ
แต่เจี่ยนอีหลิงเชื่อว่าตัวเองจะค่อยๆเข้าใจ ตราบใดที่เธอประสบกับมันอีกสักสองสามครั้งที่เธอไม่เข้าใจก็เพราะขาดประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง
[มีอารมณ์หนึ่งที่เรียกว่าความหึงหวง และเมื่อผู้ชายหึง เขาจะไม่สามารถปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้ ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆคืออะไรกันแน่]
หานเหมิงอวี้มีกลอุบายที่เก่งเรื่องการจีบผู้หญิง และรู้วิธีที่จะทําให้ผู้ชายคนอื่นหึงแทน
การคําานวณของจ่ายหวินเชิ่งนั้นแม่นยํามาก และอันหยางก็หึงจริงๆ
และถึงจะยังมีน้ําส้มสายชูก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้อีก
เพราะอันหยางไม่ใช่แฟนของหูเจียวเจียวแล้ว ซึ่งเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงหวงอีกต่อไป
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง อันหยางที่กําลังนอนอยู่บนเตียง จึงเปลี่ยนมาอ่านเวยป๋อ
เวยป๋อของเขายังคงติดตามหูเจียวเจียวอยู่ และเมื่ออันหยางเปิดเข้าไปดู ก็เห็นหูเจียวเจียวโพสต์รูปภาพพอดี
เนื้อหาของภาพเป็นสร้อยคอประดับเพชร
สร้อยคอถูกวางอยู่ในกล่องเครื่องประดับ โดยกล่องเครื่องประดับเพิ่งจะถูกดึงกระดาษห่อออกพร้อมมีข้อความขอบคุณสําหรับของขวัญ มันสวยงามมาก เหมือนดาวบนท้องฟ้า
ใครเป็นคนให้ของขวัญ?
ปฏิกิริยาแรกของอันหยาง คือผู้ชายที่ไปส่งหูเจียวเจียวกลับบ้านในวันนี้
อันหยางขยายภาพเข้าไป และพบว่าตําแหน่งที่ถ่ายภาพนั้นเป็นที่นั่งข้างคนขับ
อีกทั้งเขายังเห็นรองเท้าของหูเจียวเจียว
ดังนั้น ภาพนี้จึงถูกถ่ายตอนที่หูเจียวเจียวกําลังนั่งอยู่ข้างคนขับ และวางของขวัญไว้บนหน้าตักของตัวเอง
ครอบครัวของหูเจียวเจียวไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ดังนั้น คนที่ขับรถไม่ใช่ครอบครัวของเธออย่างแน่นอน
และยังจําได้ว่าหูเจียวเจียวเคยบอกกับเขาว่า ถ้าตัวเธอเรียกแท็กซี่จะไม่นั่งข้างคนขับเด็ดขาด เพราะถ้าคนขับเป็นคนเลวขึ้นมา เธอยังมีโอกาสหลบหนีถ้านั่งอยู่เบาะหลัง และเธอจะไม่มีโอกาสหนีได้เลยถ้านั่งอยู่ข้างคนขับ
ที่สําคัญ ถ้าเป็นแท็กซี่หูเจียวเจียวไม่ควรเปิดของขวัญในรถ
สรุปได้ว่า หูเจียวเจียวต้องอยู่ในรถของใครบางคนที่เธอรู้จัก
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่วันนี้หานเหมิงอวี้ได้ไปส่งหูเจียวเจียวกลับบ้าน
ดังนั้น ภาพนี้มีแนวโน้มว่าจะถ่ายในรถของหานเหมิงอวี้
และหูเจียวเจียวออกจากตระกูลเจี่ยนโดยไม่มีกล่องของขวัญชิ้นนี้
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ของขวัญชิ้นนี้มีแนวโน้มมากที่สุด ที่หันเหมิงอวี้จะมอบให้กับหูเจียวเจียว!
ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่รักการเป็นนักสืบ แต่ผู้ชายขี้หึงก็เป็นเชอร์ล็อคโฮล์มส์ด้วยเช่นกัน
บทที่ 1236 การว่าจ้าง
จากภาพถ่ายเพียงภาพเดียว อันหยางได้สรุปข้อมูลที่ยาวเหยียดออกมา
ตอนนี้อันหยางกําลังคิดในใจว่า หานเหมิงอวี้กําลังไล่ตามหูเจียวเจียวอยู่งั้นเหรอ?
ไม่อย่างนั้น มันจะไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก ที่ผู้ชายคนนั้นจะไปส่งหูเจียวเจียวกลับบ้าน และยังมอบสร้อยคอเพชรให้กับเธออีก
สร้อยคอเพชรเส้นนี้ดูแล้วมีมูลค่ามหาศาล ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เพื่อนทั่วไปจะมอบให้เธอได้ แต่สิ่งที่อันหยางให้ความสําคัญมากกว่า คือข้อความประกอบของหูเจียวเจียว ที่บอกว่ามันสวยงามมาก ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
สร้อยคอเพชรที่ชายแปลกหน้าให้มาจะรับมันมาได้ยังไง?
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเจตนาที่ไม่ดี!
ยิ่งอันหยางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น
เตียงของโรงแรมนี้ไม่สบายเลย ทําให้อันหยางต้องพลิกตัวไปมาเป็นเวลานาน โดยที่ยังไม่ได้หลับเลยสักวินาที
หลังจากพลิกตัวไปมาอยู่หลายรอบ ในที่สุดเวลาก็ได้ล่วงเลยมาจนถึงตีห้ากว่าๆ และก่อนที่ฟ้าจะสว่างอันหยางก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาต้องการที่จะไปหาหูเจียวเจียว แต่ความทรงจําที่เจ็บปวดในหัวของเขาก็กลับมาอีกครั้งที่ผ่านมา เขาไม่เคยคิดยอมแพ้เรื่องของหูเจียวเจียวเลยสักครั้ง
แต่ทั้งสองครอบครัวกลับรู้สึกไม่สบายใจ และด้วยเหตุผลนี้จึงทําให้ทะเลาะกันไม่รู้จบ
ตามที่ปู่ของอันหยางบอก ว่าความสามารถของเขายังมีไม่มากพอ ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถขออะไรมากไปกว่านี้
เขาจึงไปหาปู่เพื่อซ่อนตัวอย่างเงียบๆ
และปล่อยใหใจของตัวเองสงบลง
อย่างไรก็ตาม ใจที่ตกตะกอนนอนก้นล่วงเลยมาเป็นเวลากว่าหนึ่งปี ก็ขุ่นมัวไปในทันทีหลังจากกลับมาเมืองหลวงสอง
เขาปล่อยเธอไปไม่ได้จริงๆ
แต่เขาไม่ควรพยายามเข้าใกล้เธออีกต่อไป เพราะมันอาจทําให้เธอได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งที่อันหยางรู้สึกว่าวิญญาณในร่างกายของเขากําลังฉีกออกจากกันเป็นสองดวง
ครึ่งหนึ่งต้องการไปหาหูเจียวเจียว
ส่วนอีกครึ่งที่เหลือขอให้เขาไม่ไปรบกวนเธออีกต่อไป
อันหยางนอนลงอย่างอ่อนแรง
ที่จริงแล้วหูเจียวเจียวไม่เข้าใจ ว่าทําไมเจี่ยนอีหลิงถึงให้เธอโพสต์รูปลงในเวยป๋อ
แต่เจี่ยนอีหลิงให้เธอโพสต์ และเธอก็ไว้วางใจเจี่ยนอีหลิง100%
อย่าว่าแต่จะให้โพสต์ลงในเวยป๋อ 1 ข้อความเลย อีกสัก 10 ข้อความก็ไม่ใช่ปัญหา
หูเจียวเจียวไม่รู้ว่าอันหยางจะดูเวยป๋อของเธอ และไม่รู้ว่าตอนนี้เขากําลังคิดอะไรอยู่ หลังจากที่เห็นโพสต์นั้นของเธอแล้ว
สองวันมานี้การได้เจออันหยางบ่อยๆ ทําให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะจดจ่ออยู่กับการเขียนต้นฉบับมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ได้ไปหาเจี่ยนอีหลิงที่นั่นอีก และไม่ต้องคิดเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับอันหยาง
หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงมาพักอยู่ที่ตระกูลเจี่ยนได้ไม่กี่วัน ท่านผู้เฒ่าจ่ายและนายท่านรองจ่ายก็มาเยี่ยมปู่เจี่ยนและย่าเจี่ยน เพื่อมาพูดคุยด้วยถ้อยคําที่สุภาพและอ่อนโยน
และนําสินสอดทองหมั้นที่เตรียมมาเป็นอย่างดี อีกทั้งดวงวันเกิดของจ่ายหวินเชิ่ง
ตามกฎแล้ว หลังจากทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนวันเกิดกัน พ่อแม่ของฝ่ายชายก็สามารถกําหนดวันเวลาได้เลย
แต่เมื่อเห็นรายการสินสอดตระกูลจ่ายที่ส่งมาให้ ปู่เจี่ยนและย่าเจี่ยนก็ตกตะลึงทันที
ตระกูลจ่ายจะแต่งหลานสะใภ้ต้องท่าถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
หุ้นครึ่งหนึ่งของบริษัทตระกูลจ่าย พวกเขานํามันมาเป็นสินสอดก็ได้เหรอ?
ปู่เจี่ยนและย่าเจี่ยนมองหน้ากันอย่างแปลกประหลาด และส่งรายการสินสอดให้กับเจี่ยนชูฉิงและเงินน่วม
เจี่ยนชูฉิงและเวินน่วนก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน หลังจากอ่านรายการทั้งหมดจบ
“นี่…ไม่ต้องท่าแบบนี้หรอก…” เจี่ยนชูฉิงไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ตระกูลจ่ายตรงหน้าฟังยังไงดีทั้งๆที่แปลกใจ แต่ก็มีความสุขกับลูกสาวของตัวเอง
ซึ่งมีตระกูลหนึ่งเต็มใจ ที่จะใช้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลมาเป็นสินสอด เห็นได้ว่าอีกฝ่ายให้ความสําคัญกับลูกสาวของเขามาก
และตระกูลแบบนี้ ถ้าลูกสาวได้แต่งงานไปแล้ว ส่วนใหญ่จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน
ท่านผู้เฒ่าจ่ายยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวหลิงเป็นดาวนําโชคของอาเชิ่ง และเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลจ่าย เธอสมควรได้รับสิ่งเหล่านี้”
นายท่านรองจ่ายเห็นด้วยและพูดว่า “ในอนาคต พวกเราจะเป็นตระกูลเดียวกัน ซึ่งมันเหมาะสมอย่างยิ่งที่เสี่ยวหลิงจะใช้เวลาอีกครึ่งชีวิตกับอาเชิ่ง”