เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 1187-1188
บทที่ 1187 เมื่อไรที่นายจะมองหาใครสักคน
เจี่ยนหยุ่นเฉิงเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่ฮั่วอวี้ด้วยแววตาเย็นชา “เธอเป็นน้องสาวของฉัน”
“ดี ดี” ฮั่วอวี้รีบเปลี่ยนคําพูดอย่างรวดเร็ว “เธอเป็นน้องสาวของนาย แถมเธอยังหายตัวไปถึงสองปี และในที่สุดนายก็ได้น้องสาวที่หายไปกลับคืนมา ซึ่งฉันไม่ควรพูดอย่างนั้นออกมา! เอาล่ะ นายจะให้ฉันบล็อกบัญชีของคนพวกนั้น หรือจะให้ทําลายฟอรัมทางการแพทย์ทั้งหมด ขอแค่นายบอกฉันแค่ค่าเดียว แล้วฉันจะทําให้ทันที”
ขอเพียงอย่ามองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาแบบนี้อีกก็พอ
เครื่องปรับอากาศในสํานักงานเย็นพอแล้ว ไม่จําเป็นต้องเย็นลงอีกก็ได้
“ไม่จําเป็น” เจี่ยนหยุ่นเฉิงกล่าว
“ไม่จําเป็น? นายแน่ใจนะ?” ทําไมท่าทางของเขาดูเหมือนจะไม่ต้องการแบบนั้นจริงๆ
“สิ่งที่เธอต้องการ ไม่ใช่ให้เราลบข้อความบนอินเทอร์เน็ต”
หลังจากที่พูดจบ เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็เก็บโต๊ะทํางาน เอื้อมมือไปคว้ากุญแจรถ แล้วเดินออกจากสํานักงานในทันที
“เฮ้! นายน้อยเฉิง ตอนนี้ยังเป็นเวลาทํางานอยู่นะ อีกสักพักนายก็ต้องเข้าประชุมอีก แล้วจะให้ฉันทํายังไงตอนที่นายหายไปเล่า? เฮ้! คงไม่อยากให้ฉันไปประชุมแทนนายหรอกใช่ไหม? เฮ้!…” ฮั่วอวี้ตะโกนอยู่นาน แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดเจี่ยนหยุ่นเฉิงให้หันกลับมามองได้ ฮั่วอวี้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
เจี่ยนหยุ่นเฉิง อา…เจี่ยนหยุ่นเฉิง เขาฮั่วอวี้คงจะเป็นหนี้ผู้ชายคนนี้ในชาติก่อนอย่างแน่นอน! ช่างมันเถอะ ไปดูเนื้อหาการประชุมครั้งต่อไปก่อนดีกว่า
เพื่อหลีกเลี่ยงเวลาที่บริษัทจะล้มละลาย และก่อนที่หุ้นของเขาจะกลายเป็นเศษกระดาษไปซะก่อน
เจี่ยนหยุ่นเฉิงขับรถไปที่โรงพยาบาลลั่วไห่เซินสาขาเป่ยจิง
เขารออยู่นอกโรงพยาบาล จนกว่าเจี่ยนอีหลิงจะเลิกงาน
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เจี่ยนอีหลิงก็เดินออกมาจากโรงพยาบาล และเห็นว่ารถที่มารับเธอไม่ใช่คนขับรถจากตระกูลจ่าย แต่เป็นเจี่ยนหยุ่นเฉิง
“ฉันให้คนขับรถของเธอกลับไปก่อนแล้ว” เจี่ยนหยุ่นเฉิงอธิบายอีกว่า “ฉันจะไปส่งเธอเอง” เสียงของเขาทุ้มต่ําเช่นเคย แต่การพูดคุยกับเจี่ยนอีหลิงนั้นนุ่มนวลกว่าตอนที่คุยกับคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
“โอเค” เจี่ยนอีหลิงพยักหน้า
เจี่ยนหยุ่นเฉิงช่วยเจี่ยนอีหลิงเปิดประตูข้างคนขับ หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงนั่งลงแล้ว เขาก็เดินกลับไปที่ตําแหน่งขับรถ
เจี่ยนอีหลิงไม่รู้ว่าทําไมเจี่ยนหยุ่นเฉิง ถึงมารับเธอหลังจากที่เลิกงานแบบนี้
เจี่ยนหยุ่นเฉิงขับรถอย่างเงียบๆ สักพักหนึ่งก่อนที่เขาจะพูดว่า “อย่าไปสนใจความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ต เธอเก่งที่สุดแล้ว”
เอ๊ะ?
เจี่ยนอีหลิงรู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอไม่เข้าใจความหมายของเจี่ยนหยุ่นเฉิงที่ต้องการจะสื่อออกมา
ความคิดเห็นอะไรบนอินเทอร์เน็ต?
เจี่ยนอีหลิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และค้นหาข่าวล่าสุดที่เกี่ยวกับตัวเอง และได้เห็นความคิดเห็นเกี่ยวกับเธอที่ถูกตั้งคําถามว่าเป็นชื่อเสียงจอมปลอม
ดังนั้น เจี่ยนหยุ่นเฉิงจึงมาหาเธอและพาเธอกลับบ้าน โดยกลัวว่าความคิดเห็นเหล่านี้จะทําให้เธอรู้สึกอึดอัดอย่างนั้นเหรอ?
“ฉันไม่ได้สนใจอยู่แล้ว” เจี่ยนอีหลิงตอบ
หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็เงียบไปครู่หนึ่ง “ถ้ารู้สึกไม่สบายใจหรือเสียใจก็พูดมันออกมา…อย่าได้เก็บมันเอาไว้
เจี่ยนหยุ่นเฉิงดูเหมือนจะกลัวมาก ว่าเจี่ยนอีหลิงจะซ่อนความคิดของตัวเองไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ
เจี่ยนอีหลิงตอบอย่างมั่นใจ “ฉันไม่สนใจจริงๆ”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เจี่ยนอีหลิงก็ถามคําถามกับเจี่ยนหยุ่นเฉิง “เมื่อไรนาย…จะมองหาใครสักคน”
“หือ?”
อยู่ๆเจี่ยนอีหลิงก็ถามคําถามนี้ขึ้นมา ซึ่งเจี่ยนหยุ่นเฉิงไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“ย่า…ให้มาถามด้วย
เจี่ยนอีหลิงตอบเสียงเบา
อ๋อ…มันเป็นแบบนี้นี่เอง
“แล้วเธอชอบผู้หญิงแบบไหน?” เจี่ยนหยุ่นเฉิงถามเจี่ยนอีหลิง
“ฉันชอบผู้ชาย”
“สิ่งที่ฉันจะถาม คือเธอชอบผู้หญิงแบบไหนมาเป็นพี่สะใภ้ของเธอ”
“เอ่อ…” ที่แท้ก็ชอบแบบนี้นี่เอง
เจี่ยนอีหลิงคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะตอบว่า “ถ้านายชอบก็พอแล้ว” บทที่ 1188 พี่ใหญ่
“เธอเคยบอกเอาไว้ว่าถ้าจะแต่งงาน ต้องให้เธอยอมตกลงก่อนเท่านั้น”
เจี่ยนอีหลิงจ่าสิ่งที่เจี่ยนหยุ่นเฉิงพูด ในตอนที่เขายังเป็นเด็กได้
เจี่ยนอีหลิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และภาพตอนที่เธอยังเป็นเด็กก็ปรากฎขึ้นมาในหัวของเธอ ครั้งนั้น พ่อแม่ของเธอพาพี่น้องทั้งสี่คนไปงานเลี้ยงแต่งงานของญาติ
และไม่รู้ว่าทําไม หัวข้อจึงกลายเป็นการแต่งงานของพี่ชายทั้งสามคน
เธอจึง “สั่ง” พี่ชายทั้งสามคนให้ฟังเธอก่อนที่จะแต่งงาน และพี่สะใภ้ต้องเป็นคนที่เธอชอบเท่านั้น
“ตอนนั้นฉันยังเด็กและโง่เขลา นายไม่จําเป็นต้องทําตามที่ฉันบอกก็ได้”
เมื่อตอนนั้นเธอยังเด็กมาก และคิดว่าพี่ชายทั้งสามเป็นของตัวเอง และแน่นอนว่าพวกเขาต้องฟังเธอ
แต่ตอนนี้ เจี่ยนอีหลิงจะไม่คิดอย่างนั้นแล้ว
“ยังไงฉันก็จะทําตามที่เธอบอก” เจี่ยนหยุ่นเฉิงยืนยัน “สิ่งที่เธอชอบนั้นเป็นสิ่งที่สําคัญมาก”
เจี่ยนอีหลิงไม่รู้ว่าจะพูดกับผู้ชายคนนี้ยังไงดี
เธอหันหน้าไปมองเจี่ยนหยุ่นเฉิงที่กําลังขับรถอยู่
ใบหน้าที่แน่วแน่ของเขาดูจริงจัง และมีแววตาที่ลึกล้ํามาก
เขาพูดจริง
ความรู้สึกแปลกๆได้ผุดขึ้นมาในหัวใจของเจี่ยนอีหลิง และเธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นความรู้สึกอะไร ซึ่งมันแปลกและซับซ้อนมาก
ทั้งสองนั่งเงียบไปตลอดทาง
เมื่อมาถึงประตูทางเข้าชุมชนที่เจี่ยนอีหลิงอาศัยอยู่ เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็หยุดรถ
ทั้งสองลงมาจากรถ และเจี่ยนหยุ่นเฉิงต้องการเดินไปส่งเจี่ยนอีหลิงขึ้นไปชั้นบน เพราะเขาต้องเห็นว่าเธอได้เข้าประตูไปแล้ว จึงจะกลับได้อย่างสบายใจ
เดินมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น อยู่ๆเจี่ยนอีหลิงก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน
“มีอะไรเหรอ?” เจี่ยนหยุ่นเฉิงหันกลับมามอง
“พี่…พี่ใหญ่…” เจี่ยนอีหลิงกล่าวสองคํานี้ออกมาอย่างยากลําบาก
ตอนที่พูด ดวงตาของเธอไม่กล้ามองไปที่เจี่ยนหยุ่นเฉิง
ทันใดนั้น ร่างกายของเจี่ยนหยุ่นเฉิงก็แข็งทื่อทันที
น้องสาวเรียกเขาว่าพี่ใหญ่…
เขาได้ยินคําว่า “พี่ใหญ่” จริงๆ
ครั้งสุดท้ายที่เขาได้ยินคําว่า “พี่ใหญ่” ก็ผ่านมาแล้วถึงห้าปี
ในที่สุด น้องสาวของเขาก็ยอมรับสถานะพี่ใหญ่ของเขาอีกครั้ง
แต่สิ่งที่เจี่ยนหยุ่นเฉิงไม่รู้ก็คือ คําว่า “พี่ใหญ่” ไม่ได้มาช้าแค่ 5 ปีเท่านั้น แต่มันไม่เคยถูกเรียกอีกเลยตลอดทั้งชีวิตของเจี่ยนอีหลิง
ในชีวิตที่แล้ว เจี่ยนอีหลิงไม่ได้เรียกเจี่ยนหยุ่นเฉิงว่าพี่ใหญ่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
ในหัวใจของเจี่ยนอีหลิง พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นญาติจอมปลอมที่ไม่เชื่อใจเธอแม้แต่น้อย และทุกคนก็ทอดทิ้งเธอไว้เพียงลําพัง
เจี่ยนหยุ่นเฉิงหันหลังและเดินไปตรงหน้าเจี่ยนอีหลิง หลังจากนั้นเขาก็คุกเข่าลงเล็กน้อย ก้มตัวลงโอบกอดเจี่ยนอีหลิงไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง
“เสี่ยวหลิง” เสียงทุ้มต่ํามาจากส่วนลึกของลําคอ
“พี่ใหญ่ อย่าใจร้ายกับสาวๆนักเลย ถ้าพี่ใหญ่ชอบคนไหนฉันก็ชอบด้วย”
นัก เจี่ยนอีหลิงพูดด้วยความยากลําบาก ในสิ่งที่เธอต้องการจะพูดด้วยน้ําเสียงที่สะดุดเล็กน้อย
เมื่อโตขึ้นเจี่ยนอีหลิงไม่ค่อยเอาแต่ใจ และไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตรักของพี่ชายมาก
“โอเค” เจี่ยนหยุ่นเฉิงตอบตกลงในทันที
ถึงแม้ว่าการแข่งขันกับเจี่ยนอีหลิงจะไม่ได้เกิดขึ้นก็ตาม แต่ชายชราที่เป็นมะเร็งปอดก็เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลโดยเฟยชิง
เนื่องจากหนังสือได้ถูกแจ้งออกไปแล้ว จึงไม่ดีที่จะกลับค่ากลางคัน
นามสกุลของชายชราคือหลี่ ซึ่งเขาคนนี้เป็นคนรวยมาก
เขามีลูกชายและลูกสาวสองคน และลูกๆของเขาต่างก็มีความหวังในการรักษาในครั้งนี้มาก
หลังจากชายชราได้รับการวินิจฉัยแล้ว ลูกๆของเขาได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยชีวิตพ่อของตัวเอง พวกเขาไม่สนใจว่าจะใช้เงินไปเท่าไร แต่หวังเพียงว่าพ่อของพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสองปี
แต่แพทย์และผู้เชี่ยวชาญได้แนะนําพวกเขาว่าอย่าทําการผ่าตัดนี้ เพราะความเสี่ยงของการผ่าตัดมีสูงมากเกินไป
แต่ถ้าไม่มีการผ่าตัด ชายชราคนนี้จะมีเวลาอยู่ได้ไม่เกินสองเดือนเท่านั้น
ยังมีความหวังอันริบหรี่ในการผ่าตัดอยู่
ชายชราเองก็หวังจะเสี่ยงดวงเหมือนกัน เพราะเขาอยากเห็นหลานชายของตัวเองเติบโตขึ้นและอยากเห็นหลานชายของเขาแต่งงาน