เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 1177-1178
บทที่ 1177 กลับสู่เมืองหลวง 1
ใบหน้าที่หลับใหลของทั้งสองคนดูสงบและน่ารัก โดยทั้งคู่ไม่รู้ตัวว่าจ่ายหวินเชิ่งได้มองมาสักพักแล้ว
ดึกมากแล้ว จ่ายหวินเชิ่งจึงเตรียมอุ้มเด็กน้อยเพื่อส่งคืนให้กับเจี่ยนหยู่หมินและหลัวซิ่วเอิน ทันทีที่เขาเริ่มลงมือ เด็กน้อยที่หลับอยู่ตอนนี้ก็ลืมตาขึ้น
เขาไม่ได้ร้องไห้ เขาเพียงแค่มองไปที่จ่ายหวินเชิ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน เด็กน้อยก็บิดก้นเล็กน้อยและพลิกตัวไปมา จนแนบชิดกับหน้าอกของเจี่ยนอีหลิง เขาบิดบั้นท้ายเล็กๆไปที่จ่ายหวินเชิ่ง
จ่ายหวินเชิ่งยิ้มแล้วนอนลงอีกด้านของเจี่ยนอีหลิง
หลังจากนอนลงจ่ายหวินเชิ่งก็เปิดโทรศัพท์
เขาไม่ได้เปิดโทรศัพท์เครื่องนี้มาสองปีแล้ว
ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเพื่อไม่ให้เขารับรู้ข่าวภายนอก ปู่และอารองได้เอาโทรศัพท์มือถือของเขาไป
หลังจากที่เปิดมา มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านทั้งหมดอยู่ภายใน
เขาต้องค่อยๆทําความคุ้นเคยกับงานเก่าของเขาก่อนหน้านี้ และรับภาระที่เป็นของเขาอีกครั้ง เพราะกลัวว่าจะรบกวนเวลานอนของเจี่ยนอีหลิง เขาเลือกที่จะใช้โทรศัพท์หน้าจอสัมผัสและแท็บเล็ตเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดเสียงเคาะจากแป้นพิมพ์
กลางดึก เจี่ยนอีหลิงตื่นขึ้นและหันไปด้านข้างเห็นโทรศัพท์ของจ่ายหวินเชิ่งยังคงเปิดอยู่และเห็นข้อมูลการทํางานของเขาเต็มหน้าจอ
เขาจริงจังและทํางานหนัก
ความพยายามส่วนใหญ่ของเขาคือเพื่อเธอใช่ไหม?
เจี่ยนอีหลิงไม่อยากรบกวนจ่ายหวินเชิ่ง เธอสวมกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน แล้วหลับตาแสร้งทําเป็นหลับ
จ่ายหวินเชิ่งและเจี่ยนอีหลิงออกจากหมู่บ้านจินซุยที่พวกเขาอาศัยอยู่มานานกว่าหนึ่งเดือนและพาจินจิ่นและจางหยุนมาด้วย
เดิมทีทั้งสองคนไม่อยากไปเมืองหลวงกับเจี่ยนอีหลิง แต่เจี่ยนอีหลิงได้แนะนํางานในฝันให้กับจางหยุนและจินจิ่น
ดังนั้นทั้งสองคนจึงตามเจี่ยนอีหลิงและขึ้นเครื่องบินไปยังเมืองหลวง
เมืองหลวงในตอนนี้เปลี่ยนไปมากจากสองปีก่อนที่เจี่ยนอีหลิงจะจากไป
ในคฤหาสน์ตระกูลฉิน พี่น้องตระกูลฉินกําลังทานอาหารอยู่ และมีบุคคลที่สามอยู่ที่โต๊ะอาหาร ด้วย คนที่ฉินหยูฝานไม่อยากเห็น
ผู้หญิงที่ไม่ควรแยแสคนนี้ กลับถูกพี่ชายของเธอฉินชวนรับกลับมาจากเมืองชายแดนเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่แล้ว
ไม่เพียงแต่อนุญาตให้เธออยู่บ้าน มอบทุกอย่างให้กับเธอ แต่ยังเปิดเผยตัวตนของเธอในฐานะแฟนของเขาอีกด้วยจิต
ฉินหยูฝานไม่เข้าใจเลย ไม่ใช่ว่าฉินชวนไม่รู้มาก่อนว่าโม่ชื่ออวิ๋นทําอะไรไว้บ้าง
ไม่มีเหตุผลเลยที่ฉินชวนยังคงสนใจผู้หญิงคนนี้อยู่
แต่ไม่ว่าเธอจะเกลี้ยกล่อมยังไง ฉินชวนก็ยังยืนกรานที่จะอยู่กับผู้หญิงคนนี้ ราวกับโดนสะกดที่โต๊ะอาหาร ทั้งสามคนเงียบกริบ บรรยากาศค่อนข้างสงบ
ก่อนโม่ชื่ออวิ๋นจะมา ฉินหยูผ่านมีบางอย่างจะพูดกับฉินชวน แต่เนื่องจากโม่ชื่ออวิ๋นปรากฏตัวขึ้น การสื่อสารระหว่างพี่น้องก็ดูเหมือนจะย้อนกลับไปในอดีต
ฉันชวนกินอาหารอย่างเงียบๆ
โม่ชื่ออวิ้นรีบลุกขึ้นมาช่วยเขาหยิบกระเป๋าเอกสารและส่งเขาไปทํางานเช่นเดียวกับที่ภรรยาที่ดีทุกคนจะทําฉินหยูผ่านมองด้วยสายตาเย็นชา
หลังจากที่ฉินชวนออกไปแล้วฉินหยูผ่านก็พูดกับโม่ชื่ออวิ้นว่า “เสี่ยวหลิงยังมีชีวิตอยู่ และจะกลับมาเร็วๆนี้ เธออย่าคิดทําอะไรไม่ดีล่ะ!”
โม่ชื่ออวิ๋นก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วตอบอย่างนุ่มนวลว่า “หยูฟาน ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด ฉันจะไม่ทําอะไรโง่ๆแบบนั้นอีก เจี่ยนอีหลิงคือเจี่ยนอีหลิง ฉันคือฉัน ไม่จําเป็นต้องอิจฉาสิ่งที่เธอมีตอนนี้ พี่ชายของเธอก็ดูแลฉันดีมาก แค่นี้ฉันก็พอใจมากแล้ว”
“แบบนี้ก็ดี!” ฉินหยูผ่านมองโม่ชื่ออวิ๋นอย่างเย็นชาแล้วหันหลังเดินจากไป
ฉินหยูฝานรับของจากคนรับใช้และออกไปที่สนามบิน
วันนี้เจี่ยนอีหลิงกําลังกลับมา และเธอจะไปรับเจี่ยนอีหลิงที่สนามบิน
บทที่ 1178 กลับสู่เมืองหลวง 2
ข่าวการกลับมาเมืองหลวงของเจี่ยนอีหลิงได้รับการกล่าวถึงอย่างมากมายบนอินเทอร์เน็ต
เหยื่อเครื่องบินตกปรากฏตัวอีกครั้งหลังผ่านไปสองปี ซึ่งน่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ชาวเน็ตมองว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ส่วนใหญ่ก็ถือว่าเป็นพร
[เจี่ยนอีหลิงฟื้นคืนชีพ! โอ้ พระเจ้า มันช่างเหลือเชื่อจริงๆใช่ไหม?]
[เทพหลิง เทพหลิงของฉัน เธอยังมีชีวิตอยู่จริงๆสินะ!]
[อธิษฐานขอพร แค่มีชีวิตอยู่ แค่มีชีวิตอยู่]
มีคนบนอินเทอร์เน็ตได้ทําการค้นคว้าและคาดเดาโดยบอกว่าอาจเป็นการข้ามรูหนอน
(หมายเหตุ : ตามจินตนาการในนิยายวิทยาศาสตร์ “รูหนอน” ถือเป็น “ทางลัด” ในห้วงอวกาศ เป็นอุโมงค์ที่ช่วยให้ยานอวกาศผ่านสู่ไฮเปอร์สเปซได้ โดยการกระโจนเข้าไปจากด้านหนึ่งแล้วก็จะทะลุผ่านออกไปยังอีกด้านหนึ่งของจักรวาล แนวความคิดเรื่องนี้มีที่มาจากสมการในทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์)
[ฉันเดาว่าเครื่องบินเจอรูหนอนข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกและลงจอดในอีกสองปีต่อมา]
[ฉันก็คิดอย่างนั้น เมื่อสองปีที่แล้วพวกเขาไม่พบซากเครื่องบิน ตอนนี้ฉันเดาเอาว่าน่าจะเป็นไปได้มาก!]
แต่บางคนก็ตั้งคําถาม
[แต่ถ้าเป็นรูหนอน เครื่องบินอยู่ไหน? ทําไมไม่มีการเอ่ยถึงเครื่องบินและลูกเรือคนอื่นบนเครื่องบินเลยล่ะ? พวกเขาไปไหนกัน?]
[ทําไมไม่มีรายงานจากสื่อว่าพบเครื่องบินและคนอื่นๆแล้ว ซ่อนอะไรไว้อีก?]
[อ๊ากกก ฉันอยากรู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันหวังว่าสื่อจะสัมภาษณ์เจี่ยนอีหลิงและตอบข้อสงสัยของพวกเราทุกคนได้นะ]
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดา และเจี่ยนอีหลิงเองก็ไม่ได้ออกมาชี้แจงแต่อย่างใด คนรู้แค่ว่าเธอกลับมาและยังมีชีวิตอยู่
วันรุ่งขึ้นหลังจากกลับมาเจี่ยนอีหลิงก็ปรากฏตัวที่โรงพยาบาลลั่วไห่เซินสาขาเป่ยจิง ผ่านไปสองปี โรงพยาบาลรั่วไห่เซินสาขาเป่ยจิงก็เสร็จสมบูรณ์
ซึ่งแตกต่างจากโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลลั่วไห่เซินสาขาเป่ยจิงเป็นที่นิยมมากขึ้น และมีรูปแบบใกล้เคียงกับโรงพยาบาลเอกชน
นอกจากค่าใช้จ่ายที่มีราคาแพงกว่าโรงพยาบาลทั่วไปแล้ว เทคโนโลยีและรูปแบบการดําเนินงานก็ดีกว่าของโรงพยาบาลทั่วไปอีกด้วย
ดังนั้นความต้องการในการรับสมัครของโรงพยาบาลจึงแตกต่างจากโรงพยาบาลทั่วไป ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ภายใต้การจัดการของสมาชิกหลักคนอื่นๆของลั่วไห่เซิน แพทย์จํานวนมากได้มาย้ายเข้ามาอยู่โรงพยาบาลสาขานี้
ตอนนี้จางหยุนได้รับโอกาสนี้และได้เป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลรั่วไห่เซินสาขาเป่ยจิง เมื่อมาถึงเมืองหลวง และมาถึงประตูโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน จางหยุนยังคงสับสน
เธอไม่คาดคิดเลยจริงๆว่าเธอกับจินจิ่นที่ช่วยชีวิตคนๆนั้นไว้ด้วยกัน จะทําให้เธอบรรลุเป้าหมายในชีวิตอย่างหนึ่งของตัวเองที่จะได้เป็นสมาชิกของโรงพยาบาลรั่วไห่เซินสาขาเป่ยจิง
จางหยุนไม่เคยคิดว่าจะได้เป็นสมาชิกของโรงพยาบาลลั่วไห่เซินมาก่อน ว่ากันว่าเฉพาะคนที่มีพรสวรรค์ระดับสูงเท่านั้นที่จะเข้าได้ตัว
“มิสเจี่ยน ฉันสามารถมาทํางานที่นี่ได้จริงๆเหรอ?” จางหยุนยืนยันเรื่องนี้กับเจี่ยนอีหลิงอีกครั้งเจี่ยนอีหลิงพยักหน้า
“แต่ต้องเริ่มจากการฝึกงานนะ”
“ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจ”
จางหยุนพยักหน้าซ้ําๆ
ไม่ว่าจะเริ่มจากการฝึกงานหรืออะไรก็ตาม การเข้ามาได้ก็พอใจมากแล้ว
หลังจากที่ทั้งสองคนเข้าไปในโรงพยาบาลแล้ว จางหยุนก็ไปที่แผนกของตัวเองเพื่อรายงานเจี่ยนอีหลิงไปพบกับคณบดีที่ประจําการอยู่สาขาเป่ยจิง
“เฮ้ นี่คือเจี่ยนอีหลิงเหรอ? ที่อยู่สํานักงานใหญ่น่ะ?” “ใช่ใช่ คนที่หายตัวไปเมื่อสองปีก่อน”