เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 1127-1128
เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 1127 นายท่านเชิ่งมาแล้ว
จากนั้นเจี่ยนอีหลิงก็ชี้ไปที่กลุ่มพี่เปียว “และพวกเขา ก็ขโมยโทรศัพท์ของคนที่ช่วยฉันไว้ ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถโทรกลับไปได้”
อันหยางโกรธขึ้นมา “บอสเข้าไปพักผ่อนเถอะ ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง” หลังจากที่อันหยางบอกให้เจี่ยนอีหลิงเข้าไปข้างในแล้ว เขาก็เดินไปที่ประตู จินเฟิงที่อยู่นอกประตูถามอย่างระมัดระวัง “พี่หยาง พี่…พี่รู้จักคนที่น่าเกลียด….คนนี้ด้วยเหรอ?”
อันหยางแค่นเสียงเย็นชา “เหอะ เรียกฉันว่าพี่หยาง ดูเหมือนว่านายจะรู้ว่าฉันเป็นใคร ยังกล้า แตะต้องบอสฉันอีกเหรอ?”
“พี่หยาง พี่หยางยกโทษให้เราด้วย พวกเราไม่รู้ว่าเธอคือบอสของพี่” จินเฟิงรีบขอโทษ เขาจะรู้ได้ยังไงว่าสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดที่มองไม่เห็นหน้าเห็นตาจะเป็นบอสของพี่หยางที่มีชื่อเสียงของพวกเขา?
ใครจะคิดเรื่องนี้ได้บ้าง?
“ใช่แล้วพี่หยาง พวกเราไม่รู้จริงๆ พวกเรามีตาหามีแววไม่ ได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย” อันหยางไม่สนใจคนพวกนี้ เขาหันไปพูดกับจินจิ่นที่อยู่ข้างๆว่า “น้องสาวเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนบอสของฉันก่อน ภาพต่อจากนี้ไม่ค่อยเหมาะกับเด็กสักเท่าไหร่”
จินจิ่นเดินเข้าไปในห้องอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่ประตูปิดลง ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากด้านนอก
จินเฟิงและพี่เปียวผลัดกันกรีดร้อง
ฟังดูเหมือนจะโหดร้าย
แต่ก็เหมือนจะไพเราะดีไม่ใช่เหรอ?
หลังจากจัดการกับคนที่ขัดตา อันหยางก็กลับเข้ามาและพูดกับเจี่ยนอีหลิงว่า “บอส สองปีมานี้ บอสหายไปไหนมา? ทําไมบอสไม่มาหาเราเลยล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเจี่ยนติดต่อฉันมา ฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ําว่าบอสมาอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้”
“ไว้มีโอกาสจะเล่าให้ฟังนะ” เจี่ยนอีหลิงอธิบายไม่ถูกว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ “แล้วนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“โอ้ ฉันเรียนไม่จบมหาลัยน่ะ เลยลาออกมารับช่วงต่อบริษัทของตา แล้วฉันก็อยู่แถวทิศตะวันตกเฉียงใต้พอดี ฉันเป็นคนที่อยู่ใกล้บอสมากที่สุด ดังนั้นตระกูลเจี่ยนจึงรีบติดต่อฉันมาหลังจากได้รับข่าว จากนั้นฉันก็รีบมานี่แหละ คนอื่นๆก็กําลังมาเหมือนกัน”
“พวกเขา…กําลังมาเหรอ?”
“รวมทั้งนายท่านเชิ่งด้วย” อันหยางบอกเจี่ยนอีหลิงว่า “สภาพร่างกายของนายท่านเชิ่งแย่มาก เขาค่อนข้างแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้มาก ถ้าบอสเห็นก็อย่าตกใจไปนะ”
“เขาสุขภาพไม่ดี ทําไมเขาต้องรีบมาที่นี่ด้วย? ฉันไปที่นั่นเองก็ได้ อันหยางพาฉันไปหน่อย” เจี่ยนอีหลิงรีบลงจากเตียง
อันหยางรีบหยุดเจี่ยนอีหลิง “บอสอย่าเพิ่งขยับเลย มันสายไปแล้ว ตอนที่ฉันได้รับข่าวตอนบ่าย เขาก็ออกเดินทางแล้ว ตระกูลจ่ายนําอุปกรณ์การรักษาขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาด้วย”
“พี่รองบอกฉันว่าไม่ให้บอกเขานะ…”
“พี่รองของบอสไม่อยากบอกก็จริง แต่เขาเป็นคนบอกกับตระกูลเจี่ยนเอง ปู่เจี๋ยนและท่านผู้เฒ่าจ่ายไม่มีความลับต่อกันเลยตลอดสองปีที่ผ่านมา หากตระกูลเจี่ยนรู้ ก็ไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้ กับตระกูลจ่ายได้
“ฉันจะไปหาเขา อันหยางพาฉันไปเดี๋ยวนี้!”
“บอส นายท่านเชิงกําลังเดินทางมาแล้ว เขาขึ้นเครื่องบินเมื่อ 3 ชั่วโมงที่แล้ว และจะลงจากเครื่องในอีกครึ่งชั่วโมง แล้วบอสจะไปไหน? มีพื้นที่ว่างตรงบริเวณใกล้เคียงเพื่ออํานวยความสะดวกในการจอดเฮลิคอปเตอร์ ดังนั้นบอสรอเขาอยู่ที่นี่นี่แหละ”
“เขาทําให้เป็นเรื่องใหญ่อีกแล้ว” ตาของเจี่ยนอีหลิงแดงก่ํา
“บอส บอสคือชีวิตของนายท่านเชิ่ง ตอนที่บอสไม่อยู่ นายท่านเชิ่งเหมือนเสียครึ่งชีวิตไปจริงๆ”
อันหยางเหลือบมองนาฬิกา “ใกล้ถึงเวลาแล้ว ฉันให้ลูกน้องไปรับที่จุดลงจอดเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขา”
“ฉันจะไปด้วย!”
เธอปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้อีกแล้ว
อันหยางจ้องมองที่เจี่ยนอีหลิงและพยายามประนีประนอม “สถานการณ์ปัจจุบันของบอสกับนายท่านเชิงบอกไม่ได้เลยว่าใครดีกว่าใคร”
บทที่ 1128 พบกันอีกครั้งในรอบสองปี
วันนี้ทุกคนในหมู่บ้านจินสุ่ยต่างก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ตอนแรกคือมีรถหรูเรียงแถวมาหลายคัน เข้ามาถามหาคนจากทุกบ้าน
ตอนนี้มีเฮลิคอปเตอร์มาอีกล่าแล้ว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
รู้สึกว่าสถานการณ์วันนี้ค่อนข้างผิดปกติ…
บนสนามหญ้า อันหยางมาพร้อมกับเจี่ยนอีหลิง
เขาให้คนหารถเข็นให้เจี่ยนอีหลิงนั่ง และดันรถเข็นให้เธอเพื่อที่จะเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก เฮลิคอปเตอร์ปรากฏบนท้องฟ้า
เป็นเฮลิคอปเตอร์สีชมพูที่นายท่านรองจ่ายมอบให้เจี่ยนอีหลิงในวันคริสต์มาสปีนั้น
เฮลิคอปเตอร์ขับลงจอดอย่างช้าๆ และลมกระโชกแรงพัดกระทบพื้นหญ้า
หลังจากที่เฮลิคอปเตอร์หยุด ก็มีชายคนหนึ่งกระโดดลงมาอย่างเร่งรีบ
คนนั้นคือหยูซี เขาวิ่งไปที่เจี่ยนอีหลิง
เมื่อเห็นเจี่ยนอีหลิงที่แทบจ่าไม่ได้ หยูซีก็ร้องไห้ออกมา
เขาพูดอะไรไม่ออกเลย
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เพื่อนที่ดีของเขาต้องทนทุกข์ทรมานเหลือเกิน
ผ่านไปครู่ใหญ่ หยูซีจึงเรียกเสียงของตัวเองกลับมาได้ “เทพหลิง เดี๋ยวตอนที่เจอนายท่าน เชิงแล้ว ไม่ว่าเธอจะเห็นนายท่านเชิงเป็นยังไง อย่าร้องไห้นะ ถ้าเธอร้องไห้ เขาต้องทนไม่ได้แน่ๆ”
เจี่ยนอีหลิงพยักหน้า
จากนั้นเจี่ยนอีหลิงก็มองไปที่ประตูห้องโดยสาร
รถเข็นถูกดันออกไป
ชายร่างผอมปรากฏตัวต่อหน้าเจี่ยนอีหลิง
จ่ายหวินเชิงผอมลงมาก และไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลยแม้แต่น้อย
รูปร่างผอมแห้ง และใบหน้าของเขาไม่มีสีเลือด ราวกับว่าเพิ่งออกมาจากโลงศพ
มือของเขามีขวดแขวนอยู่ และยังมีสายข้อมูลต่างๆที่เชื่อมต่อกับเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบตัวชี้วัดต่างๆของร่างกาย
เพิ่งรับปากกับหยูซีว่าจะไม่ร้องไห้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เจี่ยนอีหลิงร้องไห้เหมือนเด็ก
กลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว ไม่สามารถซ่อนได้อีกต่อไป น้ําตาก็ไหลออกมา
ในห้องของจินจิ่นที่หน้าต่าง
แสงตะวันสีแดงยามอัสดงสาดส่องเข้ามาที่หน้าต่าง
สาดส่องไปที่คนสองคนที่อยู่ตรงหน้าต่าง
บนรถเข็นที่อยู่ข้างหน้าต่าง มีชายร่างผอมบางนั่งอยู่
เจี่ยนอีหลิงนั่งอยู่บนขอบเตียงข้างๆ มองขึ้นไปที่เขา
ชายที่นั่งบนรถเข็นก็มองลงมาที่เธอด้วยเช่นกัน
เขาเพียงแค่มองอย่างเงียบๆ ไม่ได้เอื้อมมือออกไปสัมผัส ราวกับว่าถ้าสัมผัสไปแล้วจะหายไปเหมือนฟองสบู่
เจี่ยนอีหลิงมองไปที่จ่ายหวินเชิ่ง ดวงตาของเธอยังคงแดงก่ํา
เขาเคยหล่อเหลาและแข็งแรงมาก แต่ตอนนี้เขากลับผอมลงมาก
เจี่ยนอีหลิงลูบมือของจ่ายหวินเชิ่งเบาๆ เนื่องจากน้ําหนักที่ลดลง นิ้วของเขาจึงดูยาวขึ้นและกระดูกนิ้วมือของเขาก็ชัดเจน
“ฉันทําอาหารได้ และจะดูแลนายจนกลับมาเป็นเหมือนเดิม” เจี่ยนอีหลิงพูดกับจ่ายหวินเชิ่ง
เธอจะต้อง เธอจะต้องดูแลเขาจนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อย่างแน่นอน!
จ่ายหวินเชิ่งไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่มองไปที่เจี่ยนอีหลิง
ตั้งแต่พบกันจนถึงตอนนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักคํา เอาแต่มองเจี่ยนอีหลิง
“อาเชิ่ง นายอยากหายดีไหม? เมื่อนายฟื้นฟูร่างกายของนายได้ทุกอย่างจะดีขึ้น”
เจี่ยนอีหลิงจับมือจ่ายหวินเชิ่ง เอามือของเขามาสัมผัสแก้มเบาๆ และรู้สึก…
รู้สึกถึงผิวสัมผัสของฝ่ามือ สัมผัสถึงการมีอยู่ของเขา
“อาเชิ่ง…”
มือของจ่ายหวินเชิ่งลูบไล่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นของเจี่ยนอีหลิง…
“ฉันไม่เป็นไร ฉันได้รับบาดเจ็บแค่ที่ผิวหนัง และอีกไม่นานฉันก็หายดีแล้ว” เจี่ยนอีหลิงอธิบายให้จ่ายหวินเชิงฟัง
จ่ายหวินเชิงค่อยๆดึงมือตัวเองกลับ แต่ก็ยังคงไม่ได้พูดอะไรออกมา
“อาเชิ่ง คุยกับฉันหน่อยได้ไหม?” เจี่ยนอีหลิงขอร้อง
ตั้งแต่พบกันมาจนถึงตอนนี้ จ่ายหวินเชิ่งไม่ได้พูดอะไรเลย
สิ่งนี้ทําให้เจี่ยนอีหลิงกระวนกระวายมาก
จ่ายหวินเชิ่งยังคงไม่พูดอะไร
หยูซีกล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจ่ายหวินเชิ่งไม่ค่อยพูด และมักจะถามถึงเจี่ยนอีหลิงเสมอ