เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 1113-1114
เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 1113 สองปีต่อมา
สองปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับเจี่ยนอีหลิงเลย
เธอได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมกับเครื่องบินและคนอื่นๆที่กําลังบินอยู่เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก
มีเพียงคนจากตระกูลจ่ายและตระกูลเจี่ยนเท่านั้น ที่ยังไม่ยอมแพ้ พวกเขายังคงส่งคนออกไปค้นหา
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา น่านน้ํามหาสมุทรแปซิฟิก และเกาะเล็กๆบริเวณนั้นถูกค้นหาโดยพวกเขาทุกซอกทุกมุม กําลังคนและทรัพยากรวัสดุที่ลงทุนไปนั้นนับไม่ถ้วน
แต่ไม่ว่าจะมีทรัพยากรทางการเงินที่แข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถนําเด็กสาวคนนั้นกลับคืนมาได้
โลกภายนอกรู้ดีว่า แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เจี่ยนอีหลิงจะมีชีวิตรอด
มีเพียงตระกูลจ่ายและตระกูลเจี่ยนเท่านั้น ที่ยังคงยืนกรานหลอกตัวเองมานานนับสองปี การหายตัวไปของเจี่ยนอีหลิงได้อยู่ในการค้นหายอดนิยมในปีนั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นค่าค้นหาว่า ดาราวาไรตี้ esports ยอดฮิต ศัลยแพทย์อัจฉริยะ และหัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาเวชสําอางที่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางเครื่องบิน
คนส่วนใหญ่เสียใจและไว้อาลัยกันอย่างมากมาย
เวยป๋อของจ่ายหวินเชิ่งและเจี่ยนหยู่หมิน ต่างก็เต็มไปด้วยข้อความปลอบโยนของชาวเน็ต แต่ก็ยังมีคนบางส่วนที่ยินดีกับความโชคร้ายของผู้อื่น
แต่ไม่กี่เดือนต่อมา ผู้คนภายนอกต่างค่อยๆลืมเลือนไปจนหมดสิ้น และมีเพียงตระกูลจ่ายและตระกูลเจี่ยนเท่านั้น ที่จมอยู่กับความเจ็บปวดนี้
ปู่เจี่ยนและย่าเจี่ยนเดิมทีคิดที่จะอพยพออกจากเมืองหลวง และกลับไปยังบ้านเกิดของพวกเขาที่เมืองเหิงหยวน
แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ของตระกูลจ่าย ปู่เจี่ยนจึงตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้ แต่พวกเขาก็สามารถสร้างความอบอุ่นให้กันและกันได้
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากการค้นหาและกู้ภัยแล้ว ตระกูลจ่ายและตระกูลเจี่ยนได้เลือนหายไปจากสายตาของผู้คนในเป่ยจิง
เมืองหลวงในปัจจุบัน ตระกูลฉินได้กลายเป็นผู้นําเพียงหนึ่งเดียว และผู้นําตระกูลที่ได้รับการยอมรับก็คือ ฉินชวนแห่งตระกูลฉิน
สําหรับจ่ายหวินเชิ่ง มีเพียงไม่กี่คนที่พูดถึงเขา และในช่วงสองปีที่ผ่านมาก็ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีสิ่งเดียวที่เรียกได้ว่าคือความสุขของตระกูลเจี่ยน น่าจะเป็นการถือกําเนิดของทารกในตระกูลเจี่ยนรุ่นที่สี่ ซึ่งเป็นลูกของเจี่ยนหยู่หมินและหลัวซิ่วเอิน
ไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ทุกคนคาดหวัง แต่ก็เป็นหัวใจของตระกูลเจี่ยน ที่น่าชีวิตเล็กๆ มาสู่บ้านที่ไร้ชีวิตชีวาหลังนี้
เด็กผู้ชายในวัย 1 ขวบครึ่ง กําลังเดินโยกเยกไปมาอย่างน่ารักน่าชัง
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ ไปบ้านปู่ทวดและย่าทวดกับแม่ อย่าได้ถามเรื่องของอาเข้าใจไหม” หลัวซิ่วเอินกําลังทําการบ้านกับลูกชายของตัวเอง
พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบ 2 ปี ที่เสี่ยวหลิงหายตัวไป ซึ่งปู่เจี่ยนและย่าเจี่ยนคงจะอารมณ์ไม่ดี ดังนั้น เธอจะพาเซียวเจี้ยนไปกับพวกเขาด้วย
“ทําไม?” บนใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยเครื่องหมายคําถาม “อาเล็ก สวยมาก!”
เซียวเจี้ยนไม่เคยเห็นอาเล็กของตัวเอง แต่เขาเคยเห็นรูปถ่ายมาก่อน
เซียวเจี้ยนถึงจะอายุไม่มาก แต่เขาชอบที่จะโผเข้ากอดหญิงสาวหน้าตาดี
ถ้าหากตรงหน้าเขามีหนุ่มหล่อและสาวสวยยืนอยู่ เซียวเจี้ยนจะไม่ลังเลที่จะโผเข้าไปในอ้อมแขนของสาวสวย และเรียกพวกเธอว่า “พี่สาว” อย่างอ่อนหวาน
หลังจากที่ได้เห็นรูปอาเล็กของตัวเองแล้ว เขาก็อยากจะไปหาเธอให้ได้
“ไม่ต้องถามว่าทําไม ถ้ากล้าเอ่ยถึงอาเล็กต่อหน้าปู่ทวดหรือย่าทวดล่ะก็ เมื่อกลับมาถึงบ้าน แม่จะตีก้นแกให้บานสะพรั่งเลยเข้าใจไหม?”
ใบหน้าเล็กๆ บิดเบี้ยวทันทีเมื่อได้ยินค่ากล่าวนั้น
เซียวเจี้ยนไม่กล้ายั่วโมโหแม่ เพราะแม่ของเขาดุมาก
จากนั้น เด็กชายตัวน้อยก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว และเมื่อเห็นพ่อของตัวเองกลับมาถึงบ้านเซียวเจี้ยนจึงรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
“พ่อ! กอด!” เมื่อเทียบกับแม่ที่ดุแล้ว พ่อดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“พ่อ! แม่ไม่ให้ผมพูดถึงอาเล็ก ทําไมล่ะ?” ด้วยความเข้าใจของเด็กเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจถึงความโศกเศร้าของการหายตัวไปของเจี่ยนอีหลิง
บทที่ 1114 ในที่สุดก็กลับมา
เจี่ยนหยู่หมินมีสีหน้าเคร่งขรึมทันที เมื่อคิดถึงน้องสาวเพียงคนเดียวที่หายไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก “ฟังพ่อนะเซียวเจี้ยน ตอนนี้อาเล็กของเธอหายไปแล้ว จึงทําให้ทุกคนเสียใจมาก ดังนั้น เธออย่าถามว่าอาเล็กอยู่ที่ไหน”
“หายไปแล้วเหรอ?” เซียวเจี้ยนเอียงศีรษะเล็กน้อย “จะกลับมาไหม?”
“กลับมาสิ เธอจะกลับมาอย่างแน่นอน” เจี่ยนหยู่หมินตอบอย่างมั่นใจ
“อาเล็ก พรุ่งนี้ก็กลับมาแล้ว!”
เซียวเจี้ยนร่าเริง และส่งเสียงเชียร์ทันที
เจี่ยนหยู่หมินหันกลับไปสบตากับหลัวซิ่วเอิน ซึ่งทั้งคู่ต่างก็มีแววตาเศร้าโศกเสียใจ
ไม่ต้องการค่าพูดใดๆ ซึ่งความเจ็บปวดที่เกิดจากการหายตัวไปของเจี่ยนอีหลิง นั้น หนักหนาสาหัสมาก
ในช่วงเวลานี้เมื่อสองปีก่อน หลัวซิ่วเอินกําลังตั้งครรภ์ อีกทั้งท้องก็แก่มากแล้ว
เมื่อทราบข่าวดังกล่าว ทั้งๆที่เธอท้องใหญ่มาก แต่ก็ยังยืนกรานจะไปที่มหาสมุทรแปซิฟิกพร้อมกับเจ้าหน้าที่เพื่อทําการค้นหาและกู้ภัย
แต่ก็ถูกเจี่ยนหยู่หมินหยุดไว้ในที่สุด และทั้งสองก็กอดกันร้องไห่ในอ้อมแขนของพวกเขา เจี่ยนอีหลิงถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยความเจ็บปวด
ร่างกายเต็มไปด้วยความรู้สึกปวดร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เจี่ยนอีหลิงพยายามดิ้นรน เพื่อให้ตื่นขึ้นมาจากความมืดมิด เธอค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และก็พบผู้หญิงแปลกหน้ากําลังนั่งอยู่ข้างๆเธอ
หญิงสาวอายุประมาณยี่สิบปี มีรูปลักษณ์สวยงาม และมีรูปร่างปานกลาง เธอกําลังมองมาที่เจี่ยนอีหลิงด้วยความเป็นห่วง
“เธอโอเคไหม?” หญิงสาวถามอย่างห่วงใย
เจี่ยนอีหลิงมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น และถามว่า “เธอเป็นใคร?”
“ฉันเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ ฉันมีชื่อว่าจินจิน แล้วเธอมาจากที่ไหน? เธอจําตอนที่ตัวเองกลิ้งลงมาจากภูเขาได้ไหม?” ผู้หญิงคนนั้นพูดกับเจี่ยนอีหลิง
กลิ้งลงมาจากภูเขา?
ทันใดนั้น เจี่ยนอีหลิงก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบถามหญิงสาวว่า “ที่นี่ที่ไหน? แล้วตอนนี้ปีอะไรแล้ว?”
จินจินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และคิดในใจว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้สับสนจนเลอะเลือน ในตอนที่ตกลงมาหรอกใช่ไหม?
จินจินหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา และชี้ไปที่ปฏิทินด้านบนมือถือให้เจี่ยนอีหลิงดู
“เธอไม่ได้สูญเสียความทรงจําาใช่ไหม?” จินจินรู้สึกกังวลเล็กน้อย
เมื่อเห็นภูมิภาคและเวลาที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์ ดวงตาของเจี่ยนอีหลิงก็เปลี่ยนเป็นแดง
“เธอเป็นอะไร?” จินจินรีบถาม “อย่าร้องไห้สิ
“ไม่เป็นไร ฉันแค่มีความสุขเท่านั้น” เจี่ยนอีหลิงกล่าว
ผ่านไปสองปี ในที่สุดเธอก็กลับมา
เมื่อสองปีที่แล้ว ในตอนที่เครื่องบินกําลังบินอยู่เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก เธอก็พบกับกระแสอากาศแปลกๆ และหลังจากนั้น เพียงแค่ชั่วพริบตาเครื่องบินก็เริ่มสั่นคลอนไปทั้งลําและเมื่อเครื่องบินได้บินออกมาจากกระแสอากาศแปลกๆนั้นแล้ว อยู่ดีๆเธอก็ไปอยู่ในโลกที่เธอเคยอาศัยอยู่มาก่อนหน้านี้
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เธอพยายามหาวิธีที่จะกลับมาสู่โลกนี้
ที่นั่น เธอไม่มีอะไรต้องกังวล แต่ที่นี่ มีคนที่เธอรัก และมีคนที่รักเธอรอคอยอยู่
แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน เธอก็ทําไม่สําเร็จ