เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 738
ตอนที่ 738 คําพรรณนาของรัชทายาท(ตอนปลาย)
แต่ถึงอย่างนั้นหนิงชวนเองก็มีความกังวลใจอยู่ไม่น้อยในยามแรกที่มันย่างก้าวเข้ามาในแดนอสูรเพื่อทําตามความปราถนามันมิคิดเลยว่าอสูรผู้พิทักษ์สัตว์ประหลาดในตํานานทั้งสิบสองตนมีตัวตนอยู่จริงความกังวลอีกประการของมันก็คือจํานวนของสัตว์อสูรตามเดิมที่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานแต่เมื่อได้มารับรู้ข้อมูลอันน่าตกใจด้วยจํานวนที่มากเกินการคาดเดา
แต่เอาเถอะ ในเมื่ออํานาจสั่งการอยู่ในมือของมันผนวกกับมันสมองคิดค้นแผนการอันชาญฉลาดชัยชนะจะหนีไปไหนได้ เมื่ออสูรทั้งห้าพันตนถูกปราบจนสิ้น มันก็จะกลับไปมอบตัวกลับเมืองหลวงปีศาจเฉลยความในใจบอกแผนทั้งหมดและนํากําลังทหารเข้ากวาดล้างยึดครองผืนดินของแดนอสูรขจัดรากถอนโคนอสูรทั้งหมดให้สิ้นซาก!!
ซึ่งนั่นก็รวมถึงราชาอสูรเจี้ยนคังหัวใจสําคัญของเผ่าพันธุ์อสูร สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าเพียงหนึ่งเดียวทว่าข้อมูลเกี่ยวกับราชาอสูรนั้นมีน้อยนิดยิ่งนักตั้งแต่มาอยู่ที่นี่มันยังไม่เคยได้ยินใครพูดถึงราชาอสูรตนนี้เลยแม้แต่รายเดียวแม้แต่เงาของมันก็ยังไม่เคยเห็น
แต่ใครจะสนกันล่ะในเมื่ออสูรตนนี้ก็ต้องตายไปพร้อมกับลูกสมุนของมันและปิดฉากเผ่าพันธุ์อสูรที่คงอยู่มานับหมื่นปีและตนก็จะได้รับเกียรติยศสูงสุดถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นบุคคลที่นําพาชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาให้เผ่าปีศาจทั้งมวล!!
นั่นคือสิ่งที่อยู่ในความคิดของหนิงชวน
โอ้ววว
กรรรษ
จากเสียงโห่ร้องของนักรบปีศาจที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณกลายเป็นจุดสนใจของเหล่าอสูรให้จับจ้องมาด้วยสายตาของผู้ล่า ขณะที่จับจ้องอยู่นั้นบางตนเผยอปากน้ําลายไหลลิ้นห้อยราวกับเห็นอาหารอันโอชะที่มิได้ลิ้มรสมานานในแววตาของพวมอสูรมิมีตนใดเลยที่มองเผ่าปีศาจเป็นมิตร
จอหนิงที่รับรู้ถึงสายตาเพชรฆาต มันเพียงฉีกยิ้มกว้างประสานสองมือคํานับไปทางเหล่าอสูรอสูรทั้งหลายเมื่อเห็นเช่นนั้นพวกมันเพียงเค่นเสียงหันศรีษะกลับละทิ้งความสนใจไปในที่สุด
พี่บพับ
ปลายฟ้าไกล มีเสียงกระพือปีกอย่างพร้อมเพรียงของเหล่านกยักษ์หลายสิบตัวที่แบกร่างของนักรบปีศาจอยู่บนแผ่นหลังกุมบังเหียนบังคับทิศทางมุ่งตรงมาหารัชทายาท
“องค์ชาย ผู้นําเผ่าแวมไพร์ไม่ต้องการที่จะส่งกองกําลังมาเพิ่มอีกแล้วขอรับ รวมถึงเผ่า….ก็ปฏิเสธเช่นกันส่วนเผ่ามดไฟตอบรับคําร้องขอ พวกมันจะส่งกําลังมาเพิ่มอีกห้าร้อยตนโดยจะเดินทางถึงที่นี่ในรุ่งเช้า”หนึ่งในผู้ ขึ้นกรายงานต่อผู้บังคับบัญชามันทําหน้าที่ส่งสารไปขอกําลังเสริมจากกลุ่มต่างๆ
“เข้าใจแล้ว” หนิงชวนกล่าวเสียงต่ําด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์เพทุบาย ช่วงเวลานี้กําลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมกําลังพลของเผ่าอสูร จือหนึ่งหมายจะรวมอสูรทั้งหมดให้มาออกศึกรวมกันเป็นจุดเดียวเพื่อที่จะสามารถกําจัดพวกมันทิ้งในคราวเดียวอย่างพร้อมเพรียง แม้จะน่าผิดหวังที่มีอสูรบางเผ่าพันธุ์ไม่ตอบรับก็ตามแต่มิใช่ปัญหาใหญ่อันใดมากนักในเมื่ออสูรเกือบทั้งหมดก็มาอยู่ที่นี่หมดแล้ว
สิ่งที่มันต้องทําในตอนนี้คือรอเวลา เวลาที่กําลังเสริมทั้งหมดจะมาชุมนุมกันและใช้แผนการอันแยบยลของมันสั่งการให้พวกนี้ไปลงนรกด้วยน้ํามือของตนเอง
ฝั่งปีศาจ
จนกระทั่งถึงตอนค่ํา
สถานการณ์ผ่านไปอย่างตรึงเครียด โดยเฉพาะเหล่าผู้นําที่ล่วงรู้ความลับถึงความลือของผู้ทรยศ แน่นอนว่า พวกมันไม่ทราบเจตนาที่แท้จริงของหนิงชวนทําให้ยิ่งวิตกกังวลเกี่ยวกับรัชทายาทที่ปฏิวัติย้ายตนไปอยู่ฝั่งอสูรตั้งตนเป็นกบฏ การเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรธรรมดานั้นไม่ยากเย็นไร้ความลําบากเพราะพวกมันมีเพียงกําลังรู้จักแต่การเข่นฆ่าแต่เมื่อได้รัชทายาทไปกุมบังเหียนคอยควบคุมทําให้ฝั่งอสูรราวกับเสือติดปีก มีครบทั้งความสามารถและความฉลาดเฉลียว
เวลาค่อยผ่านไปอย่างเชื่องช้า เช้า สาย บ่าย เย็น
พลทหารที่ตั้งขบวนอย่างขันแข็งแม้พวกมันจะแกร่งกล้าเพียงใด แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์กดดันอย่างยาวนานร่างกายและจิตใจย่อมอ่อนล้า
จ่อหมิงผู้บัญชาการสูงสุดย่อมมองเห็นตรงจุดนี้ มันจึงสั่งการสับเปลี่ยนขบวนรบให้เหล่าทหารหารได้พักผ่อนหย่อนใจหลังจากทําหน้าที่หามรุ่งหามค่ํามากกว่าสองวันติด
มันเรียกถอนกําลังทหารที่ละทัพ ทีละทัพอย่างระมัดระวังและรัดกุมยิ่ง จนกระทั่งทหารมากกว่าหนึ่งร้อยทัพจํานวนกว่าสิบล้านนายได้ถูกเรียกตัวกลับเข้าไปในเมืองจนสิ้นและทดแทนด้วยนักรบสํารองที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในจํานวนเท่ากันและถึงแม้นักรบกลุ่มใหม่จะหมดฤทธิ์มันก็ยังมีทหารในสต๊อกอีกเกือบห้าสิบล้านให้ใช้สอยไม่ ขาดมือสามารถสลับสับเปลี่ยนตัวได้ตลอดเวลาให้คนเก่าพักคนใหม่มาเป็นแบบนี้เรื่อยไปไร้ปัญหา
สิ่งที่จื่อหมิงต้องการในตอนนี้ก็ไม่ต่างกับสิ่งที่หนิงชวนกระทําสักเท่าไหร่ นั่นคือเวลา เวลาที่ทุกกระบวนการจะเข้าที่สมบูรณ์ ให้ฝ่ายตนได้คุ้นชินกับสถานการณ์ใหม่ให้ร่างกายเพรียบพร้อมสําหรับการรบและให้เหล่ากําลังเสริมจากต่างเมืองปรับตัวกับสภาพแวดล้อมสภาพอากาศให้เวลาพวกมันศึกษาการต่อสู้แบบใหม่ให้เขาขากอง ทัพอื่นหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวและเวลาอีกนิดสําหรับสิ่งของสนับสนุนทั้งอาวุธยุทธโธปรกรณ์และอาหารที่ทยอยส่งมาเรื่อยๆ
และส่วนสําคัญที่สุด สําหรับหนิงชวนที่รอคอยเวลารอฤกษ์งามยามดีสําหรับเปิดศึก จ่อหมิงก็รอคอยอีกฝั่งให้บุกมาอย่างใจเย็น
ณฐานทัพแห่งหนึ่งที่ก่อร่างสร้างสิ่งปลูกสร้างอย่างมั่นคงอยู่ในกลางของกองทัพปีศาจโดยสถานที่แห่งนี้มีการป้องกันแน่นหนารัดกุมมากที่สุดที่แห่งนี้ก็คือฐานที่ตั้งกองกําลังสนับสนุนฐานที่มั่นของหน่วยแพทย์
นักรบ ทหารกล้าทุกนายสามารถกลับไปพักผ่อนหย่อนใจคลายกังวลได้หลังจากทํางานหนักยืนเมื่อยมาทั้งวันแต่มิใช่กับหน่วยแพทย์จํานวนของแพทย์สนามนั้นมีมิใช่น้อยๆผู้ศึกษาวิชาแพทย์เฉพาะในเมืองหลวงปีศาจมีไม่ต่ํากว่าแสนรายและหนึ่งในสิบฝึกฝนจนเชี่ยวชาญสามารถรักษาได้เกือบทุกโรคภัยเมื่อรวมกับหน่วยแพทย์สํารองที่ถูกส่งมาจากเมืองต่างๆแล้วพวกเขาจึงมีจํานวนไม่ต่ํากว่าห้าแสนนาย
แต่ทว่าจํานวนกว่าครึ่งล้านนี้กลับไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยทั้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ในก่อนหน้าดังเช่นหน่วยสอดแนมหรือหน่วยลาดตระเวรทั้งหลายทั้งประจําการอยู่ในป่าอสูรก่อนจะเริ่มสัญญาณของการเปิดฉากสงครามจากศัตรู
ซึ่งแม้จะผ่านมากว่าสองวันแล้วก็ตามจํานวนของผู้ป่วยกลับไม่ลดลง รังแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทหารกว่าสิบล้านที่ตั้งขบวนอยู่นอกเมืองในชุดก่อนหลายรายทนรับแรงกดดันมิไหวบางรายเป็นลมล้มทรุดจากอาการป่วยไข้โดยเฉพาะตั้งแต่รุ่งเช้าของวันนี้มีนักรบถูกส่งมาไม่ขาดสายซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ได้รับมอบหมายให้ทําหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยรับผิดชอบการป้องกันเป็นหลักอย่างเช่นเมืองเซียนลุ่ยนักรบพฤกษาที่นํา ทัพโดยสตรีสาวสวยอีเหมยเป็นต้น
กลุ่มที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการป้องกันเหล่านี้มิได้ยืนนิ่งเฉยรักษาขบวนเหมือนทัพอื่นๆ พวกมันทั้งออกลาดตระเวรแนวป่าออกสํารวจพื้นที่วางกับดักส่วนนักรบพฤกษาก็ใช้พลังควบคุมเมฆไม้ของพวกมันเสกสรรค์สร้างเถาวัลย์ปีศาจหนามแหลมต้นไม้กลืนชีวิตดอกไม้ปล่อยละอองเกสรพิษฯลฯต้นไม้ใบหญ้าแสนอันตรายเหล่านี้ถูกปลูกขึ้นในป่าอสูรจนชุกชุมเรียกได้ว่าทุกวิชาที่สามารถใช้เป็นประโยชน์ได้ในเวลานี้ล้วนถูกใช้โดยไม่กักเก็บเอาไว้แม้แต่เสี้ยว
ซึ่งนอกจากนักรบพฤกษาแล้วยังมีอีกหลายกลุ่มเลยทีเดียวที่ได้รับหน้าที่เดียวกัน พวกมันล้วนใช้พลังที่เหมาะสําหรับการตั้งรับไว้ล่วงหน้าเพื่อรอคอยให้ศัตรูมาติดกับ บางกลุ่มมีพลังควบคุมพื้นดินขุดหลุมกับดักวางหนามแหลมบางจุดสร้างทรายดูด โคลนกลืนร่างมีแม้กระทั่งนักรบที่สามารถสร้างภาพลวงตาก็ได้สร้างภาพลวงขึ้นในแต่ละจุด
ซึ่งผู้รับหน้าที่ในการป้องกันนี้ต่างกับกลุ่มอื่นๆพวกมันไม่มีเวลาพักไม่มีหน่วยสํารองมาสับเปลี่ยนตัวทุกหน่วยที่มีความสามารถที่พอจะใช้ประโยชน์ได้ล้วนถูกระดมไปปฏิบัติหน้าที่จนพลังเดือดแห้งพักและกลับมาใช้พลังใหม่เป็นแบบนี้ซ้ําไปซ้ํามาไม่หยุดหย่อน
ด้วยการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้มีนักรบกว่าหนึ่งในสิบที่เหนื่อยล้าอ่อนแรงร่างกายอ่อนปวกเปียกยากจะเดินเหินบางรายหนักถึงขั้นหมดสติถูกหามส่งหน่วยแพทย์ไม่ขาดสายใครที่สติยังไม่เลือนหายก็เพียงแค่นอนพักผ่อนและเสริมกําลังด้วยยาบํารุงกําลังจากสมุนไพรของหน่วยแพทย์