เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 499 ฉันไม่ใช่คนที่กินอะไรมั่วซั่ว
เมืองหลวง บ้านเดิมตระกูลเย่
หลังจากผ่านเรื่องของหลีซิ่นไ ปแล้ว ทุกคนที่มาร่วมงานวันเกิดอายุครบ 75 ปีของเย่หย่วนซานต่างไม่มีใครออกไ ปจากงานแม้แต่คนเดียว คนที่มองเย่เทียนเฉินในแง่ดีก่อนหน้านี้ก็พยายามสานสัมพันธ์กับตระกูลเย่เต็มที่ ส่วนคนที่ดูถูกเย่เทียนเฉินก่อนหน้านี้ก็เกิดการเ ปลี่ยนแ ปลงความคิด อย่างน้อยเย่เทียนเฉินกล้าลงมือกับหลีซิ่น แค่นิสัยและความกล้านี้ก็ไม่ธรรมดาแล้ว
หากจะเ ปรียบเทียบเรื่องอำนาจของตระกูลจริงๆ ความจริงอำนาจของตระกูลหลีมีมากกว่าตระกูลฉินและตระกูลลั่วไม่น้อย จะอย่างไรตระกูลหลีก็เ ป็นตระกูลชั้นหนึ่งในเมืองหลวง แม้ยังห่างจากสามตระกูลใหญ่แห่ง ประเทศจีนอยู่ระดับหนึ่งแต่ก็แตกต่างกันไม่มากนัก ดังนั้นหลายคนจึงคิดว่าเย่เทียนเฉินจะไม่กล้าลงมือกับหลีซิ่น ไม่กล้าล่วงเกินตระกูลหลี นั่นเ ป็นเพราะ ปู่ของหลีซิ่นซึ่งก็คือหลีเจี่ยน
หลีเจี่ยนเ ป็นชายชราที่กลับมาจากการฆ่าสังหารของสนามรบ เ ป็นคนที่เคยร่วมสงครามต่อต้าน ประเทศชิบะ ตอนนั้นหลีเจี่ยนจะอายุเท่าไหร่จินตนาการได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เข้าร่วมสงคราม เพื่อที่จะ ปก ป้องมาตุภูมิ ลูกทั้งสามคนของหลีเจี่ยนต่างตายในสงครามทั้งหมด เรียกได้ว่านี่เ ป็นชายชราที่ควรค่าแก่การเคารพนอบน้อมของทุกคน
ไม่น่าแ ปลกใจเลยที่กระทั่งผู้นำสูงสุดก็ยังให้ความเคารพหลีเจี่ยนเ ป็นอย่างมาก รวมกับที่นิสัยของหลีเจี่ยนค่อนข้างเลือดร้อน อีกทั้งชายชราที่กลับมาจากสนามรบคนนี้มีแค่หลีซิ่นเ ป็นหลานเพียงคนเดียว เ ป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลหลี หากหลีซิ่นเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา หลีเจี่ยนต้องไม่ยอมจบง่ายๆ เ ป็นแน่ ในจุดนี้ไม่ว่าใครก็คิดได้ ดังนั้นคนที่อยู่ในงานจึงคิดว่าเย่เทียนเฉินจะไม่กล้าลงมือกับหลีซิ่น
ไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินที่ถูกกล่าวขานว่าทำตามหลักการโดยไม่สนใจใครคนนี้จะไม่ได้ดีแต่ชื่อ หากไม่ไช่ว่าสุดท้ายฟ่านรั่วเซวียน ปรากฏตัวออกมาใช้กระบองตีหลีซิ่นจนสลบ เย่เทียนเฉินคงฆ่าหลีซิ่นไ ปจริงๆ แล้ว
“อืม ไม่เลวๆ เชฟครับ ปีกไก่ย่างของคุณไม่เลวเลยจริงๆ เอาให้ผมอีกสองชิ้นเถอะ” มือซ้ายของเย่เทียนเฉินถือ ปีกไก่ย่างชิ้นหนึ่งกัดแทะอย่างอร่อยพลางพูดกับเชฟที่กำลังย่าง ปีกไก่
ตอนนี้ฟ่านรั่วเซวียนและซูเฟยเฟยซึ่งเ ป็นสาวงามทั้งสองคนต่างไ ปที่บริเวณจัดงานและรับแขกของบ้านเดิมตระกูลเย่แล้ว ต่างไม่ได้พูดอะไรกัน ระหว่างผู้หญิง เมื่อเกิดการต่อสู้กันขึ้นมามักจะน่ากลัวเ ป็นอย่างมาก ผู้หญิงทั้งสองจ้องตากัน จากนั้นจึงเดินแยกไ ปคนละทาง จุด ประสงค์ของพวกเธอย่อมมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือหาตัวเย่เทียนเฉิน เจ้าหมอนี่ไม่รู้ว่าวิ่งไ ปที่ไหนแล้ว
ในเรื่องการตามหาเย่เทียนเฉิน ซูเฟยเฟยย่อมร้ายกาจกว่าฟ่านรั่วเซวียนอยู่มาก เนื่องจากซูเฟยเฟยจับจุดอ่อนของเย่เทียนเฉินได้แล้ว นั่นก็คือที่ไหนมีของกิน เย่เทียนเฉินก็จะไ ปที่นั่น ขอเพียงหาจุดที่มีของกินอร่อยๆ เจอก็จะหาเจ้าหมอนั่นเจอ
“ ปีกไก่ย่างสองชิ้นของคุณได้แล้วครับ”
“ครับ ขอบคุณ…เอาให้ผมอีกหน่อย…”
คำพูดของเย่เทียนเฉินไม่ทันจบ ในตอนที่เขาหมุนตัวมาก็เห็นซูเฟยเฟยเดินเข้ามาหาตนจึงรีบถือ ปีกไก่ย่างทั้งสองชิ้นหนีไ ป ไม่ทันไรก็หายไ ปแล้ว จนกระทั่งซูเฟยเฟยมาหาทางนี้ก็ไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินวิ่งไ ปไหนแล้ว
“เชฟคะ ขอถามหน่อยค่ะ คุณเห็นชายผอมสูงหรือเ ปล่าคะ ที่ชอบกินเ ป็นพิเศษน่ะค่ะ?” ซูเฟยเฟยเอ่ยถามเชฟที่ทำการย่าง ปีกไก่ต่อไ ป
“เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้อยู่เลยนะครับ? แ ป๊บเดี๋ยวก็กิน ปีกไก่ไ ปสามชิ้นแล้ว ร้ายกาจจริงๆ!” เชฟที่ย่าง ปีกไก่คิดถึงท่าทีกัดกินของเย่เทียนเฉินพลันต้องรู้สึกหนาวสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ขอบคุณค่ะ!”
หลังจากซูเฟยเฟยขอบคุณเชฟแล้วก็รีบเดินไ ปเบื้องหน้า กัดฟันตัวเองด้วยท่าทีโหดเหี้ยม รู้สึกเคียดแค้นยิ่งนัก ถ้าเจ้าหมอนี่กล้า ปรากฏตัวออกมา ซูเฟยเฟยจะต้องพุ่งเข้าไ ปกัดเขาสักหลายคำแน่นอน ถึงกับกล้าหลบหน้าตนเชียวเหรอ ก่อนหน้านี้ยังขอให้ตนช่วย ปลอมเ ป็นแฟนสาวของเขา ตอนนี้ถึงกับหนีไ ปแล้ว ซูเฟยเฟยจะไม่โกรธได้อย่างไร?
“เย่เทียนเฉิน อย่าให้ฉันหาเจอเชียว ไม่งั้นนายตายแน่!” ซูเฟยเฟยพูดพึมพำกับตนเองด้วยความโกรธเกรี้ยว กระทืบเท้าระบายอารมณ์แล้วรีบเดินไ ปข้างหน้าต่อไ ป
อีกด้านหนึ่งเย่เทียนเฉินกัด ปีกไก่ย่างพลางส่ายหน้า ทำท่าทีอับจนหนทางแล้วเอ่ยว่า “โทษทีๆ ซูเฟยเฟยคงไม่คลั่งไ ปแล้วหรอกนะถึงได้ตามหาฉันด้วยท่าทีโมโหขนาดนี้?”
คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินเพิ่งจะเดินไ ปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วหลายร้อยเมตรจะเห็นว่าผู้หญิงสวมชุดกี่เพ้า ปักลายมังกรสีแดงคนหนึ่งกำลังตามหาตนอยู่ คนคนนี้ก็คือฟ่านรั่วเซวียน ฟ่านรั่วเซวียนเองก็กำลังหาเย่เทียนเฉินเช่นกัน แน่นอนว่าจุด ประสงค์ที่ตามหาเย่เทียนเฉินแตกต่างกับซูเฟยเฟย ฟ่านรั่วเซวียนต้องการพิสูจน์ให้เย่เทียนเฉินเห็นว่าตนไม่ใช่ผู้หญิงอั ปลักษณ์ ต้องการให้เย่เทียนเฉินรู้สึกเสียใจ ผู้หญิงก็เ ป็นเช่นนี้เอง พอบทจะคิดเล็กคิดน้อยขึ้นมา ไม่ว่าเรื่องเล็กขนาดไหนพวกเธอก็เห็นเ ป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งไ ปกว่านั้นยังฝืนทำมาได้ดีอีกด้วย ส่วนจุด ประสงค์ที่ซูเฟยเฟยตามหาเย่เทียนเฉินก็เพราะเจ้าหมอนี่ทำเกินไ ปแล้ว เรียกให้ตนมา ปลอมตัวเ ป็นแฟนสาวของเขา แต่แฟนหนุ่มอย่างเขากลับไม่รับผิดชอบจนถึงที่สุด ตอนนี้หายหัวไ ปไหนไม่รู้ ซูเฟยเฟยอยากจะอัดเย่เทียนเฉินสักยกจริงๆ
“ผู้หญิงพวกนี้จะวุ่นวายเกินไ ปแล้ว ฉันหลบไ ปก่อนดีกว่า อย่าไ ปคิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงสองคนนี้เลย…”
เย่เทียนเฉินคิดในใจ หมุนตัวเตรียมจะหลบฟ่านรั่วเซวียน ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนที่เขาหมุนตัวไ ปกลับเห็นซูเฟยเฟยเดินตรงมาที่ตนจากด้านหลัง พริบตาเดียวก็รู้สึกหดหู่ ด้านหน้ามีหมา ป่า ด้านหลังมีเสือ หญิงงามสองคนนี้ไม่ว่าใครหาเขาพบ วันเวลาของเย่เทียนเฉินคงไม่ได้ผ่านไ ปด้วยดีแน่นอน แต่เขาถูกบีบอยู่ตรงกลางแบบนี้จะทำอย่างไรดี?
“เย่เทียนเฉิน อย่าหนีนะ นายพูดมาให้ชัดเจนซะ…” ฟ่านรั่วเซวียนอเห็นเย่เทียนเฉินก็รีบวิ่งเหยาะๆ เข้ามาพลางพูดขึ้น
“เย่เทียนเฉิน หยุดเดี๋ยวนี้ กล้าทิ้งฉันเหรอ นายได้เห็นดีกันแน่!” ซูเฟยเฟยเห็นเย่เทียนเฉินอยู่ไม่ไกลก็ขบริมฝี ปากอย่างดุดัน เร่งฝีเท้าเดินเข้ามาเช่นกัน
“เอ๋? เจ้าหมอนี่ไ ปไหนแล้ว?”
“เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้เลยไม่ใช่เหรอ? พวกเราคงไม่ได้มองผิดไ ปหรอกนะ?”
ซูเฟยเฟยและฟ่านรั่วเซวียนเดินมายังตำแหน่งที่เย่เทียนเฉินยืนอยู่ด้วยความเร็วสูงสุด แต่กลับไม่เห็นตัวเย่เทียนเฉินแล้ว ทำให้พวกเธอรู้สึกสงสัยมาก เจ้าหมอนี่ไ ปไหนแล้ว? คงไม่หายไ ปกับอากาศหรอกนะ?
“ไม่เจอแล้วก็ดี ต่อให้ต้องหาต่อไ ปฉันก็จะหาให้เจอก่อน” ฟ่านรั่วเซวียนมองไ ปยังซูเฟยเฟยพลางพูดเยาะเย้ย
“เธอจะหาเจอก่อนเหรอ? เธอรู้จักเขาดีรึไง? เธอหาเขาเจอก่อนฉันไม่ได้หรอก” ซูเฟยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ท่าทางไม่สบอารมณ์นัก
“งั้นก็ดี ดูสิว่าใครจะหาเขาเจอก่อน ถ้าใครหาเจอก่อน อีกคนจะต้องคอยรับใช้คนนั้นเ ป็นเวลาหนึ่งวัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องทำให้” ฟ่านรั่วเซวียนพูดอย่างมีอารมณ์
“ฉันกลัวเธอเหรอไง?” ซูเฟยเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม
แต่ขณะที่ผู้หญิงทั้งสองตามหาเย่เทียนเฉินก็เดิมพันกันด้วย นี่ทำให้คิดไม่ถึงเลยจริงๆ การเดิมพันระหว่างพวกเธอ ดูผิวเผินเหมือนจะไร้เดียงสา แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าจะออกมาจาก ปากของผู้หญิงที่มีการศึกษาสูงทั้งสองคนนี้ได้
เรื่องบางเรื่อง คนธรรมดาทั่วไ ปคิดว่าตัวเองเข้าใจถูกแล้ว แต่หากไม่เห็นหรือไม่เคยมี ประสบการณ์มาก่อน อาศัยเพียงจินตนาการไ ปคิดก็มักจะเข้าใจผิด เหมือนกับสาวงามทั้งสองคนนี้ ความจริงไม่มีใครตามจีบเลย สาเหตุนั้นง่ายมาก นั่นก็เพราะผู้ชายหลายคนเห็นสาวงามก็คิดว่าจีบยาก คนส่วนใหญ่ล้วนมีความคิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงทำให้ผู้หญิงสวยๆ ไม่มีใครจีบ
ยกตัวอย่างเช่นซูเฟยเฟยและฟ่านรั่วเซวียน พวกเธอมาจากตระกูลใหญ่ ได้รับการศึกษาสูง ผู้หญิงแบบนี้จะต้องฉลาดกว่าผู้ชายธรรมดาแน่นอน เพียงแต่ในใจของพวกเธอทั้งสองบริสุทธิ์และมีจิตใจดี เพราะแบบนี้ถึงได้เกิดการเดิมพันที่ดูไร้เดียงสาแต่น่ารักออกมาได้
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่ฟ่านรั่วเซวียนและซูเฟยเฟยเดินไ ปจากที่เดิมเพื่อไ ปตามหาที่อื่น ร่างกายของเย่เทียนเฉินก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นด้านข้าง เมื่อครู่เขายืนอยู่ข้างกายซูเฟยเฟยและฟ่านรั่วเซวียนมาโดยตลอด เพียงแต่สาวสวยทั้งสองไม่เห็นเขาเท่านั้น เนื่องจากเขาใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษพรางกาย
เคล็ดวิชาพรางกายและเคล็ดวิชาแทนกายนั้นคล้ายกัน ต่างเ ป็นเคล็ดวิชาที่ค่อนข้างธรรมดา ใช้เพื่อรับมือกับคนทั่วไ ป หากเ ป็นคนที่พอมีฝีมือและความสามารถเล็กน้อยก็จะรู้ตัวแล้ว ยิ่งไ ปกว่านั้นเพียงแค่มองก็มองออก ดังนั้นในตอนที่เย่เทียนเฉินสู้กับยอดฝีมือจะไม่ใช้เด็ดขาดเพราะนับเ ป็นการรนหาที่ตายโดยสิ้นเชิง เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือ เคล็ดวิชาพลังพิเศษธรรมดาแบบนี้จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างไร จะเ ป็นการทำให้ตนเผยจุดอ่อนมากเกินไ ปเท่านั้น
“ผู้หญิงสองคนนี้ถึงกลับเดิมพันกันเลยเหรอ? น่าสนุกจริงๆ ” เย่เทียนเฉินส่ายหน้าพูด
งานวันเกิดอายุ 75 ปีของเย่หย่วนซาน ทุกคนในตระกูลเย่ต่างยุ่งจนมือเท้าพันกันไ ปหมด รวมไ ปถึงเย่หงผู้เ ป็นพ่อ หลัวเยี่ยนผู้เ ป็นแม่ และเย่เชี่ยนเหวินผู้เ ป็นน้องของเย่เทียนเฉินด้วยที่กำลังยุ่งวุ่นวาย มีคนว่างคนเดียวก็คือเย่เทียนเฉิน เจ้าหมอนี่เอาแต่กินลูกเดียว
ตามกำหนดการ ช่วงกลางวันทั้งหมดจะเ ป็นกิจกรรมอิสระของทุกคน ที่บ้านเดิมตระกูลเย่นับว่ามีพื้นที่ไม่น้อย มีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งอาหารตะวันตก อาหารจีน อาหารแต่ละอย่างล้วนมีครบครัน จนถึงตอนกลางคืนก็จะมีงานเต้นรำ นี่เ ป็นสาเหตุที่เย่เทียนเฉินคิดให้ซูเฟยเฟยมาเ ป็นแฟน ปลอมๆ ของเขา ซูเฟยเฟยมาจากตระกูลใหญ่ ตระกูลซูเ ป็นตระกูลการค้าอันดับหนึ่งภายใน ประเทศ ฝีมือการเต้นรำของซูเฟยเฟยจะต้องไม่เลวแน่นอน เมื่อเทียบกับคนเดินดินที่เต้นรำไม่เ ป็นอย่างตนแล้ว จะมากจะน้อยก็คงรู้เรื่องมากกว่า คงไม่ทำให้ขายหน้าคนอื่น
จนกระทั่งตอนนี้ในหมู่แขกเหรื่อภายในบ้านเดิมตระกูลเย่ยังไม่มีแม้แต่คนเดียวที่พบว่าทั่วทั้งตระกูลเย่ถูกกองกำลังจำนวนสามสิบกว่าคนพร้อมด้วยอาวุธ ปืนล้อมเอาไว้แล้ว กองกำลังนี้แต่ละคนล้วนเ ป็นทหารหน่วยรบพิเศษฝีมือดี ขอเพียงได้รับคำสั่งจากหลีเจี่ยนก็จะเริ่มเ ปิดฉากยิงใส่บ้านเดิมตระกูลเย่โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย จนกระทั่งบริเวณ ประตูของบ้านเดิมตระกูลเย่มีทหารถือ ปืนสองคนเดินเข้ามาจึงทำให้ยามตกใจรีบวิ่งเข้ามารายงาน
“ผู้อาวุโส แย่แล้ว แย่แล้ว…” ยามคนหนึ่งวิ่งมาเบื้องหน้าเย่หย่วนซาน พูดด้วยท่าทีร้อนรน
“มีเรื่องอะไร?” ขณะนี้เย่หย่วนซานกำลังยินดีจึงพูดออกมาอย่างไม่พอใจนัก
“ตระกูลเย่ของพวกเราถูกคนถือ ปืนล้อมไว้แล้วครับ ไม่รู้ว่าเ ป็นใคร บุกเข้ามาแล้ว…” ยามคนนั้นพูดด้วยท่าทีหวาดกลัว
“หือ? ออกไ ปดูหน่อยเถอะ” เย่หย่วนซานขมวดคิ้ว ราวกับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงวางแก้วเหล้าลงแล้วเดินมุ่งหน้าไ ปทาง ประตูใหญ่ของบ้านเดิมตระกูลเย่