เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 479 ทำให้คนอื่นร้อนใจจริงๆ!
“ไม่ว่าจะทำยังไง ตอนนี้ก็ผ่านไปเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้ว แต่เทียนเฉินก็ยังไม่ฟื้น พวกเราจะนั่งรอแบบนี้ไม่ได้ จะต้องพาเทียนเฉินไปส่งโรงพยาบาลถึงจะถูก!”
เดิมทีเสี้ยวหยาเป็นคนที่อ่อนโยนและไม่ชอบพูดมาก ในตอนที่หลัวเยี่ยน ฉีหรูเสวี่ยและเย่เชี่ยนเหวินคอยเฝ้าอยู่ในนี้เจ็ดวันเจ็ดคืน เสี้ยวหยาก็คอยวุ่นวายทำธุระมาโดยตลอด ไม่พูดอะไรมากและไม่ได้ทะเลาะกับฉีหรูเสวี่ย เธอรู้ว่าฉีหรูเสวี่ยเองก็หลงรักเย่เทียนเฉินอย่างลึกซึ้ง พวกเธอต่างก็เรียกได้ว่าเป็นศัตรูความรักกัน แต่เสี้ยวหยาไม่เคยพูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว เธอหวังแค่ว่าเย่เทียนเฉินจะปลอดภัยไร้อันตราย
ตอนนี้เมื่อเห็นว่าฉีหรูเสวี่ยยังคิดจะทำตามคำพูดของพวกอู๋เสวี่ยคือไม่แตะต้องเย่เทียนเฉิน เสี้ยวหยาก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาจริงๆ แล้ว ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าทำอย่างไรถึงจะถูก แต่เธอคิดว่าเดิมทีเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนนี้เย่เทียนเฉินจะลืมตาขึ้นมา อาจจะฟื้นขึ้นมา ไหนเลยจะรู้ว่าผ่านไปเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้วแต่เย่เทียนเฉินยังคงมีสภาพเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นลมหายใจยังมีแนวโน้มว่าจะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ นี่ทำให้เสี้ยวหยาไม่เชื่อคำพูดของพวกอู๋เสวี่ยอยู่บ้าง หากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไป บางทีถ้าส่งเขาไปโรงพยาบาลใหญ่อาจจะมีทางช่วย แต่ถ้ายืดเวลาไปอีกสองวันคงไม่มีทางช่วยแล้วจริงๆ ดังนั้นเธอจึงต้องการพาเย่เทียนเฉินไปส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจรักษา
“ฉันไม่เห็นด้วย เธอจะเข้าใจเทียนเฉินมากแค่ไหนกัน? รู้จักเขามากกว่าฉันเหรอ? ในเมื่อเขาสั่งพวกอู๋เสวี่ยไว้แล้วว่าให้พาเขากลับมาส่งแล้วจะนั่งขัดสมาธิโดยไม่ขยับเขยื้อนก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเทียนเฉินมีเหตุผลของเขาอยู่ ฉันเชื่อในการตัดสินใจของเทียนเฉิน ถ้าพวกเราไม่ฟังคำพูดของเขาแล้วพาเขาไปส่งโรงพยาบาลใหญ่เพื่อรักษาอาจจะทำให้เขาตายไปจริงๆ ก็ได้!” ฉีหรูเสวี่ยพูดโดยไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
“เธอ…คุณน้าหลัว เชี่ยนเหวิน พวกเราจะปล่อยให้ยืดเยื้อแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ควรพาเทียนเฉินไปรักษาที่โรงพยาบาล พวกเราต้องเชื่อในวิทยาศาสตร์!” เสี้ยวหยาเห็นว่าฉีหรูเสวี่ยไม่เข้าข้างตนก็มองไปยังหลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินแล้วพูดขึ้น
“วิทยาศาสตร์เหรอ? เธอคิดว่าเธอเรียนหนังสือมามากแล้วเหรอไง? ฉันเองก็เพิ่งกลับมาจากการไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศ M ฉันยังเข้าใจวิทยาศาสตร์ยิ่งกว่าเธอมาก ฉันแค่อยากจะบอกเธอว่า บางเรื่องก็ไม่สามารถใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ไปอธิบายและตัดสินใจได้ ร่างกายของมนุษย์ วัฒนธรรมของมนุษย์ การพัฒนาของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยความลึกลับ ไม่ใช่ว่าวิทยาศาสตร์จะอธิบายได้กระจ่างชัดทั้งหมด!” ฉีหรูเสวี่ยเดินไปเบื้องหน้าเสี้ยวหยาแล้วพูดขึ้น
“งั้น…งั้นพวกคุณคิดจะทำยังไง? ปล่อยให้แผลของเทียนเฉินแย่ลงแบบนี้เหรอ?” เสี้ยวหยาดวงตาแดงระเรื่อ เธอเองก็อยากช่วยเย่เทียนเฉิน เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้น เรื่องอาการบาดเจ็บของเย่เทียนเฉิน สมาชิกกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ที่มีชีวิตรอดต่างก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เกินขอบเขตจินตนาการของคนธรรมดาไปแล้ว พวกเขาเองก็ยังไม่มีวิธีรับมือ พวกเสี้ยวหยาทั้งสี่เป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอจะไปมีวิธีได้ยังไง?
สองแม่ลูกหลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินสบตากัน มองไปยังเย่เทียนเฉินที่บาดเจ็บจนมีสภาพเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เพิ่งจะถูกส่งกลับมาทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด พวกเธอก็ไม่รู้ว่าร้องไห้ไปมากแค่ไหนแล้ว แต่จะมีวิธีอะไรอีกเล่า? ผ่านไปเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้วก็ยังไม่ลืมตาตื่นขึ้นมา ถ้าเป็นคนธรรมดา ไม่กินไม่ดื่มเจ็ดวันเจ็ดคืนคงหิวจนเหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายแล้ว แล้วคนที่บาดเจ็บสาหัสอย่างเย่เทียนเฉินล่ะ? ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ใครก็ไม่กล้ารับประกันว่าเย่เทียนเฉินจะตายหรือไม่ อย่างน้อยตอนนี้ดูแล้วสภาพของเขาก็ไม่ดีเป็นอย่างมาก
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี้ยวหยา ฉีหรูเสวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ถึงแม้เธอและเสี้ยวหยาจะเป็นศัตรูความรักกัน แต่ตอนนี้พวกเธอก็มีความปรารถนาร่วมกัน ต่างก็หวังให้เย่เทียนเฉินดีขึ้น ใครก็ไม่อยากให้เย่เทียนเฉินต้องตาย รวมกับที่ทั้งสองเป็นผู้หญิงที่ได้รับการศึกษาในระดับสูงย่อมไม่หึงหวงกันเพราะเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ในเวลาแบบนี้แน่นอน เนื่องจากปัญหาเรื่องความรู้สึกจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของพวกเธอ
ตอนนี้เอง เสี้ยวหยาก็เช็ดน้ำตา เดินไปเบื้องหน้าฉีหรูเสวี่ย มองไปยังฉีหรูเสวี่ยแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “พี่หรูเสวี่ย ฉันรู้ถึงความรู้สึกของคุณ แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีวิธีแล้ว ส่งเทียนเฉินไปรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่เถอะ มีแต่วิธีนั้นแล้ว นอกจากนี้พวกเราจะทำอะไรได้อีก? ถ้าไม่ส่งเทียนเฉินไปรักษาที่โรงพยาบาล ด้วยสภาพของเขาในตอนนี้ ไม่กินไม่ดื่มเจ็ดวันเจ็ดคืน รวมกับเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส จะทนต่อไปได้อีกกี่วัน? ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลอย่างน้อยก็ยังมีความหวัง เหลือเพียงทางเดียวแล้ว…”
ฉีหรูเสวี่ยมองไปยังเสี้ยวหยา เธอรู้ว่าเสี้ยวหยาพูดได้มีเหตุผล แต่เธอรู้จักกับเย่เทียนเฉินมานานที่สุด รู้ว่าเย่เทียนเฉินเป็นผู้มีพลังพิเศษ ไม่สามารถใช้สายตาของคนธรรมดามองเขาได้ รวมกับที่สมาชิกกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์อย่างพวกอู๋เสวี่ยก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของคนธรรมดา ดังนั้นเรื่องที่พวกเขาทำกับเรื่องที่พวกเขาพูดจึงไม่สามารถใช้ความคิดของคนธรรมดาไปตัดสินได้ บนร่างของพวกเขามีเรื่องที่แปลกประหลาดอยู่มากมาย
“ฉันเข้าใจความหมายของเธอ และรู้ว่าเธอพูดถูก แต่ว่า…” ฉีหรูเสวี่ยไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอเองก็ลำบากใจมาก
“พี่หรูเสวี่ย น้าหลัว เชี่ยนเหวิน จะเสียเวลาต่อไปอีกไม่ได้แล้วจริงๆ พวกเราควรคว้าความหวังเอาไว้ ควรจะทำอะไรบางอย่างแล้วนะคะ?” เสี้ยวหยากล่าวเสียงดังด้วยความร้อนรน
หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยมองตากัน ไม่ว่าในใจของทั้งสี่จะคิดอย่างไร อย่างน้อยก็มีจุดที่เหมือนกัน นั่นก็คือพวกเธอต้องการให้เย่เทียนเฉินฟื้นขึ้นมาและอาการดีขึ้น
“ใช่ เสี้ยวหยาพูดถูก พวกเราควรส่งเย่เทียนเฉินไปรักษาที่โรงพยาบาล ไม่อาจปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ต่อไปได้ อย่างน้อยในโรงพยาบาลก็มีอุปกรณ์ไม่ใช่เหรอ?” หลัวเยี่ยนคิดครู่หนึ่งแล้วจึงกัดฟันพูด
“อืม งั้นพวกเราก็ส่งพี่ไปรักษาโรงพยาบาลกันเถอะ!” เย่เชี่ยนเหวินพยักหน้า
ฉีหรูเสวี่ยมองพวกเธอ ในที่สุดก็พยักหน้าและพูดว่า “ในเมื่อพวกคุณตัดสินใจแล้ว ถ้างั้นก็ดี แต่ยังไงซะฉันก็คิดว่าควรโทรไปบอกพวกอู๋เสวี่ยก่อนซักหน่อย จะยังไงพวกเขาก็มีความคิดมากกว่าพวกเรา…”
“ไม่ต้องแล้ว พวกเราไม่เห็นด้วยที่จะพาพี่ใหญ่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล…”
ในตอนที่คำพูดของฉีหรูเสวี่ยยังไม่ทันกล่าวจบ อู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย หลินตวนและเปาเทียนหลงก็เดินเข้ามาในห้อง บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความซีดเซียว ดูแล้วเจ็ดวันเจ็ดคืนนี้พวกเขาก็ไม่ได้ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินมีสภาพแบบนี้ อาจจะตายไปได้ทุกเมื่อ ทำให้พวกเขากังวลจริงๆ
การต่อสู้กับพวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวในคราวนี้ กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์มีสมาชิกแค่ 13 คน ส่วนสำนักโฮคุชินอิตโตริวมียอดฝีมือ 30 คน และมีฝีมือไม่อ่อนแอเลย การต่อสู้นี้เป็นการต่อสู้ที่โหดที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เป็นต้นมา และเป็นการต่อสู้ที่อันตรายที่สุดด้วย เกือบจะทำให้กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ถูกฆ่าทั้งหมดแล้ว โชคดีที่เย่เทียนเฉินสู้กับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นได้ ยิ่งไปกว่านั้นมัตสึโมโตะชิโมะเค็นยังขาดหญิงบริสุทธิ์อีกคนหนึ่งจึงไม่สามารถฟื้นฟูพลังการต่อสู้จนถึงขีดสุด มิฉะนั้นกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์คงต้องตายกันหมดแน่
การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์มีพี่น้องตายไปสามคน ในนั้นยังมีคนที่บาดเจ็บสาหัสและยังอยู่ในโรงพยาบาลอีกสี่คน ที่เหลืออีกหกคนได้รับบาดเจ็บมากน้อยแตกต่างกันไป ส่วนยอดฝีมือ 30 คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวรวมไปถึงมัตสึโมโตะชิโมะเค็นต่างก็ถูกฆ่าหมดแล้ว ไม่มีชีวิตรอดออกไปจากเมืองหลวงแม้แต่คนเดียว ความเสียหายในครั้งนี้ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวน่าอนาจเป็นที่สุด และเป็นรอยด่างพร้อยที่หลงเหลือไว้ในประวัติศาสตร์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริว
การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้พวกอู๋เสวี่ยได้รู้ว่าพลังต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งมากมายอะไร หากต้องการมีชื่อเสียงในระดับโลกยังคงอีกยาวไกล ยอดฝีมือทั้งสามสิบคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่มาในคราวนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักโฮคุชินอิตโตริว ยิ่งไปกว่านั้นในระดับโลก นอกจากสำนักโฮคุชินอิตโตริวของประเทศชิบะแล้วยังมีสำนักในประเทศอื่นที่สืบทอดกันมายาวนาน พวกเขาอาจจะลึกลับและน่ากลัวยิ่งกว่า หากพบกันขึ้นมาจะทำอย่างไร?
พลัง ต้องพัฒนาพลัง นี่เป็นวิธีการที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด ฝึกฝน บ่มเพาะ เรียนรู้ ไม่อาจขาดอะไรไปได้แม้แต่สิ่งเดียว
“คุณน้าครับ พวกเราไม่เห็นด้วยที่จะพาพี่ใหญ่ไปรักษาที่โรงพยาบาล!” อู๋เสวี่ยเดินมาเบื้องหน้าหลัวเยี่ยน เอ่ยปากด้วยความนอบน้อม
หลัวเยี่ยนมองพวกอู๋เสวี่ย พวกเขาต่างก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์กับลูกชายของตนมากที่สุด ย่อมเชื่อถือได้ เพียงแต่พวกเธอที่เป็นผู้หญิงสี่คนเพิ่งจะตัดสินใจว่าจะพาเย่เทียนเฉินไปส่งที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว ตอนนี้กลับถูกพวกอู๋เสวี่ยคัดค้าน ไม่เห็นด้วยแล้วจะทำอย่างไร?
“นี่…งั้นพวกเราจะทำอย่างไร?” หลัวเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
คำถามนี้ทำให้อู๋เสวี่ย หลินตวน หวังเจี๋ยและเปาเทียนหลงนิ่งไป พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจริงๆ จะตอบอย่างไร ในเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนนี้พวกเขาก็ตามหามาโดยตลอด คอยตามหาคนที่จะรักษาเย่เทียนเฉินได้ ทั่วทั้งโลกใบนี้ คนที่จะสามารถรักษาเย่เทียนเฉินได้เกรงว่าคงมีแต่จางอีเต๋อคนเดียวแล้ว เขาเองก็เป็นผู้มีพลังพิเศษและเป็นเซียนแพทย์เทวะ วิชาแพทย์ของเขามหัศจรรย์หาใดเปรียบ จะต้องส่งไปให้ถึงมือเขาถึงจะกลับมาจากความเป็นความตายได้
พวกอู๋เสวี่ยไปตามหาจางอีเต๋อเพราะอาการบาดเจ็บของเย่เทียนเฉินแล้ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างจางอีเต๋อและเย่เทียนเฉินค่อนข้างซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลานสาวของเขาจางรั่วถงยอมเสียสละร่างกายอันบริสุทธิ์ของตนเพื่อเย่เทียนเฉินโดยไม่คิดเสียดาย นี่นับเป็นการเสียสละครั้งใหญ่ ชั่วชีวิตนี้ของเย่เทียนเฉินเกรงว่าจะตอบแทนไม่หมด
เพียงแต่น่าเสียดาย ครั้งนี้หลังจากที่อู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย หลินตวนและเปาเทียนหลงพาเย่เทียนเฉินกลับมาถึงห้องนอนของเขาอย่างปลอดภัยและจัดให้เขานั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิแล้วก็รีบไปที่บ้านตระกูลจางโดยไม่รั้งรอ คิดจะไปเชิญจางอีเต๋อ แต่ในตอนที่พวกเขาไปถึงบ้านตระกูลจาง ทั่วทั้งบ้านตระกูลจางก็ว่างเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีใยแมงมุมอยู่ไม่รู้เท่าไหร่ คล้ายกับว่าไม่มีคนอยู่มานานแล้ว จางอีเต๋อไปจากที่นี่นานแล้ว
“รอ คุณน้าครับ พวกเราทำได้แค่รอ ผมรู้ความคิดของพวกคุณดี แต่พี่ใหญ่สั่งมาแล้วว่าหลังจากที่เขากลับมาถึงบ้านก็ห้ามเคลื่อนย้ายเขา หากหาจางอีเต๋อไม่เจอก็ต้องรักษาสภาพนี้ไว้ ความสามารถในการบ่มเพาะของพี่ใหญ่แข็งแกร่ง ย่อมมีเหตุผลของเขาแน่ พวกเราจะต้องเชื่อใจเขา!” อู๋เสวี่ยมองไปยังหลัวเยี่ยนแล้วพูดอย่างจริงจัง