เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 171
ตอนที่ 171 หลิง
“หลงเฉิน.. นั่นใช่หญิงสาวที่เจ้าลวนลามนางเมื่อครั้งที่เรามาถึงเมืองนี้หรือไม่?” องค์หญิงหมิงยู่กระซิบถาม หลงเฉินเมื่อเหลือบไปเห็นหญิงสาวคุ้นหน้าคุ้นตาผู้หนึ่ง แต่สีหน้าของหลงเฉินกลับบ่งบอกถึงความหงุดหงิดรําคาญใจ
หลงเฉินจ้องมองไปตามสายตาของหล่หมิงยู่ และพบหญิงสาวผมแดงที่เขาได้เคยประมือด้วยเมื่อครั้งที่เข้ามาถึงเมืองนี้ครั้งแรก หญิงสาวผู้นี้นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง โดยมีชายชราที่พ่ายแพ้ให้กับหลู่หมิงยู่นั่งร่วมโต๊ะด้วย
ยังมีหญิงสาวในวัยยี่สิบต้นๆอีกหนึ่งคนที่นั่งร่วมโต๊ะกับหญิงสาวผมแดงผู้นั้น หญิงสาวผู้นี้มีเส้นผมสีดําขลับ และยาวถึงเพียงแค่ลําคอเท่านั้น แม้จะเป็นหญิงสาวที่มีผมสั้นกว่าหญิงสาวปกติทั่วไป แต่ก็มิได้ทําให้นางดูสูญ เสียความมั่นใจไปเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ผมสีดําประบ่านี้กลับทําให้นางยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้น และเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นจากหญิงสาวทั่วไปในสายตาของหลงเฉิน
นอกจากผมสีดําแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างของนางยังเป็นสีดําขลับอีกด้วย และอาภรณ์สีดําที่สวมใส่ ก็ยิ่งทําให้นางโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ส่วนเนินอกใหญ่โตทั้งสองข้างซึ่งชูชันอยู่ภายใต้อาภรณ์ที่สวมใส่นั้น ก็ทําให้อาภรณ์ของนางดูรัดตรึงขึ้นมาทันที..
“ข้ามิได้ลวนลามนาง.. ข้าเพียงแค่หยอกเย้าเล็กน้อยให้นางตกอกตกใจเล็กน้อยเท่านั้น เป็นการสั่งสอนที่นางยะโสโอหังยิ่งนัก” หลงเฉินรีบแก้ตัวทันที พร้อมกับยิ้มอย่างเก้อเขิน
“พวกเราไปที่โต๊ะของนางกันดีกว่า ข้าเริ่มนึกสนุกแล้วสิ!” องค์หญิงหมิงยู่แย้มยิ้มในขณะที่เอ่ย พร้อมกับลากมือหลงเฉินตรงเข้าไปหานางที่โต๊ะทันที
“นี่เจ้า??”
หญิงสาวผมแดงร้องอุทานออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ เมื่อเห็นหลงฉินกับหลู่หมิงยู่เดินตรงเข้ามาเช่นนี้ และท่าทางของนางก็ได้สร้างความสนอกสนใจให้กับทุกคนในร้าน
“เหตุใดจึงต้องตกใจเช่นนั้นด้วย เจ้ามิต้องกังวลใจไป ข้าไม่จับเจ้ากินแทนอาหารเป็นแน่!” หลงเฉินเอ่ยบอก หญิงสาวผมแดงทันทีที่เข้าไปถึง
“เจ้านั่งลงก่อนไมอา..”
หญิงสาวที่นั่งตรงข้ามหญิงสาวผมแดงเอ่ยขึ้นด้วยน้ําเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน และหญิงสาวผมแดงผู้มีนามว่า ไมอาก็นั่งลงอย่างว่าง่าย
“พวกเขาคือ…??” หญิงสาวผมดําเอ่ยถาม
“ท่านน้าจี้ฉิง.. เขาก็คือชายหนุ่มที่ทําร้ายข้า ส่วนหญิงสาวผู้นี้ก็คือคนที่ทําร้ายท่านลุงเหยา! พวกเขาทั้งสองคนคือคนที่ท่านพ่อกําลังตามหาตัวอยู่!” องค์หญิงไมอาหันไปบอกกับหญิงสาวผมดําด้วยน้ําเสียงที่เบาราวกระซิบ
“พี่ชายของข้าย่อมต้องตามหาตัวพวกเขาทั้งคู่เป็นแน่ ในเมื่อพวกเขาทั้งสองคนต่างก็แข็งแกร่งยิ่งนักในวัยเพียงเท่านี้ ทั้งคู่น่าจะต้องเป็นทายาทของตระกูลที่ทรงอํานาจตระกูลใดตระกูลหนึ่งเป็นแน่ หรือไม่ก็ต้องเป็นศิษย์ของสํานักที่แข็งแกร่งยิ่ง และไม่แน่ว่าทั้งคู่อาจต้องสังกัดหน่วยงานที่แข็งแกร่งหน่วยใดหน่วยหนึ่งก็เป็นได้ คงจะดีไม่น้อยหากราชวงศ์ของเราสามารถผูกสัมพันธไมตรีกับพวกเขาไว้..” หญิงสาวผมดํานามว่าจฉิงเอ่ยตอบยิ้มๆ
“ไม่แน่ว่าพี่ชายของข้าอาจให้เจ้าได้แต่งงานกับเขา นับว่าเป็นความโชคดีของเจ้ามากทีเดียว เด็กหนุ่มคนนี้ หน้าตาหล่อเหลาไม่เบาที่เดียว!” จี้ฉิงหัวเราะคิกคักในขณะที่เอ่ยหยอกเย้าองค์หญิงไมอา
“หึ.. ข้าไม่อยู่กับผู้ชายที่ไม่รู้จักวิธีเอาใจผู้หญิงแน่!” ไมอาตอบกลับไปด้วยสีหน้าและน้ําเสียงที่ไม่พอใจนัก
“เมื่อใดที่พวกเราได้แต่งงานกัน ข้าจะเรียนรู้วิธีที่จะเอาใจเจ้าให้มากกว่านี้แน่!” หลงเฉินรีบเอ่ยสวนขึ้นในทันที พร้อมกับหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี
“เหตุใดพวกเจ้าสองคนจึงไม่นั่งลงร่วมโต๊ะกับพวกเราะเล่า?”
ก่อนที่ไมอาจะทันได้ตอบโต้หลงเฉิน ฉิงก็รีบเอ่ยเชิญชวนหลงเฉินกับหลู่หมิงยู่เสียก่อน พร้อมกับร้องตะโกนสั่งเสี่ยวเอ้อให้นําเก้าอี้มาอีกสองตัว
“ด้วยความยินดี..”
หลงเฉินตอบรับคําเชิญด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลงเฉินนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ติดกับหญิงผมดํานามว่าจิ๋ฉิง ส่วนหลู่หมิงยู่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างไมอากับหลงเฉิน
“พวกเราขอแนะนําตัวเองอย่างเป็นทางการอีกครั้ง.. ข้านามว่าซูจฉิง ส่วนหญิงสาวผู้นี้คือหลานสาวของข้าเองนามว่าไมอา เป็นองค์หญิงแห่งจักรวรรดินี้ ส่วนท่านนี้พวกเจ้าทั้งสองคนเคยพบเจอมาก่อนแล้ว เขาก็คือนายพลเหยา!” จี้จึงเอ่ยแนะนําทุกคนให้หลงเฉินรู้จัก
“ข้านามว่าหลงเฉิน ส่วนสหายของข้าหมิงยู่ ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่าน!” หลงเฉินแนะนําตนเองกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“พวกเจ้าสองคนดูเหมือนไม่ใช่คนเมืองนี้ มิทราบว่าพอจะบอกได้หรือไม่ว่า พวกท่านทั้งสองมาจากที่ใด?” จี้ฉิงเอ่ยถามในขณะที่จ้องมองหลงเฉิน
“ถูกต้องแล้ว.. ข้ามิใช่คนเมืองนี้ แต่ที่ข้าเดินทางมาจักรวรรดิหวนจอนั้น เพราะได้ยินมาว่าองค์หญิงแห่งจักรวรรดินี้มีรูปโฉมงดงามยิ่งนัก และเมื่อได้มาเห็นตัวจริง ข้าต้องยอมรับว่า นางงดงามกว่าที่ผู้คนเล่าขานกันเสียอีก” หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเช่นเคย
“เจ้ายังเด็กนัก แต่กลับรู้จักเจรจาถึงเพียงนี้!” จี้จึงเอ่ยชมยิ้มๆ
แต่พด ต่อให้เขาชื่นชอบข้ามากเพียงใด ข้าก็มิเคยนึกชอบเขาเลยสักนิด!” ไมอาเอ่ยตอบโต้ในทันที สีหน้าของนางนั้นบ่งบอกถึงความยะโสโอหังเช่นเคย
“พ่อหนุ่ม เจ้าอย่าได้ถือสาคําพูดของนางเลย หากเจ้าชื่นชอบนางจริงๆ ข้าเชื่อว่าเจ้าคงทําให้นางตกหลุมรักได้ไม่ยาก!” จี้จึงเอ่ยบอกหลงเฉินทันที
“เหตุใดข้าจึงต้องถือสาคําพูดของนางด้วยเล่า? ในเมื่อหญิงสาวที่ข้าเอ่ยถึงมิใช่นาง แต่เป็นท่าน!” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“องค์หญิงซูจฉิงซึ่งเป็นน้องสาวขององค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดินี้ ผู้ใดต่างก็รู้ว่านางคือหญิงสาวที่งดงามที่สุด และข้าเองก็ยินดียิ่งนักที่ได้พบกับท่าน” หลงเฉินเอ่ยต่อพร้อมกับหัวเราะร่วน
ทั้งนิ้งและไมอาต่างก็หันไปมองหน้าหลงเฉินด้วยความตกตะลึงพร้อมกับอ้าปากค้างอยู่เช่นนั้น แม้แต่ชายชราที่นั่งอยู่ข้างๆ ยังถึงคิดว่าตนเองกําลังฝันไป
“เจ้ามิคิดว่าตนเองเด็กเกินไปสําหรับข้างั้นรึ?” หลังจากนิ่งไปนาน ในที่สุดจฉิงก็เอยถามขึ้น
“ข้ามิได้รู้สึกเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย.. เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเองมีอายุกว่า 700 ปีแล้ว และที่ยังคงดูเป็นเด็กหนุ่มเช่นนี้ก็เพราะโอสถ..” หลงเฉินแกล้งทําเป็นหยอกเย้าหญิงสาว
“เช่นนั้นข้าขอถามว่าพลังบ่มเพาะของเจ้าอยู่ในขั้นใด?” ฉิงเอ่ยถามเรื่องอื่น และไม่คิดที่จะเชื่อคําพูดของหลงเฉิน
“บอกไปเจ้าก็คงไม่รู้จัก อีกอย่างข้าเองก็ไม่จําเป็นต้องบอกเจ้ามิใช่ร?”
หลงเฉินหันไปมองหลู่หมิงยู่ยิ้มๆ เผยให้เห็นใบหน้าที่นึกสนุกของเขา..
แต่ก่อนที่หลงเฉินจะทันได้เอ่ยอะไรมากกว่านั้น ทั่วทั้งร้านก็สัมผัสได้ที่พลังปราณแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านออก มา และนั่นก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งร้านได้เลยทีเดียว เวลานี้ทุกคนต่างก็หันไปมองผู้ที่เพิ่งเดิน เข้ามาใหม่ด้วยความสนอกสนใจ และพบว่าคนกลุ่มนี้ล้วนสวมใส่อาภรณ์สีแดง ซึ่งปักอักษรไว้สองตัวซึ่งก็คือ เป็งจวง” มีความหมายว่าปะทะ หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่ม และอีกสองคนเป็นหญิงสาว
ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะอายุมากสุด เขาดูคล้ายกับคนในวัย 21-22 ปี ส่วนหญิงสาวทั้งสองคนนั้น คนหนึ่งดูเหมือนจะอยู่ในวัย 16-17 ปี ส่วนอีกคนอยู่ในวัย 18-19 ปี
ชายหญิงทั้งสามคนนั่งลงบนโต๊ะที่ใกกับหลงเฉิน..
ล้
“อาภรณ์ของพวกเขาทั้งสาม..
หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจเมื่อได้เห็นอาภรณ์ที่คนทั้งสามสวมใส่ หลงเฉินได้อ่านตําราที่ซื้อมาจากศาลาเจียนตี้ก่อนหน้านี้ ทําให้เขารู้ว่าอักษรที่ปักอยู่บนอาภรณ์ของคนทั้งสามหมายถึงสิ่งใด
“พวกเขาทั้งสามมาจากสํานักนึ่งในจักรวรรดิจันทราเหนือ..” หลงเฉินกระซิบข้างหูหมิงยู่เสียงเบา
“ชายหนุ่มผู้นี้เข้าสู่ขั้นสามอาณาจักรจุติพิภพแล้ว.. ส่วนหญิงสาวทั้งสองนั้น ผู้ที่อายุมากกว่าเข้าสู่ขั้นหนึ่ง อาณาจักรจุติพิภพ และหญิงสาวที่อายุน้อยสุดเข้าสู่ขั้นห้าอาณาจักรแก่นปราณทองคํา..” หลงเฉินให้ข้อมูลเพิ่มเติม
แม้ว่าทั้งสามคนจะนั่งโต๊ะใกล้กับหลงเฉิน แต่ก็ไม่ได้ยินในสิ่งที่หลงเฉินกระซิบกระซาบกับองค์หญิงหมิงยู่ แม้แต่หญิงสาวที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกับหลงเฉิน ยังทําสีหน้างุนงงสงสัย เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนเป็นจริงจังของหลงเฉิน
“ครั้งนี้ภารกิจที่พวกเราได้รับค่อนข้างสําคัญยิ่ง! พวกเราจะต้องช่วยกันค้นหาให้พบ…” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่เบายิ่งนัก พร้อมกับจ้องมองหญิงสาวทั้งสองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“พี่หยวน.. อย่าได้กังวลใจไปเลย พวกเราต้องหาพบแน่!” หญิงสาวอายุน้อยสุดเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน
“ข้าเชื่อเจ้าน้องหลิง! ข้าเชื่อว่าหากพวกเราร่วมใจกันเช่นนี้จะต้องสําเร็จ อีกอย่างพวกเรายังมีน้องเมิ่งมาช่วยอีกคน..” ชายหนุ่มเอ่ยตอบ
แม้ว่าทั้งสามคนจะกระซิบกระซาบกันเสียงเบา แต่หลงเฉินมีประสาทสัมผัสที่ละเอียดอ่อนกว่าคนปกติทั่วไป เขาจึงสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
“หลิง.. จากจักรวรรดิจันทราเหนือ… คิดไม่ถึงว่าจะมีโอกาสได้พบเจอนางโดยบังเอิญเช่นนี้!” หลงเฉินได้แต่เหลือบมองหญิงสาวนามว่าหลัง
“นี่เจ้ามองอะไร? อยากตายมากหรืออย่างไร?”
ชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีแดงนามว่าหยวน ร้องตะโกนถามหลงเฉินเสียงดัง