เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 157
ตอนที่ 157 เปิดเผย
หลงเฉินเดินผ่านป่าที่อยู่ระหว่างชายแดนของจักรวรรดิซุยและจักรวรรดิหวนจื่อ เพื่อที่จะเข้าไปในเมืองสายฟ้าซึ่งอยู่ในจักรวรรดิหวนจื่อ
เขาถอดหน้ากากที่สวมใส่ออก และเดินทางต่อไปโดยมิได้ปิดบังอําพรางใบหน้าอีก จากนั้นจึงถอนอานุภาพของวิชาอําพรางสวรรค์ และกลับไปอยู่ในสภาพที่ผู้อื่นมิอาจมองเห็นขั้นพลังของเขาเช่นเคย
“ม้านี่วิ่งเร็วไม่น้อย.. แต่น่าเสียดายที่มันยังวิ่งได้เร็วมเท่ากับม้าในโลกทดสอบ หากเป็นเช่นนั้นคงจะช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางไปเมืองสายฟ้าของข้าได้มากทีเดียว”
หลงเฉินพึมพําออกมาในระหว่างที่กําลังขี่ม้า และมีสายลมปะทะเข้ากับใบหน้าอยู่ตลอด
เสียงคํารามก้องดังขึ้นในบริเวณใกล้ๆ ดึงดูความสนใจของหลงเฉินยิ่งนัก
“ต้องเป็นสัตว์อสูรแน่! ในที่สุดก็ได้เวลาฝึกฝนทักษะการต่อสู้เสียที หวังว่าจะเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งล่ะ!”
หลงเฉินยิ้มออกมา และรีบบังคับม้าให้เปลี่ยนทิศทางมุ่งไปยังต้นเสียงทันที..
ไม่นานนัก.. เขาก็ไปถึงถึงและพบสัตว์อสูรตนหนึ่ง
“เสื้อเกราะวาย สัตว์อสูรระดับแก่นปราณทองคําขั้นสุดงั้นรึ? เยี่ยม..”
หลงเฉินพึมพําออกมาเมื่อได้เห็นสัตว์อสูรตนนั้น มันมีลักษณะคล้ายกับเสือทั่วไป แต่ที่ศรีษะมีเขาหนึ่งอัน และผิวหนังเป็นสีเขียวรอบผิวหนังของมันนั้นมีลมล้อมรอบอยู่หนาแน่นมากกว่าห่วงอากาศอื่นๆ จึงดูคล้ายกับเสื้อเกราะที่ทําจากลม
“เด็กผู้หญิง?”
หลงเฉินร้องอุทานออกมาเสียงดัง เมื่อพบว่าเสื้อเกราะวายุตนนั้น กําลังค่อยๆเยื้องย่างอย่างระมัดระวัง ตรงเข้าไปหาร่างของเด็กสาวซึ่งนอนอยู่ห่างไกลออกไป
หลงเฉินไม่รอช้า เขากระโดดลงจากม้าทันที และใช้วรยุทธเคลื่อนที่ไปปรากฏตัวอยู่ระหว่างร่างของเด็กสาวกับเสื้อเกราะวายุอย่างรวดเร็ว
“นี่เจ้าทําให้นางหมดสติไปอย่างนั้นรึ?”
หลงเฉินจ้องมองร่างของเด็กสาวที่นอนแน่นิ่ง และดวงตาปิดอยู่
“รอประเดี๋ยว!”
หลงเฉินพึมพําออกมาพร้อมกับเรียกดาบสะบั้นบรรพตออกมาจากแหวนบรรจุ ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าใส่ร่างของเสื้อเกราะวายุทันที แต่ดูเหมือนสัตว์อสูรตนนี้จะมีความเร็วไม่ด้อยไปกว่าหลงเฉิน มันจึงสามารถกระโดดหลบได้อย่างรวดเร็ว
“เป็นดังที่ข้าคิดไว้จริงๆ ข้ากําลังต้องการพัฒนาวรยุทธเคลื่อนที่ของตนเองอยู่พอดี วิชาเก่าๆที่เคยใช้อยู่ดูเหมือนจะด้อยเกินไป หลังจากที่เข้าเมืองสายฟ้าได้เมื่อใด ข้าคงต้องเริ่มฝึกวิชาราชันย์ปฐพี่เพื่อเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่อย่างจริงจังเสียที”
หลงเฉินพําพําออกมาเสียงเบา ในขณะเดียวกันก็ตวัดดาบในมือไปด้านหลังซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่า แต่เป็นจังหวะที่เจ้าเสื้อเกราะวายุตนนั้นพุ่งเข้ามาพอดี แล้วร่างของมันจึงปักเข้ากับดาบของหลงเฉินทันที
เสื้อเกราะวายล้มลงไปกองกับพื้น และมีบาดแผลปรากฏที่แผ่นหลังของมัน แม้บาดแผลจะมีโลหิตไหลออกมา แต่ก็เป็นเพียงแค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเกราะวายรอบตัวมันได้ช่วยลดแรงจู่โจมของหลงเฉินไปได้มาก
แต่ก่อนที่เสื้อเกราะวายุจะทันได้ลุกขึ้น ร่างของหลงเฉินก็ไปปรากฏข้างๆร่างของมัน พร้อมกับยกดาบในมือขึ้นแทงลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว ปลายดาบของหลงเฉินแทงทะลุร่างของเสื้อเกราะวายุ มันร้องคํารามเสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ พลังทําลายล้างภายในร่างของเสื้อเกราะวายุ พลันระเบิดและพวยพุ่งออกมา หลงเฉินสัมผัสได้ว่าการจู่โจมครั้งนี้ของมันมีความรุนแรงเพียงพอที่จะสังหารยอดฝีมือขั้นสูงสุดอาณาจักรแก่นปราณทองคําได้เลยทีเดียว
ดวงตาทั้งสองของหลงเฉินพลันเปลี่ยนเป็นสีดํา รอบตัวเขาพลันปรากฏหัวงมิติว่างเปล่าขึ้น และทําหน้าที่เสมือนเกราะป้องกัน ทําให้พลังระเบิดที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของเสื้อเกราะวายุ ไม่สามารถทําอันตรายเขาได้เลยแม้แต่น้อย
“ปราการหัวงมิติยังคงใช้ประโยชน์ได้ดีเสมอสินะ!” หลงเฉินพึมพําออกมายิ้มๆ และพบว่าเสื้อเกราะวายุได้สิ้นใจตายซะแล้ว
“การจู่โจมครั้งสุดท้ายของเจ้านับว่าทรงพลังและฉลาดยิ่งนัก แต่น่าเสียดายที่เจ้าโชคร้ายมาเจอคู่ต่อสู้เช่นข้า!” หลงเฉินเอ่ยออกมา ขณะที่นําร่างของเสื้อเกราะวายุเข้าไปเก็บไว้ในแหวนบรรจุของตนเอง
หลงเฉินหันหลังกลับ แล้วเดินตรงเข้าไปหาร่างที่นอนแน่นิ่งไร้สติของเด็กสาว..
“หน้าตางดงามไม่น้อยทีเดียว..” หลงเฉินพึมพําออกมาในระหว่างที่จ้องมองร่างของเด็กสาว เขาคุกเข่าลงข้างๆร่างของนาง
“นางยังคงหายใจ แต่ชีพจรเต้นอ่อนยิ่งนัก..”
หลงเฉินเอ่ยออกมาในระหว่างที่ตรวจชีพจรของนาง หลังจากนั้นเขาก็ได้ใช้แขนของตนช้อนไปที่แผ่นหลัง ของนาง เพื่อพยุงร่างของนางให้ลุกขึ้นนั่ง แต่กลับสัมผัสได้ถึงของเหลวบางอย่าง
“เลือด?!” หลงเฉินร้องอุทานออกมาพร้อมกับรีบชักแขนกลับทันที และพบว่าแขนของตนชุ่มไปด้วยโลหิต
หลงเฉินรีบอุ้มร่างของนางขึ้นมา และพบบาดแผลคล้ายถูกกระบี่เล่มใหญ่อยู่ด้านหลัง และเวลานี้โลหิตก็ กําลังไหลไม่หยุด หลงเฉินไม่รอช้า เขารีบหยิบโอสถรักษาชีพที่ประมุขตระกูลตัวนมอบให้ ออกมาจากแหวนบรรจุทันที
หลงเฉินบีบปากของหญิงสาวให้อ้าออก และรีบนําโอสถใส่เข้าไปในปากของนาง จากนั้นจึงใช้นิ้วดันโอสถนั้นเข้าไปในลําคอของนางอีกที
“ข้าคงต้องหาหนทางอื่นเพื่อช่วยชีวิตแม่นางผู้นี้ คงจะหวังพึ่งโอสถนี้เพียงอย่างเดียวไม่ได้..”
หลงเฉินเอ่ยออกมาเสียงเบา สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะหยิบยารักษาชนิดทาที่เขาซื้อมาจากเมืองครามเทา ออกมาจากแหวนบรรจุ
“เอ่อ…ข้ารู้ว่าเป็นการกระทําที่ไม่ควร แต่ถึงอย่างไรเสื้อผ้าที่ห่อหุ้มเรือนร่างท่อนบนของนางก็ฉีกขาดแล้ว อีกทั้งยังมีบาดแผลที่แผ่นหลังเช่นนี้ ข้าจําเป็นต้องทําแม้ว่าจะผิดทํานองคลองธรรมก็ตาม”
หลงเฉินเอ่ยออกมาเสียงดัง ซึ่งมิรู้แน่ว่าเขากําลังพูดกับหญิงสาวผู้นี้ หรือพยายามที่จะหาเหตุผลให้กับตนเองกันแน่..
เมื่อเห็นว่าลมหายใจที่เบาบางของนางนั้นค่อยๆสม่ําเสมอแล้ว เขาจึงได้จับร่างของหญิงสาวให้อยู่ในท่านั่งส่วนตัวเขาก็ไปนั่งอยู่ด้านหลังของนาง และจัดการถอดอาภรณ์ซึ่งปกปิดเรือนร่างท่อนบนของนางออก เผยให้เห็นแผ่นหลังผุดผ่องดั่งหยกขาวที่ปกคลุมไปด้วยโลหิตสีแดงอีกที
หลงเฉินนําน้ําหนึ่งขวด และผ้าหนึ่งผืนออกมาจากแหวนบรรจุ จากนั้นจึงเริ่มเช็ดทําความสะอาดแผ่นหลังให้กับนาง โดยมิให้ถูกบริเวณบาดแผล หลังจากทําความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เขาจึงนําโอสถชนิดทาเทลงไปบนบาดแผลของนาง
“ข้าควรจะปิดบาดแผลของนางไว้ด้วยผ้าพันแผลหรือไม่? เพราะหากทําเช่นนั้น ข้าก็จะต้องสัมผัสกับ.. หน้าอกของนาง ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถพันแผลได้!”
หลงเฉินหลับตาลงพร้อมกับพึมพําออกมาในระหว่างที่ครุ่นคิด..
“เอาล่ะ.. ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ข้าก็คงต้องทํา!! ข้าทําเพื่อช่วยชีวิตนาง!” หลงเอ่ยออกมาด้วยน้ําเสียงที่บ่งบอกว่าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
“เจ้าหยุดตอบสนองไฟราคะในกาย ด้วยข้ออ้างเรื่องการรักษาได้หรือยัง? เห็นอยู่แล้วว่าบาดแผลของนางได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว!”
เสียงของซุนดังขึ้นทันทีที่ปรากฏตัว หลงเงินลืมตาขึ้นมองและพบว่า บาดแผลบนแผ่นหลังของนางนั้นหายแล้วจริงๆ
“โอสถทั้งกินทั้งทานี่วิเศษมากทีเดียว!! ข้าดีใจมากจริงๆที่ไม่ต้องพันแผลให้กับนาง ประหยัดเวลาข้าไปได้มากทีเดียว!”
หลงเฉินตีหน้าซื่อพร้อมกับเอ่ยออกมา โดยไม่สนใจคําพูดประชดประชันของซุน
“ข้าว่าเจ้ากําลังเผชิญกับปัญหาใหญ่เข้าแล้วล่ะ!” ซุนเอ่ยเสียงเบาขณะที่จ้องมองหลงเฉินยิ้มๆ ก่อนจะหายตัวไป
“หืมม?? ปัญหาอะไรกัน??” หลงเฉินพึมพําออกมาด้วยสีหน้างุนงงสงสัย แต่หลังจากนั้นสีหน้าของเขา พลันเปลี่ยนไปทันที
หญิงสาวค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น และพยายามที่จะลุกขึ้นยืน นางมิรู้ตัวว่าเวลานี้เรือนร่างท่อนบนของตนกําลังไร้ซึ่งอาภรณ์ปกคลุม เมื่อลุกขึ้นยืนได้ นางก็หันกลับไปมองด้านหลัง และพบว่าหลงเฉินนั่งอยู่ด้านหลัง
“เจ้าเป็นผู้ใดกัน?”
หญิงสาวร้องถามออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับผงะถอยหลังออกมาด้วยท่าทางตื่นตระหนก แต่นางกลับรู้สึกประหลาดใจ เมื่อพบว่าชายหนุ่มตรงหน้ามิได้มองหน้านาง แต่กําลังจ้องต่ําลงไปกว่านั้น นางจึงก้มหน้าลงมองตาม แล้วดวงตาทั้งสองข้างของนางก็ต้องเบิกโพลง เพราะเวลานี้ หน้าอกเปลือยเปล่าของนางนั้นได้เปิดเผยต่อสายตาของบุรุษแปลกหน้าโดยไร้ซึ่งสิ่งปกปิด
“กรี๊ด..”
เสียงกรีดร้องแหลมของหญิงสาวดังขึ้น พร้อมกับยกฝ่ามือทั้งสองข้างของตนขึ้นปิดยอดกันทั้งสองไว้อย่างรวดเร็ว