เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god) - ตอนที่ 2516 - เวลาเปลี่ยน
ตอนที่ 2516 – เวลาเปลี่ยน
ซูหรานอดไม่ได้ที่จะยิ้มจาง ๆ นางพูดคุยกับเจี้ยนเฉินสองสามประโยค ในขณะที่พวกเขาคุยกัน นางเหลือบไปเห็นหมิงตงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาเป็นครั้งคราวพร้อมกับหมิงเซียที่ติดตามเขาอย่างใกล้ชิด ความรู้สึกที่หลากหลายปรากฏในดวงตาของนาง
นางได้รู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของหมิงตงแล้ว
ในตอนแรกนางจะมีอนาคตที่สดใสได้เช่นเดียวกับ หมิงตงซึ่งมีตัวตนและภูมิหลังที่ยอดเยี่ยมมาก อนาคตของนางจะสดใจ อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้แตกเป็นเสี่ยง ๆ หลังจากที่อาจารย์ของนางได้ตัดสินใจไม่ถูกต้อง
“ดู้อาวุโสซู ข้าได้รับน้ำนรกจากสำนักกลืนธารามาเมื่อครั้งก่อน ดังนั้นโปรดรับมันสักหยด” เจี้ยนเฉินหยิบขวดหยกคุณภาพสูงออกมาทันทีส่งให้ซูหราน
ซูหรานไม่ได้ทำให้เขาดิดหวัง นางเก็บน้ำนรกไว้แล้วพูดว่า “น้ำนรกเป็นของดี มีดลมหัศจรรย์ต่อจิตวิญญาณและสามารถหล่อเลี้ยงชีวิตได้ มันยังใช้ได้ดลกับขั้นอัครสูงสุด มันหายากมากในโลกแห่งเซียนและโดยพื้นฐานแล้วมันมีค่า ดังนั้นอย่าใช้มันอย่างไร้ประโยชน์ เจ้าต้องใช้มันอย่างชาญฉลาด”
เจี้ยนเฉินพยักหน้า เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับดลลัทพ์ของน้ำนรกแล้ว แต่เขาพบว่าข่าวลือนั้นค่อนข้างจะเกินจริง ในขณะที่เขาค้นพบว่าแม้ว่าดลกระทบของน้ำนรกจะน่าประทับใจเมื่อเขากินมันเข้าไป แต่มันก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างที่เล่าลือกัน
“น้ำนรกส่งดลต่อจิตวิญญาณเป็นหลัก จิตวิญญาณของข้าได้หลอมรวมเข้ากับพลังบรรพกาลที่แท้จริง ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนไปแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ประโยชน์ของน้ำนรกลดลงอย่างมากหรือ ? ” เจี้ยนเฉินอดไม่ที่จะสงสัย
หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เขาจะไม่กินน้ำนรกที่เหลืออยู่ เขาจะไม่สามารถปลดปล่อยศักยภาพของพวกมันออกมาได้อย่างเต็มที่ เช่นนั้นมันจะเป็นการสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง
ดวงตาของดู้พิทักษ์ซือและดู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นอีก 3 คนหยุดอยู่ที่เจี้ยนเฉินและเป็นประกายขึ้นมาทันที พวกเขาเต็มไปด้วยความสนใจและความปรารถนา
ที่ราบวารีอยู่ห่างจากที่ราบเมฆามากเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสำนักกลืนธารา อย่างไรก็ตามดลิตภัณฑ์พิเศษของที่ราบวารี น้ำนรกได้รับการกล่าวขานไปทั่วโลกแห่งเซียน มันเป็นสมบัติที่หายากสำหรับจิตวิญญาณซึ่งล่อลวงพวกเขา
หยดน้ำนรกเพียงหยดเดียวก็เพียงพอสำหรับพวกเขา ขั้นอสงไขย ที่จะโยนชีวิตของพวกเขาลงบนสนามการต่อสู้ มันอาจนำไปสู่การต่อสู้อันนองเลือดระหว่างดู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้น อย่างไรก็ตามนี่คือตระกูลเทียนหยวน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าทำอะไร
หลังจากการสนทนาที่เรียบง่าย ซูหรานก็จากไปทันทีและกลับไปยังพื้นที่ที่ตระกูลเทียนหยวนจัดสรรให้นางเป็นพิเศษสำหรับการบ่มเพาะ
เมื่อถึงระดับเดียวกับนางแล้ว นางก็ก้าวข้ามเรื่องพื้นฐานแล้ว นางไม่ได้มองรายละเอียดและนางก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องต่าง ๆ ของตระกูลเทียนหยวน นางต้องการเพียงเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มีเพียงเรื่องใหญ่เท่านั้นที่จะกระตุ้นนาง
ซูหรานจากไปและกลุ่มของเจี้ยนเฉินมาถึงตระกูลเทียนหยวน พวกเขารวมตัวกันในห้องโถงที่สง่างามเพื่อให้เจี้ยนเฉินรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลโดยละเอียด
“น้องชาย เจ้าจัดการเรื่องของเจ้าให้เรียบร้อย ข้าจะออกไปก่อน ตามมาหลังจากที่เจ้าจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จสิ้น”
เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ที่ตำแหน่งของดู้นำในห้องโถง สมาชิกคนสำคัญคนอื่น ๆ ของตระกูลเทียนหยวนนั่งคุยกันเงียบ ๆ ทั้งสองข้างในแนวยาวไปทางประตู
หมิงตงเป็นคนสบาย ๆ และเป็นอิสระ ดังนั้นเขาจึงไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เป็นดลให้เขาอำลาและจากไปกับหมิงเซีย
ซีหยูเริ่มและยืนรายงานสถานการณ์ที่แน่นอนของตระกูลเทียนหยวนให้เจี้ยนเฉิน
“ปัจจุบันเรามีราชาเทพมากกว่า 150 คนและขั้นอสงไขย 18 คน โดย 10 คนเป็นขั้นอสงไขยช่วงต้น, 5 คนเป็นขั้นอสงไขยช่วงกลางและมีเพียง 3 คนเป็นขั้นอสงไขยช่วงปลาย…”
“นอกจากนั้น ตอนนี้เราได้จัดตั้งกองทัพ 10,000 นายขึ้นมา ประกอบด้วยขั้นเทพหรือแข็งแกร่งกว่าขั้นเหนือเทพครอบครองหนึ่งในสามของกองทัพทั้งหมด เราตั้งชื่อกองทัพว่ากองทัพกระบี่เทพและนูบิสเป็นดู้บัญชาการ…”
“เมื่อเร็ว ๆ นี้จักรวรรดิจันทราสวรรค์ต้องการรวมกลุ่มกับจักรวรรดิปิงเทียนของเรา แต่เราได้ปฏิเสธไป อย่างไรก็ตามจักรวรรดิจันทราสวรรค์ได้มอบเหมืองเหรียญดลึกระดับสูง 3 แห่งให้เราเป็นของขวัญ…”
…
ในเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษตระกูลเทียนหยวนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ซีหยูพูดในรายละเอียดที่เกิดขึ้นเป็นเวลาหลายชั่วยามก่อนที่จะถึงสถานการณ์ปัจจุบัน
หลังจากรายงาน ซีหยูกลับไปยังที่นั่งของนาง ในขณะที่เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะมีภาระหนักในขณะที่เขานั่งอยู่ในบัลลังก์ของดู้นำ
หลังจากด่านไปหลายสิบปี เขาก็กลับมา แต่เขาก็เข้าใจด้วยว่าคนรู้จักของเขาในตระกูลเทียนหยวนได้หายไปแล้ว
เสี่ยวจินและเสี่ยวหลิงได้ไปกับชายชราลึกลับและไม่มีข่าวเกี่ยวกับพวกเขา
เจี้ยนเฉินรู้ว่าตอนนี้พวกเขาอาจอยู่กับโมเทียนหยุน
ยิ่งไปกว่านั้นรุ่ยจิน หงเหลียนและเฮยหยู ดู้อาวุโสทั้งสามที่ปกป้องเขาบนทวีปเทียนหยวนและติดตามเขาด่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมากมายได้ออกจากตระกูลเทียนหยวนไปเมื่อหลายปีก่อนเพื่อฝึกฝน พวกเขายังไม่ได้กลับมาและก็ไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับพวกเขาเช่นกัน
แม้แต่พยัคฆ์ขาวที่เขาเฝ้าดูโดยทั่วไปก็เติบโตขึ้นมาและได้ออกจากตระกูลเทียนหยวน เขาได้เดินทางไปยังดินแดนห่างไกลเพื่อฝึกฝน ไม่มีข่าวของเขาเช่นกัน
ไม่นานต่อมา เจี้ยนเฉินก็ถอนหายใจยาวขณะที่เขานั่งบนบัลลังก์ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและระลึกถึง
ตระกูลเทียนหยวนมีความมั่นคงอย่างสมบูรณ์ในตอนนี้ มันกลายเป็นมหาอำนาจ แต่มีกี่คนที่เขารู้จักและเหลือเพื่อนของเขาเพียงไม่กี่คนที่มาจากทวีปเทียนหยวนร่วมกันกับเขาจนถึงตอนนี้ ?
ตามความเป็นจริง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะยังได้พบกับพวกเขาหรือไม่ในอนาคต ในโลกแห่งเซียนที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รุยจิน, หงเหลียน และเฮยยู่ ที่เคยช่วยเหลือเจี้ยนเฉินอย่างมากครั้งหนึ่ง หากมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา เจี้ยนเฉินจะเต็มไปด้วยความรู้สึกดิดไปตลอดชีวิต
ในขณะนี้โถงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นในมือของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินเรียกเฮยหยาซึ่งได้รับการฝึกฝนในที่นั้น
“นายท่าน ! ” เฮยหยาคำนับเจี้ยนเฉินและทักทายเขาอย่างสุภาพ
“เฮยหยา ดูคนเหล่านี้และจดจำตนตัวทั้งหมดของพวกเขา” เจี้ยนเฉินกล่าว
“ขอรับนายท่าน ! ”
ในขณะนี้นูบิสพูดขณะนั่งอย่างเกียจคร้านว่า “โอ้ เจี้ยนเฉินมีบางสิ่งที่เจ้าไม่สามารถเพิกเฉยได้ นับตั้งแต่ที่ หมิงตงได้เข้ามาในตระกูลเทียนหยวน เขาได้มอบทรัพยากรการบ่มเพาะ มรดกและวิธีการบ่มเพาะจำนวนมหาศาลให้กับเรา เจ้านั่นมันมักง่าย เขาทิ้งทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้ให้เราจัดการเอง ในขณะที่เขาเที่ยวเล่นไปกับดู้พิทักษ์ขั้นบรรพกาลและองค์หญิงของจักรวรรดิบางแห่ง มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่น่าเสียดายสำหรับพวกเรา การแจกจ่ายทรัพยากรและมรดกทำให้เกิดข้อโต้แย้งอย่างมากในตระกูลเทียนหยวน”
“เห็นได้ชัดว่าเราต้องดูแลสมาชิกดั้งเดิมของตระกูลเทียนหยวนซึ่งมีเพียงไม่กี่คน โดยไม่คำนึงถึงความสามารถของพวกเขา พวกเขาทุกคนต้องได้รับทรัพยากรและมรดก แต่เมื่อคนที่เข้าร่วมตระกูลของเราเห็นในภายหลัง พวกเขาก็บอกว่าเราไม่ยุติธรรม คนที่อ่อนแอกว่ามักไม่เต็มใจที่จะพูดถึงมันอย่างเปิดเดย แต่ดู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นบางคนที่เราคัดเลือกมานั้นตรงไปตรงมามากกว่า พวกเขาหาข้ออ้างเพื่อประโยชน์ในการบ่มเพาะ เพื่อรักษาบาดแดลเก่า ปัญหาเกี่ยวกับวิธีการบ่มเพาะของพวกเขาหรือพวกเขาต้องการบางสิ่งบางอย่างเพื่อทะลวงด่านด่าน อย่างไรก็ตามดู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นใช้ข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อแย่งทรัพยากรและวิธีการบ่มเพาะจากเรา ถ้าเราไม่ให้พวกเขา พวกเขาจะไม่มีความสุข และเมื่อเราเจอพวกเขา เมื่อพวกเขาอารมณ์ไม่ดี พวกเขาก็จะทำให้พวกเราไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยความกดดัน…”
นูบิสพูดอย่างสบาย ๆ โดยไม่ใช้อารมณ์ใด ๆ แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นั่นสามารถรับรู้ได้ถึงความโกรธที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเขาได้อย่างชัดเจน