เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god) - ตอนที่ 2498 เจี้ยนเฉินมาเยือน
ตอนที่ 2498: เจี้ยนเฉินมาเยือน
เสียงดังออกมาราวกับระฆังตรงมาจากทางเข้าลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์ ด้วยพลังเสียงที่ดังและก่อตัวจนเกิดระลอกคลื่นที่มองได้เห็นผ่านภูเขาของลัทธิและทำให้พวกมันทั้งหมดสั่นสะเทือน มันดังไปทั่วลัทธิ
“ใครคือเจี้ยนเฉิน ? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเขา….”
“มีกลุ่มหรือตระกูลใหญ่มากมายที่มาเยือนลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์ของเราเพื่อขอแต่งงาน เจี้ยนเฉินผู้นี้น่าจะเป็นนายน้อยขององค์กรหรือตระกูลใหญ่ ๆ…”
…
ศิษย์หลายคนในลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์เริ่มพูดคุยกัน มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นคนชั้นสูงของโลกเซียนและผู้บ่มเพาะที่ยอดเยี่ยมบางคนเท่านั้นที่รู้จักเจี้ยนเโฉิน คนอย่างศิษย์ลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้
ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่ผู้คนจะติดต่อและมีข้อมูลจากที่ราบแห่งอื่นโดยไม่มีสถานะในระดับหนึ่ง
เมื่อบรรพชนทั้งสามของลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์ได้ยินชื่อของเจี้ยนเฉิน คิ้วของพวกเขาก็ขมวดแน่น
“เจี้ยนเฉิน ? เขามาทำไม ? ” เติ้งเหวินซิ่นสงสัยอยู่ภายใน นางคุ้นชื่อเจี้ยนเฉิน แม้ว่านางจะไม่เข้าใจเขาทั้งหมด แต่ความวุ่นวายที่เขาสร้างบนที่ราบรกร้างนั้นทำให้โลกเซียนสั่นสะเทือนไปชั่วขณะหนึ่ง
เขาเป็นเพียงราชาเทพ แม้ว่าเขาจะเป็นสุดยอดราชาเทพ แต่เขาก็ยังคงเป็นเหมือนมดในสายตาของนาง แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่คนที่อ่อนแอเช่นเขานี้ก็สามารถหลีกเลี่ยงการค้นหาของผู้เชี่ยวชาญชั้นสูงนับไม่ถ้วนบนที่ราบรกร้างมาได้หลายปีด้วยหอคอยอนัตตา
เพียงแค่นั้นก็ทำให้เติ้งเหวินซิ่นประหลาดใจ
ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่เพียงแต่เจี้ยนเฉินจะหลบหนีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดได้ถึงหลายปี แต่เขายังหลบหนีได้สำเร็จหลังจากที่ถูกเปิดเผยและตามล่าจากผู้เชี่ยวชาญชั้นสูงทั้งหมด ตอนนี้เขามาเยี่ยมลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์อย่างเปิดเผยโดยไม่มีการปลอมตัวใด ๆ
ไม่เพียงแต่เติ้งเหวินซิ่นที่อยากรู้นิด ๆ เกี่ยวกับเจี้ยนเฉิน แต่นางยังรู้สึกชื่นชมเขาด้วย
นี่เป็นเพราะสิ่งที่เจี้ยนเฉินทำนั้นไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในโลกเซียน เขาได้ทำให้มันเป็นดั่งปาฏิหาริย์
อย่างไรก็ตามเมื่อเติ้งเหวินซิ่นคิดถึงซ่างกวนมู่เอ๋อและจุนกง นางก็รู้สึกหนักใจ
ไม่ต้องพูดถึงคนตระกูลเต๋ายังอยู่ที่นี่ ตลอดเวลาที่เจี้ยนเฉินมา นางต้องเลือกจนถึงตอนนี้ ซึ่งทำให้เติ้งเหวินซิ่นไม่มั่นใจว่านี่เป็นข่าวดีหรือไม่ที่เขามา
บรรพชนทั้งสามมีท่าทีแตกต่างกันกับการมาถึงของเจี้ยนเฉิน ในตอนนี้มีความสุขปรากฏขึ้นในดวงตาของซ่างกวนมู่เอ๋อ อย่างไรก็ตามไม่นานหัวใจของนางก็ดิ่งลง
“เจี้ยนเฉินมาได้เวลาจริง ๆ ข้าควรจะออกไปอย่างไรเมื่อเขาอยู่ที่นี่ ? ” ซ่างกวนมู่เอ๋อเริ่มเครียด ในฐานะปรมาจารย์พิณปีศาจร่ำไห้ นางค่อย ๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสามารถบางอย่างของพิณ นางกล้าที่จะอย่างเปิดเผยต่อขั้นบรรพกาลทั้งสามว่านางจะจากไป เพราะนางมีพิณปีศาจร่ำไห้
นางสามารถฉีกมิติและออกไปพร้อมกับพิณปีศาจร่ำไห้และไม่มีใครในลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์ห้ามนางได้ อย่างไรก็ตามมันสามารถพาได้แค่นางไปเท่านั้น
แต่เดิมนางสามารถออกไปได้ทุกเมื่อเมื่อต้องการ แต่การมาถึงของเจี้ยนเฉินทำให้แผนของนางนั้นผิดไป
“ปิดผนึกนิกายและไม่ให้เจี้ยนเฉินเข้ามาในสำนักของเรา” เหลียนฉีตะโกนออกมาและออกคำสั่งหน้าตาเฉย
เนื่องจากซ่างกวนมู่เอ๋อ เหลียนฉีไม่ได้รู้สึกดีต่อเจี้ยนเฉินนัก ตามความจริงเขามีอคติกับอีกฝ่ายมาก
อย่างไรก็ตามค่ายกลรอบ ๆ ลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ปิดผนึกสถานที่นี้ตามที่เหลียนฉีสั่ง แต่มันก็เปิดขึ้นและมีสะพานสายรุ้งปรากฏขึ้นจากทางเข้าและจรดที่ยอดเขาเมฆจันทรา
“เส้นทางสายรุ้ง เป็นพิธีต้อนรับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์ที่เรามี….” สายตาของกู่นาเบิกกว้าง ขณะที่นางพูดด้วยความประหลาดใจ
“มันคือบรรพชนวายุ….” ความรู้สึกของเติ้งเหวินซิ่นปะปนกันไป นางหันกลับไปและมองไปยังบริเวณต้องห้ามของลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์
เส้นทางสายรุ้งได้จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเมื่อมีคนสำคัญอย่างยิ่งมาที่ลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์ การใช้งานแต่ละครั้งต้องได้รับความเห็นชอบจากบรรพชน
ถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วย แม้แต่ผู้นำลัทธิก็ไม่มีสิทธิ์ใช้เพื่อต้อนรับแขก
อย่างไรก็ตามบรรพชนสามในสี่ของสำนักอยู่ที่นี่และไม่มีใครออกคำสั่ง จะมีใครอีกหากไม่ใช่บรรพชนวายุจากบริเวณต้องห้าม ?
“เจี้ยนเฉินผู้นี้ได้รับเกียรติอย่างมากและได้รับการต้อนรับด้วยเส้นทางสายรุ้ง” เก่อตงจากตระกูลเต๋าพูดอย่างประหลาดใจ
ตระกูลเต๋าของเขาได้รับการต้อนรับด้วยเส้นทางสายรุ้ง ท้ายที่สุดพวกเขาก็มาจากตระกูลโบราณ แต่ตอนนี้เจี้ยนเฉินที่มีชื่อเสียงอยู่บ้างในโลกเซียนก็ได้รับการต้อนรับเช่นนี้เช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีอะไรจะพูด หากมันเป็นเวลาอื่น ไม่ว่าลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์จะใช้เส้นทางสายรุ้งหรือไม่ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้ลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์ได้ทำเช่นนี้ขณะที่เขาอยู่ นั่นหมายความว่าพวกเขาถือว่าเจี้ยนเฉินอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลเต๋า
เห็นได้ชัดว่าเก่อตงไม่พอใจและแม้แต่ปาโป้ก็ไม่พอใจเช่นกัน พวกเขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเบา ๆ
ในตอนนี้ มีคนหนึ่งยืนอยู่บนเส้นทางสายรุ้งอย่างสบาย ๆ โดยเอามือไพล่หลัง เขาปล่อยให้แสงจากเส้นทางนำทางเข้าไปยังยอดเมฆจันทรา
คนผู้นั้นก็คือ เจี้ยนเฉิน
ตอนนี้เจี้ยนเฉินมาถึงแล้ว เสื้อคลุมสีขาวของเขากระพือตามสายลมพรึ่บพรับ ผมสีดำที่ปล่อยยาวสลวยไปตามสายลม เขายืนอยู่บนเส้นทางด้วยท่าทางสง่างาม
สีหน้าของเหลียนฉีดูน่าเกลียดอย่างมากเมื่อเขาเห็นร่างที่อยู่บนเส้นทางที่กำลังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนหน้าตาของเขาหมองอย่างมาก
เจี้ยนเฉินเป็นหนึ่งในคนที่เขาเกลียดและไม่อยากเห็นหน้า
“ถ้าไม่ใช่เพราะเจี้ยนเฉิน เป็นไปได้ว่าจุนกงและซ่างกวนมู่เอ๋อจะอยู่ด้วยกัน” เหลียนฉีคิด จุนกงเป็นศิษย์ที่เขาภูมิใจที่สุดและรักมากที่สุด เขาหวังที่จะให้จุนกงและซ่างกวนมู่เอ๋ออยู่ด้วยกัน
กู่นาและเติ้งเหวินซิ่นทั้งคู่ต่างมองไปที่คนที่อยู่บนเส้นทางสายรุ้ง พวกเขาเคยได้ยินชื่อของเจี้ยนเฉินเมื่อนานมาแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางเห็นเขา
แม้แต่เก่อตงและปาโป้ก็อดไม่ได้ที่จะมองเจี้ยนเฉิน พวกเขามาจากตระกูลโบราณและสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ดี พวกเขารู้ถึงเหตุการณ์สำคัญและเหตุการณ์เล็กน้อยบนโลกเซียน ดังนั้นพวกเขาจึงเคยได้ยินชื่อของเจี้ยนเฉินมาบ้าง
“นี่เป็นคนที่ทำล้ายที่ราบรกร้าง ? ” เก่อตงและปาโป้คิดกับตัวเองเมื่อพวกเขาเห็นเจี้ยนเฉินที่สง่างามและเต็มไปด้วยความมั่นใจ
อย่างไรก็ตามสีหน้าซ่างกวนมู่เอ๋อแสดงออกถึงอารมณ์ที่หลากหลาย
“พลังปราณของโลกไม่เป็นระเบียบ มีการต่อสู้ ! ” ในดวงตาของเจี้ยนเฉินหรี่ลง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้น เขาสัมผัสได้อย่างรวดเร็วถึงความแตกต่างของพื้นที่ตรงนั้น เขาจับจ้องไปที่ซ่างกวนมู่เอ๋ออย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเขาก็เห็นผิวที่ซีดขาวและรอยเลือดที่มุมปากกับนิ้วที่เปื้อนเลือด
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน สายตาของเขากลายเป็นแหลมคม เขาแผ่เจตจำนงกระบี่ออกมาจากตัวเขา มันเป็นสายตาที่แหลมคมมากจนพวกเขาไม่กล้าสบตาเขา
เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะให้พลังของเส้นทางพาเขาไปช้า ๆ อีกต่อไป กฎมิติหมุนรอบ ๆ ตัวของเขาและเขาก็หายตัวไปทันที เมื่อเขาปรากฏตัว เขาก็มาถึงข้าง ๆ ซ่างกวนมู่เอ๋อ
“มู่เอ๋อ ใครทำร้ายเจ้า ? ” เจี้ยนเฉินจับไปที่มือที่เปื้อนเลือดของซ่างกวนมู่เอ๋อพร้อมกับมีความเจ็บปวดในสายตาของเขาและกลายเป็นน่ากลัว ใบหน้าของเขามืดหม่นและมีจิตสังหารแผ่ออกมาจากตัวของเขาอย่างท่วมท้น ทำให้รอบ ๆ ตัวของเขาเต็มไปด้วยพลังที่ปั่นป่วน ทั้งพื้นที่จนกลายเป็นอาณาจักรแห่งปราณกระบี่