เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god) - ตอนที่ 2432 พรรคกระดูกโอฬาร
ตอนที่ 2432 : พรรคกระดูกโอฬาร
เจี้ยนเฉินไม่ได้ดีใจเลยแม้แต่น้อยที่ซูหรานเสนอตัวช่วย เขาส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “คนที่ฆ่าไคยะเป็นอัครสูงสุด”
“อัครสูงสุด ! ” ซูหรานขมวดคิ้วอย่างที่เขาคิดเอาไว้ แม้ว่านางจะฟื้นฟูพลังขึ้นมาแล้วและก้าวหน้าขึ้นมากเมื่อเทียบกับอดีต แต่นางก็ยังอยู่แค่ขั้นบรรพกาล มันมีความต่างอย่างมากกับอัครสูงสุด
หลังจากที่คิดสักพัก ซูหรานก็บอกกับเจี้ยนเฉินว่า “ค่าของหอคอยอนัตตานั้นวัดค่าไม่ได้ ผลงานของเจ้ากับการคืนหอคอยอนัตตานั้นเพียงพอที่จะแลกค่ายกลที่สามารถจัดการกับอัครสูงสุดได้ แม้ว่ามันจะไม่อาจฆ่าอัครสูงสุดได้ แต่ตราบใดที่ยื้ออัครสูงสุดไว้ได้ ข้าอาจจะฆ่าอีกฝ่ายได้ แน่นอนหากว่าอัครสูงสุดนั่นจะไม่แข็งแกร่งเกินไป”
“ข้าไปได้แค่ระดับ 1 กับ 2 ของโถงสืบทอดภายในพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง ข้าได้มาแค่ค่ายกลเผาผลาญหายนะทั้งเก้าที่สามารถฆ่ายอดฝีมือที่ขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 7 และต่ำกว่าได้” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น
ซูหรานตาเป็นประกายขึ้นมาเมื่อได้ยินแบบนั้น “เจ้าได้ค่ายกลเผาผลาญหายนะทั้งเก้ามาหรือ ? หากเจ้ามีค่ายกลนั่น ข้ามั่นใจว่าจะทำให้อัครสูงสุดบาดเจ็บสาหัสได้หากเขาไม่แข็งแกร่งจนเกินไป”
ซูหรานอธิบายออกมาเมื่อนางเห็นว่าเจี้ยนเฉินแปลกใจ “อย่าประมาทค่ายกลเผาผลาญหายนะทั้งเก้าไป ค่ายกลเผาผลาญหายนะทั้งเก้าสามารถฆ่าได้แค่ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 7 แต่มันไม่ใช่ค่ายกลธรรมดา มันคือค่ายกลสังหารที่น่าพิศวงซึ่งเล็งเป้าหมายไปที่วิญญาณ แม้แต่อัครสูงสุดก็ยังได้รับผลกระทบเมื่อตกเข้าไปในค่ายกล”
“แม้ว่าค่ายกลเผาผลาญหายนะทั้งเก้าจะไม่อาจทำให้อัครสูงสุดบาดเจ็บได้ แต่ตราบใดที่ส่งผลกับเขา ข้าก็สามารถโจมตีพวกนั้นจากภายนอกได้”
“ทำอันตรายแต่ไม่อาจจะฆ่าได้รึ ? ” เจี้ยนเฉินถามขึ้นมา
“เจี้ยนเฉิน อย่าประมาทอัครสูงสุดเกินไป ด้วยระดับการบ่มเพาะของข้าตอนนี้และค่ายกลแล้ว การทำให้อัครสูงสุดบาดเจ็บได้นั้นก็ถือว่าน่าประทับใจอย่างมากแล้ว การฆ่านั้นไม่อาจจะเป็นไปได้”
ซูหรานเงียบไปเสี้ยววินาทีก่อนจะพูดต่อ “แน่นอน มันใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะฆ่าอัครสูงสุด”
“ยังไง ? ” เจี้ยนเฉินถามขึ้นมาทันที
“เจ้าขอความช่วยเหลือจากคนนอกได้” ซูหรานมองไปที่เจี้ยนเฉินและพูดขึ้นมาว่า “มันมีคำพูดในหมู่ผู้คนมาโดยตลอด ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ด้วยเงิน คำพูดนี้เองก็เป็นจริงในโลกเซียน ผลก็คือตราบใดที่เจ้ามีเงินมากพอ เจ้าสามารถขอให้ยอดฝีมือจากพรรคกระดูกโอฬารลงมือแทนเจ้าได้”
“พรรคกระดูกโอฬาร ? ” เจี้ยนเฉินสับสน เขาไม่เคยได้ยินชื่อองค์กรนี้มาก่อน
“พรรคกระดูกโอฬารคือองค์กรนักฆ่าที่แข็งแก่งที่สุดในโลกเซียน พวกเขามีนักฆ่าหลายคนตั้งแต่ขอบเขตดั้งเดิมจนถึงอัครสูงสุด ตราบใดที่เจ้าเต็มใจจ่าย เจ้าอาจจะได้อัครสูงสุดมาฆ่าศัตรูให้กับเจ้า” ซูหรานพูดขึ้น
เจี้ยนเฉินตาเป็นประกายและถามขึ้น “มันต้องใช้อะไรเพื่อขอให้ยอดฝีมือของพรรคกระดูกโอฬารมาฆ่าอัครสูงสุดให้กับข้า ? ”
“หากคิดเป็นเหรียญผลึกห้าสีแล้ว อัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 1 คิดเป็น 1 ล้านเหรียญ ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ ราคาก็ยิ่งมากเท่านั้น”
เจี้ยนเฉินตะลึง เหรียญผลึกห้าสี 1 ล้านเหรียญเป็นจำนวนที่มหาศาลสำหรับเขา
ยังไงซะเขาก็เพิ่งขายวัตถุเทพขั้นต้นบนยานอวกาศจากที่ราบหยกวารี ได้เหรียญผลึกห้าสีหลายพันเหรียญ เจี้ยนเฉินไม่เคยคิดจำนวนถึงหลักล้านมาก่อน
แม้แต่อัครสูงสุดที่อ่อนแอก็ไม่อาจจะรับราคานี้ไหว
เหรียญผลึกห้าสีนี้ล้ำค่าอย่างมาก พวกมันอัดแน่นขึ้นมาจากพลังแห่งวิถี ดังนั้นมันจึงมีพลังแห่งวิถีในตัว พปกติแล้วพวกมันจะเกิดแค่ในอวกาศรอบนอกซึ่งทำให้มันกลายเป็นของที่วิเศษที่ถูกสร้างขึ้นโดยโลกนี้ พวกมันไม่เหมือนเหรียญผลึกทั่วไปที่สามารถเก็บได้ในเหมือง
แม้ว่ามันจะมีเหรียญผลึกห้าสีมากมายในหมู่ทรัพยากรที่เขาได้มาจากพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง แต่มันไม่ได้ใกล้เคียงหลักล้านเลย
ยิ่งกว่านั้นแม้ว่าเขาจะรวบรวมเหรียญผลึกห้าสีได้ 1 ล้านเหรียญ แต่เขาก็ทำได้แค่ฆ่าอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 1
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าผู้อาวุโสภูผามหานทีนั้นอยู่ชั้นสวรรค์ที่เท่าไร แต่เขาก็มั่นใจว่าไม่ใช่ชั้นสวรรค์ที่ 1 เป็นแน่
“แต่เรามีค่ายกลเผาผลาญหายนะทั้งเก้า ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่เราจะต้องขอพรรคกระดูกโอฬารมาฆ่าอัครสูงสุด เราแค่ต้องการการโจมตีเต็มกำลังจากยอดฝีมือของพรรคกระดูกโอฬารเพื่อทำให้คนที่เจ้าต้องการฆ่าบาดเจ็บ ส่วนที่เหลือข้าจัดการเอง เจี้ยนเฉิน เจ้ามีเหรียญผลึกห้าสีมากแค่ไหนกัน ? ” ซูหรานถามขึ้นมา
“ประมาณแสนเหรียญ” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น นี่รวมกับที่เขาได้มาจากพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงแล้ว ตอนแรกเขาคิดว่าจะเก็บมันไว้ให้กับพี่สาวของเขา
“ แสนรึ ? นั่นเพียงพอแล้ว ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังพรรคกระดูกโอฬาร พวกเขามีสาขาในที่ราบรุ่งโรจน์ด้วย”
สาขานั้นตั้งอยู่ในเมืองที่คึกคักภายในเขตกลางของที่ราบรุ่งโรจน์
เมื่อเจี้ยนเฉินเห็นพรรคกระดูกโอฬาร เขาก็พบว่ามันสมกับชื่อของมัน มันเป็นตึกเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นมาจากกระดูกสีขาว
ตึกนี้สูงเพียง 3 ชั้น มันตั้งอยู่ในตรอกที่ห่างไกลยากที่จะมีผู้คนเดินผ่าน มันให้ความรู้สึกหม่น ๆ กับการที่มันสร้างขึ้นจากกระดูก
เจี้ยนเฉินตามซูหรานเข้าไปในตึก ด้านในตึกนี้มืดมิดและพลังของค่ายกลอันแข็งแกร่งด้านในก็ยังคทำงานอยู่ ไม่ใช่แค่ตัดขาดการรับรู้วิญญาณ แต่สายตาก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วย
ตอนนั้นความมืดเริ่มครอบคลุม ทั้งตึกได้หมดแสงของมันและกลายเป็นที่ที่มืดมิด
เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าเขาเสียการรับรู้ทั้งหมดไป เขาไม่อาจจะเห็นได้แม้แต่ด้วยตาตัวเอง
เจี้ยนเฉินรู้ว่านี่เกิดขึ้นมาจากพลังของค่ายกลที่นี่
“เจ้าต้องการฆ่าใคร ? ระดับบ่มเพาะเขาอยู่ระดับไหน ? ” เด็กน้อยดูอายุ 8-9 ปีได้ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเจี้ยนเฉินจากความมืดมิด เขาส่องแสงลึกลับออกมากันไม่ให้ความมืดกลืนกินเขา ผลก็คือเขาดูโดดเด่นขึ้นมา
เจี้ยนเฉินหรี่ตาลงทันทีที่เห็นอีกฝ่าย เด็กนี่ไม่ได้แผ่พลังงานออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาเหมือนกับเด็กธรรมดา เด็กนี่เหมือนลูกบอลหมอกซึ่งยากที่เจี้ยนเฉินจะมองออกและเข้าใจได้
“เราต้องการให้พรรคกระดูกโอฬารส่งอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 1 เราแค่ต้องการการโจมตีเต็มกำลังจากเขา” เสียงของซูหรานดังขึ้นมาจากความมืดมิด แต่เจี้ยนเฉินไม่อาจจะรับรู้ถึงนางได้เลย
พลังของค่ายกลด้านในนี้บดบังการรับรู้ทุกอย่างของเขา ทั้งหมดที่เขาเห็นมีแค่เด็กน้อยคนนี้
“ การโจมตีเต็มกำลังซึ่งเป็นการโจมตีครั้งเดียว 80,000 เหรียญผลึกห้าสี” เด็กน้อยพูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยชา
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ส่งเหรียญผลึกห้าสี 80,000 เหรียญให้กับเด็กน้อย และเด็กน้อยก็ส่งเครื่องรางหยกให้กับเขาก่อนจะพูดขึ้น “เมื่อเจ้าต้องการให้พรรคกระดูกโอฬารลงมือก็จงใช้งานหยกนี่ จำไว้ว่าจะมีการโจมตีในระดับอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 1 เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ! ”
“เมื่อเราใช้เครื่องหยกนี้ คนของเจ้าจะมาทันรึ ? ” ซูหรานขมวดคิ้ว ขั้นตอนนี้ดูต่างจากข่าวลือเล็กน้อย
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น…” เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะหายตัวไป
ความมืดมิดภายในตึกหายไปและทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ
เจี้ยนเฉินและซูหรานมองหน้ากัน ก่อนจะมองไปที่เครื่องรางหยกแล้วมองไปรอบ ๆ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรต่อและออกจากที่นั่น
หลังจากที่ทั้งสองจากไปแล้ว เด็กน้อยก็ปรากฏตัวขึ้นมา เขายืนอยู่ในพรรคกระดูกโอฬารและมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาเสียดแทง
มันคือตอนนั้นเองที่ชายแก่ชุดเทาได้รีบลงมาจากชั้นบนโดยมีหลายคนตามเขามาด้วย
คนพวกนี้คือสมาชิกที่คอยดูแลสาขาแห่งนี้
ชายแก่พาคนของเขาไปถึงด้านหลังเด็กน้อย เขารีบโค้งให้กับเด็กน้อยและถามด้วยความกลัว “นะ นะ นายท่าน ทำไมท่านถึงได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง ? ”