เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god) - ตอนที่ 2307 เปลี่ยนท่าที
ตอนที่ 2307 : เปลี่ยนท่าที
หากเทียบกับตงหลินหยานเซว่ที่ซึ่งเหนียมอายราวกับสาวน้อยแล้ว เจี้ยนเฉินกลับสุขุมอย่างมาก ลมหายใจเข้ามั่นคงและไม่ได้คิดอะไรมาก
เขาสอดแขนซ้ายเข้าไปด้านล่างแขนของตงหลินหยานเซว่เพื่อให้ไหล่ของนางพักไว้บนแขน พร้อมกับวางแขนขวาที่ด้านล่างเข่าของนาง ใช้แรงแค่เล็กน้อยเขาก็อุ้มร่างของตงหลินหยานเซว่ขึ้นมาได้
ตงหลินหยานเซว่ตัวแข็งทื่อไปในทนัที แม้ว่านางจะบ่มเพาะมานานแต่จิตใจของนางก็ยังเป็นแค่สาวน้อยวัย 20 ปี แม้ว่าจะแค่สัมผัสมือกับผู้ชายก็ทำให้นางหน้าแดงขึ้นมาได้แล้ว นี่ไม่ต้องนับการถูกคนอื่นอุ้มเลย
ผลก็คือหน้าและหูของนางแดงก่ำ เมื่อเจี้ยนเฉินอุ้มนางไว้ใกล้แบบนี้จึงทำให้หัวของนางพิงอยู่ที่อกของเขา นางถึงกับได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ชายจากตัวเจี้ยนเฉินด้วย
ตอนนั้นตงหลินหยานเซว่รู้สึกได้แต่ความสับสนและไม่อาจจะคิดอะไรออกได้
เจี้ยนเฉินยังคงดูปกติ เขาสร้างปีกขึ้นมาจากพลังเซียนธาตุแสงที่หลังของเขาและเมื่อปีกนั้นกระพือ เขาก็บินขึ้นจากพื้นพร้อมกับตงหลินหยานเซว่ เขาใช้ความสามารถที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีควรจะมี
“ข้าหวังว่าฉิงฉันคงไม่มาในเร็ว ๆ นี้ ไม่งั้นแล้วข้าคงเปิดเผยตัวเองต่อหน้าตงหลินหยานเซว่” แม้ว่าเขาจะมีสาวงามอยู่ในอ้อมแขน แต่เจี้ยนเฉินไม่ได้คิดอะไรมากในเรื่องนี้ เขาได้แต่ภาวนาในใจตัวเองกับความกังวลที่มี
ตงหลินหยานเซว่มีบทบาทสำคัญว่าเขาจะได้เข้าไปในหอคอยธาตุแสงหรือไม่ ดังนั้นนางจึงไม่อาจจะตายที่นี่ได้ แต่ตงหลินหยานเซว่ในตอนนี้กลับได้รับบาดเจ็บสาหัส นางไม่อาจแม้แต่ทำอะไรง่าย ๆ ได้ หากฉิงฉันไล่ตามเขามาในตอนนี้ แน่นอนว่านางคงไม่อาจจะทนการโจมตีจากฉิงฉันได้แม้แต่ครั้งเดียว เจี้ยนเฉินคงต้องออกโรงปกป้องนาง
แต่ตงหลินหยานเซว่ได้สติขึ้นมาแล้ว หากเขาเปิดเผยความแข็งแกร่งต่อหน้าตงหลินหยานเซว่ เขาคงถูกเปิดโปง
ผลก็คือสิ่งที่เขากังวลคือฉิงฉันจะไล่ล่าเขาด้วยหรือไม่
ตงหลินหยานเซว่ใจเย็นลงได้ แม้ว่านางจะอึดอัดกับเรื่องนี้ แต่นางก็รู้ว่านางไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ผลก็คือนางได้แต่ยอมรับความจริงกับการที่เจี้ยนเฉินอุ้มนางไว้แบบนี้
ตงหลินหยานเซว่ทำการตรวจสอบเจี้ยนเฉิน เมื่อนางพบว่าเขาเอาแต่สนใจที่พื้นดินและไม่ได้มีความคิดเป็นอื่น ตอนนั้นความคิดที่นางมีต่อเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
“แม้ว่าเขาจะมาเป็นผู้พิทักษ์ของข้าด้วยความคิดจะเข้าใกล้ข้า แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่เหมือนกับผู้พิทักษ์อีก 8 คนที่ทิ้งข้าไปตอนที่ข้าเผชิญหน้ากับความตาย ตอนที่ข้าได้รับบาดเจ็บโดยฉิงฉันและหมดสติไป เขาก็ไม่ได้ทิ้งข้าและหนีเอาตัวรอดคนเดียว…” ตงหลินหยานเซว่คิด แม้แต่ตงหลินหยานเซว่ก็ยังไม่รู้ตัวว่านางประทับใจในตัวเจี้ยนเฉินมากขึ้น
แม้แต่ท่าทีขัดขืนที่นางมีตอนที่เจี้ยนเฉินอุ้มนางไว้ก็ลดลงไปด้วย
ตอนนี้ตงหลินหยานเซว่ได้ดมกลิ่นที่อกของเจี้ยนเฉิน และนางก็ต้องแปลกใจทันที นางคิด “นี่มันกลิ่นเลือด” หลังจากนั้นเพราะเหตุผลบางอย่างนางจึงดึงเสื้อที่อกของเจี้ยนเฉินออก ทันใดนั้นนางก็พบบาดแผลภายใต้เสื้อผ้าของเขา
เจี้ยนเฉินได้รับบาดเจ็บมาระหว่างที่สู้กับฉิงฉัน บาดแผลบางจุดหายดีแล้วภายใต้การฟื้นฟูอันแข็งแกร่งของร่างบรรพกาลโดยไม่เหลือแม้แต่รอยแผลเป็น แต่มันก็มีบาดแผลบางจุดที่ได้รับความเสียหายหนักซึ่งปากแผลยังไม่ปิดเพราะเวลายังไม่เพียงพอ
แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนชุดแต่เขาก็ไม่อาจจะล้างกลิ่นเลือดที่มีติดตัวได้ สุดท้าย ตงหลินหยานเซว่ก็ได้กลิ่นและพบบาดแผลนี้ทันที
“เจ้าบาดเจ็บรึ ? ” สีหน้าของตงหลินหยานเซว่เปลี่ยนไปเมื่อเห็นบาดแผลพวกนั้น
“แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ได้หนักหนาอะไร” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมาโดยไม่มีท่าทีสนใจ แต่เขากลับบ่นในใจ เขาไม่คิดว่าตงหลินหยานเซว่จะทำตัวต่างจากที่เคย นางกลับเปิดเสื้อเขาออกและพบกับบาดแผล
ตงหลินหยานเซว่ที่เขารู้จักไม่ใช่คนแบบนี้
“เจ็บหรือไม่ ? ” ตงหลินหยานเซว่มองไปที่แผลด้วยความรู้สึกซับซ้อนและถามขึ้นมา
ชัดแล้วว่าเขาบาดเจ็บ แต่เขายังทำทีว่าไม่เป็นอะไรและคอยอุ้มนาง เพื่อจะได้เดินทางต่อได้ ตอนนั้นเอง ตงหลินหยานเซว่ก็รู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา
เจี้ยนเฉินหยุด เขาก้มหน้าลงไปมองตงหลินหยานเซว่ด้วยสีหน้าแปลก ๆ ตงหลินหยานเซว่เริ่มเป็นห่วงเขาตั้งแต่ตอนไหนกัน ?
ตงหลินหยานเซว่เองก็เห็นว่านางดูเป็นห่วงมากเกินไปเมื่อเห็นสายตาของเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของนางจคงแดงขึ้นมาเล็กน้อยและนางก็ได้เอาผ้าปิดบาดแผลของเจี้ยนเฉินเอาไว้ นางพูดขึ้นมาเบา ๆ “เจ้ามองอะไร ? เร็วเข้า รีบไปต่อ หากฉิงฉันตามมาทัน เราทั้งสองคงไม่รอด “
สักพักตงหลินหยานเซว่ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ทำไมเราไม่หยุดสักพักและรักษาบาดแผลของเจ้าก่อนเพื่อที่มันจะได้ไม่แย่กว่านี้ ? ”
“มันไม่ได้ลึกอะไร มันไม่ได้สร้างปัญหาแต่อย่างใด”
หลังจากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันต่อ เจี้ยนเฉินได้ใช้ความเร็วสูงสุดที่แกนวิญญาณหนึ่งสีจะทำได้ออกมา และเดินทางต่อ 3 วัน 3 คืนโดยไม่หยุดพักพร้อมกับตงหลินหยานเซว่ จากนั้นเขาก็ทำท่าหมดแรงและหยุดในถ้ำแห่งหนึ่ง
ยังไงซะพลังของแกนวิญญาณหนึ่งสีก็มีจำกัด เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีคงต้องถึงขีดจำกัดมานานแล้วหลังจากที่เดินเทาง 3 วันติดต่อกันด้วยความเร็วระดับนี้ หากเขายังเดินทางต่อไป เขาอาจจะเผยตัวตนออกมาได้ง่าย ๆ ผลก็คือเขาต้องทำการหยุดพัก
ถ้ำแห่งนี้เงียบสงบ ไข่มุกขนาดเท่ากับกำปั้นถูกฝังไว้ที่เพดานคอยให้แสงสว่างกับที่นี่ ภายใต้แสงสลัวนี้ เจี้ยนเฉิน และตงหลินหยานเซว่แค่พอมองเห็นหน้ากันได้
ทั้งสองคนนั่งแยกกัน เจี้ยนเฉินได้หลับตาลงเพื่อฟื้นฟูบาดแผลด้วยพลังเซียนธาตุแสง
อันที่จริงเขาฟื้นฟูบาดแผลจนหายดีได้ด้วยร่างบรรพกาล เขาแค่ใช้พลังเซียนธาตุแสงให้ตงหลินหยานเซว่เห็น เพื่อจะได้มีข้อแก้ตัวกับบาดแผลที่หายดีของเขา
ตรงหน้าเขา ตงหลินหยานเซว่นั่งอยู่กับพื้นกอดเข่าตัวเองเอาไว้ นางมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความรู้สึกซับซ้อนอยู่ตลอดจนกระทั่งเขาฟื้นฟูบาดแผลจนเสร็จ
“เจ้าหายดีแล้วหรือ ? ” เมื่อลืมตาขึ้นมา เจี้ยนเฉินก็มองไปที่ตงหลินหยานเซว่และถามออกมาทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
ตงหลินหยานเซว่สีหน้าหม่นลง นางได้ตอบกลับ “วิญญาณของข้าบาดเจ็บเพราะพลังวิญญาณนักรบ ข้าไม่อาจจะใช้พลังเซียนธาตุแสงได้ มันยังมีเศษเสี้ยวพลังวิญญาณนักรบอยู่ในตัวข้า แม้ว่าข้าจะสยบมันได้ด้วยยา แต่มันก็กันไม่ให้ข้าฟื้นฟูได้เช่นกัน ข้าไม่อาจจะฟื้นฟูตัวเองได้ตราบใดที่ยังมีพลังวิญญาณนักรบเหลืออยู่”
“แต่ในโลกดวงจันทร์และดวงดาว มันไม่มีใครอื่นที่ช่วยข้าดึงเอาพลังวิญญาณนักรบออกไปนอกจากฉิงฉัน ดังนั้นดูเหมือนว่าข้าจะฟื้นฟูตัวเองได้เมื่อออกจากโลกนี้ไปและกลับไปยังโถงศักดิ์สิทธิ์”