เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย - ตอนที่ 62 มีข่าวลือเสียๆหายๆที่ว่าเทพเจ้ากรีกล้วนแล้วแต่มีนิสัยแย่ๆ (เป็นเรื่องจริง) - 2
- Home
- All Mangas
- เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย
- ตอนที่ 62 มีข่าวลือเสียๆหายๆที่ว่าเทพเจ้ากรีกล้วนแล้วแต่มีนิสัยแย่ๆ (เป็นเรื่องจริง) - 2
บทที่ 3 ตอนที่ 4.2
รถม้าเคลื่อนที่ผ่านไปตามเส้นทางอันขรุขระและมีรากไม้ของป่าเขตร้อนชื้น
ตัวรถสีดำสนิทถูกลากโดยม้าไร้หัว 4 ตัว มีรูปลักษณ์ที่ชวนให้นึกถึงรถขนศพ ที่ล้อเองก็มีเปลวเพลิงสีซีดเซียวลุกโชนอยู่
แล้วจู่ๆ ก็มีออคปรากฏตัวออกมาด้านหน้ารถม้า
ชายร่างยักษ์หัวหมูมองไปรอบๆอย่างลุกลี้ลุกรน และจากที่ไม่รู้สึกตัวถึงรถม้าที่กำลังเข้าใกล้ด้วยความเร็วสูง ก็ถูกชนเข้าให้ มันกระเด็นไปด้านหลัง เกลือกกลิ้งไปบนพื้น ที่ซึ่งมันได้ถูกเหยียบซ้ำจนกลายเป็นกองเนื้อสด
ผมที่มองดูออคผู้น่าสงสารจากทางหน้าต่างรถม้าก็รู้สึกประทับใจ
「เห~ สบายกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีกนะเนี่ย เจ้านี่ แม้แต่กับถนนขรุขระก็ไม่รู้สึกสะเทือนเลย」
「นั่นน่ะสิฮะ ศัตรูเองก็มองไม่เห็น แล้วถึงแม้จะไปชนอะไรเข้าก็ไม่รู้สึกถึงแรงกระแทกด้วย」
ยูคิพยักหน้ารับ
สาเหตุที่ไม่มีแรงสะเทือนเลยก็เพราะเจ้ารถม้านี่ Coach-a-Bower มันลอยอยู่เหนือพื้นประมาณ 10 ซม.
ถึงแม้ว่าจะไม่มากพอที่จะกระโดดข้ามหน้าผาหรือหลุมขนาดใหญ่ แต่มันก็ไม่ได้รับผลกระทบของพื้นที่ส่วนมากและสามารถหลบเลี่ยงกับดักที่จะส่งผลเมื่อไปเหยียบเข้าได้
อีกทั้งต้องขอบคุณสกิลที่ทำให้ล่องหนและปกปิกตัวตน ทำให้ไม่ต้องต่อสู้กับศัตรูโดยไม่จำเป็น
ข้อเสียก็คือมันไม่สามารถข้ามทางน้ำอย่างแม่น้ำหรือทะเลสาปได้ แต่ในกรณีพวกนั้นก็แก้ง่ายๆด้วยการอ้อมหรือหาเส้นทางอื่น
เพราะมัวแต่ให้ความสนใจกับสกิลแปลงอุปกรณ์ แต่เจ้าสกิล Coach-a-Bower นี่ก็ไม่เลวเลยทีเดียว สมแล้วที่เป็นดูลลาฮานที่ว่ากันว่าเป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับมืออาชีพ
「แล้ว เป็นไงบ้าง ความรู้สึกของแปลงอุปกรณ์?」
「เยส, มาสเตอร์…..ร่างกายมีการตอบสนองช้าลงเล็กน้อยแต่ไม่มีปัญหาใดๆค่ะ」
ผู้ที่ตอบคำถามของผมก็คือ อัศวินดำหญิงที่อยู่ตรงที่นั่งคนขับ
ชุดเกราะที่เธอสวมเน้นทรวดทรงของผู้หญิงเด่นชัด ผมสีบลอนด์เงางามพลิ้วไหวออกมาจากเกราะหมวกที่ปิดครึ่งหน้าส่วนบน
ส่วนของร่างกายที่เปิดเผยออกมามีแค่ใบหน้าช่วงล่างเท่านั้น แต่ด้วยความตัดกันระหว่างชุดเกราะสีดำกับผิวสีขาว และริมผีปากสีแดงที่ดูโดดเด่น ชวนให้หลงไหลอย่างน่าประหลาด
ม-มันแปลกๆนะ…..
ตอนที่เอลฟ์ของอันนาสวมดูลลาฮาน มันให้ความรู้สึกของอัศวินสาวแสนบริสุทธิ์ แต่พอเอลิซ่าซังสวมใส่ มันกลับแผ่บรรยากาศชั่วร้ายและยั่วยวนออกมาซะแทน…..
เอลิซ่าซังที่สวมดูลลาฮานอยู่นั้น มีบรรยากาศของอัศวินดำอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
「…..เอาเถอะ ไม่มีปัญหาก็ดีแล้วล่ะ คิดอยู่ว่าถ้าสกิลอืดอาดกับซุ่มซ่ามมันไปฉุดรั้งไว้ ก็อาจจะเปลี่ยนไปใช้ลีพวิ่งอาร์มเมอร์ที่ไม่มีสกิลด้านลบแทน」
ในขณะที่ผมพูดบอกไปตอนนั้นเอง
「เอ๋~!? โหดร้ายไปแล้ว มาสเตอร์! ได้โปรดใช้ชั้นด้วยเถอะ! …..กรุณาอย่าพูดโดยพลการด้วยค่ะ」
พวกผมที่ได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของเอลิซ่าแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ก็ถึงกับต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่แล้วก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้
เมื่อครู่นี้ ไม่ใช่เอลิซ่า แต่เป็นดูลลาฮานที่เข้าสิงเธออยู่
「ต้องขอโทษด้วยค่ะ มาสเตอร์…..เมื่อครู่นี้เป็นดูลลาฮานพูดค่ะ」
「อ-อา เข้าใจแล้วล่ะ」
คงเพราะไม่อยากให้เกิดการเข้าใจผิด เอลิซ่าก็เลยพูดอธิบายเพิ่มมา ทำเอาผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ
กับแวมไพร์อดีตกูล่าตนนี้ เดาว่าคงจะคิด「ไม่ต้องการให้คาแรคเตอร์ของตัวเองเสียหาย」ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้
สมาชิกคนอื่นๆอย่างเร็นกะ, ยูคิ, เมอา ก็ดูจะคิดเหมือนกัน ต่างมองกันและกันด้วยสายตาอบอุ่น
「รุ่นพี่เอลิซ่าใช้ร่างกายของเธอได้ดีกว่าชั้นซะอีก ถ้าหากว่ารุ่นพี่มาใช้ไปอยู่แบบนี้เรื่อยๆล่ะก็ แม้แต่พวกอืดอาดและซุ่มซ่ามอย่างชั้น จะต้องสามารถกลายเป็นผู้หญิงสวยเท่ได้แน่ๆเลย~! …..ดูลลาฮาน, อะ ขอโทษด้วยค่ะ!」
เอลิซ่าที่เหมือนกำลังแสดงเดี่ยวอยู่ดูแล้วตลกดี ถึงแม้จะรู้ว่ามันทำให้รู้สึกแย่แต่พวกผมก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
มันน่าจะทำให้เอลิซ่ารู้สึกหัวเสียเนื่องจากว่ามีออร่าความโกรธแผ่ออกมาจากตัวเธอ ซึ่งเป็นอะไรที่หายาก
ในตอนนั้นเอง…..
「—-เอลิซ่าซัง สุภาพสตรีไม่ควรปล่อยอารมณ์หงุดหงิดออกมาง่ายๆนะคะ」
หญิงสาวอายุประมาณ 20 ปลายๆ ที่นั่งอยู่ข้างเอลิซ่าพูดมาในเชิงตำหนิ
หญิงสาวแสนสวยผมสีทองแดงมัดเป็นมวยผมและสวมชุดเมด…..ซิลกี้ที่มีเมดมาสเตอร์ล่ะ
「ต้องขอประทานโทษด้วยค่ะ」
เอลิซ่าก้มหัวให้ แล้วซิลกี้ก็พยักหน้ารับอย่างสุภาพ
「สุภาพสตรีนั้น จะต้องสงบนิ่งและสง่างามอยู่เสมอ ดิชั้นจะรับผิดชอบในการทำให้คุณกลายเป็นสุภาพสตรีในหมู่สุภาพสตรี…..ให้กลายเป็นเมดมาสเตอร์เองค่ะ」
「ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ อาจารย์」
เมื่อเห็นฉากนี้ พวกผมก็ต่างมองหน้ากันแล้ว「โว้~ว」
ทั้งๆที่เพิ่งจะได้เจอหน้ากัน แต่ก็สนิทกันน่าดูแล้ว
ซิลกี้เมดมาสเตอร์ได้ถูกแนะนำให้กับเอลิซ่าก็เพื่อให้ช่วยสอนสกิลหลายๆอย่างที่เธอมีอยู่ แต่ดูเหมือนว่าจะมีความเข้ากันได้บางอย่างระหว่างทั้งคู่ เลยทำให้กลายเป็นศิษย์-อาจารย์ไป
กับสกิลเมดมาสเตอร์ก็เรื่องหนึ่ง แต่สกิลเตรียมใจติเตียนนี่ไม่อยากจะให้สอนด้วยเลย…..
ในขณะที่กำลังกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเอลิซ่าอยู่นั้น…..
「อะ เอลิซ่าซัง ทางแยกข้างหน้าเลี้ยวซ้ายนะฮะ ทางด้านขวามีปฏิกริยาของศัตรูจำนวนหนึ่งอยู่」
「เข้าใจแล้วค่ะ」
ยูคิพูดบอกในขณะที่กำลังดูแผนที่ในสมาร์ทโฟน
เนื่องด้วยเธอมีระยะค้นหาที่กว้างที่สุดในปาร์ตี้ จึงได้มอบหน้าที่ในการนำทางไป
…..ฟู่ ดูเหมือนว่าคราวนี้ผมก็จะไม่มีบทบาทอะไรในปาร์ตี้อีกตามเคย
ลิงค์มีความสำคัญอยู่ก็จริง แต่ในตอนนี้ไม่ได้ใช้งานมัน
สาเหตุที่ว่าทำไมถึงไม่ใช้งานลิงค์ในตอนนี้ก็เพราะคำนึงถึงซิลกี้ที่มาใหม่ จะได้ไม่ถูกแบ่งแยกออกไปจากบทสนทนา
ผมในตอนนี้สามารถลิงค์กับซิลกี้ได้ง่ายๆอยู่ก็จริง แต่การลิงค์โดยที่ยังไม่สนิทกันมากพอจะทำให้การ์ดรู้สึกไม่สบายใจได้…..
「…..หืม? อาเร๊ะ เอลิซ่าซัง ดูเหมือนว่าจะค่อยๆเข้าใกล้ศัตรูอยู่นะฮะ」
ยูคิก้มหน้ามองสมาร์ทโฟนและเงยหน้าขึ้นมามองเอลิซ่าด้วยความงุนงง
「…..ต้องขอประทานโทษด้วยค่ะ มาสเตอร์ ดูเหมือนว่าจะจำด้านซ้ายและขวาสลับกันเสียแล้ว」
『เอ๋?』
พวกเราต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ไม่คาดว่าจะสามารถหลุดออกมาจากปากของเอลิซ่าได้
「…..ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะสกิลซุ่มซ่ามของดูลลาฮานค่ะ, ใจร้าย รุ่นพี่เอลิซ่า! อย่ามาโทษคนอื่นสิค่ะ!」
「ไม่ล่ะ ความผิดของเธอชัดๆเลย」
เร็นกะพูดด้วยน้ำเสียงโมโห ซึ่งทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
ไม่อยากจะเชื่อว่าวันที่เอลิซ่าจำด้านซ้าย-ขวาผิดจะมาถึงได้…..สกิลซุ่มซ่าม ช่างน่าสะพรึง
ยังดีที่ไม่ได้อยู่ในระหว่างการต่อสู้ แต่มันก็ทำให้รู้สึกหวั่นๆ ว่าสกิลซุ่มซ่ามจะถูกใช้ออกมาตอนที่ใกล้จะตัดสินแพ้-ชนะ…..
จนกว่าสกิลซุ่มซ่ามจะหายไป อาจจะเป็นการดีกว่าที่จะไม่ใช้ดูลลาฮานในการต่อสู้ระยะใกล้
ในขณะที่กำลังคิดเช่นนั้นอยู่…..
「หากเป็นเช่นนี้แล้ว คงจำเป็นต้องให้ทำการเรียนรู้สกิลเมดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วล่ะค่ะ…..」
「หืม~? เน่เน่คุณป้า ทำไมซุ่มซ่ามของเอลิซ่าถึงได้ไปเกี่ยวกับสกิลเมดล่ะ?」
การเรียกคุณป้าของเมอาทำให้ซิลกี้หนังตากระตุกขึ้นมาแว่บนึง แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษแล้วทำการตอบคำถาม
「สกิลเมดมาสเตอร์ของดิชั้น มีความสามารถในการหักล้างความผิดพลาดของผู้อื่นที่ครอบครองสกิลเมดอยู่ค่ะ มาสเตอร์」
แต่อย่างที่คิดว่าคงจะรู้สึกหงุดหงิด ซิลกี้จึงทำเป็นเมินเมอาแล้วมาตอบคำถามให้ผมแทน
สุภาพสตรีที่ไม่ปล่อยอารมณ์หงุดหงิดออกมาง่ายๆ หายไปไหนซะแล้วล่ะ…..
「ป-เป็นงั้นเองเหรอ แต่ว่าไม่ได้ถูกเขียนเอาไว้ในแอปเลยนี่นา」
「ประการแรก ถ้าหากว่าครอบครองการ์ดที่มีสกิลเมดมาสเตอร์อยู่แล้วล่ะก็ มันก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำการเรียกการ์ดอื่นที่มีสกิลเมดมาอีก คาดว่านั่นทำให้ไม่รู้สึกตัวกันจนถึงตอนนี้ ประการที่สอง มันเป็นการยากที่จะสังเกตุถึงข้อผิดพลาดที่หายไปโดยไร้การแจ้งเตือน เพราะผู้ที่มีเมดมาสเตอร์จะไม่ทำการอวดอ้างออกหน้าออกตาถึงความสำเร็จของตนเองแก่เจ้านายของตนเองหรอกค่ะ」
「อ-อย่างงี้นี่เอง」
มันก็จริงที่จะสังเกตุได้ถึงบางสิ่งที่มันไม่เกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากคนที่ทำให้มันหายไปไม่ได้เป็นคนประเภทที่ชอบอวดความสำเร็จแล้ว มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้สึกตัว
เจ้าข้อมูลใหม่เกี่ยวกับเมดมาสเตอร์อันนี้ เดี๋ยวค่อยไปรายงานที่กิลล์ทีหลัง อาจจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ก็แต้มการช่วยเหลือสังคมก็เป็นได้ ยังไงมันก็ไม่ได้เป็นข้อมูลที่ควรจะปกปิดไว้อะไร
「ใกล้จะเข้าปะทะศัตรูแล้วฮะ อย่างที่คิดว่าถ้าแค่ Coach-a-Bower คงจะจัดการได้ลำบาก จะเอายังไงดีฮะ มาสเตอร์」
คำถามของยูคิ「จะเอายังไงดี」คงจะหมายความถึงว่าจะเข้าต่อสู้ไหม หรือว่าจะใช้สกิลจ้าวอาณาเขตของเธอเพื่อขับไล่ศัตรูไป
พลังต่อสู้ของเธอในตอนนี้อยู่ที่ขีดจำกัดการเติบโต 1,600 เป็นพลังต่อสู้ที่มากพอสำหรับขับไล่มอนสเตอร์ได้แม้แต่แรงค์ D
ผมคิดอยู่ครู่หนึ่ง
「งั้นก็ สู้ละกัน อยากจะสะสมโชคสำหรับการดรอปการ์ดเผื่อเอาไว้หน่อยน่ะ」
「เข้าใจแล้วฮะ ถ้างั้นได้โปรดปล่อยให้ผมจัดการเองฮะ」
「จำเป็นต้องให้ลิงค์ไหม?」
「ไม่ฮะ ไม่เป็นไร」
พอพูดจบ ยูคิก็กระโจนลงจากรถม้า
ขณะที่เธอกำลังวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วดุจสายลม ก็สามารถได้ยินเสียงหอนของเธอดังตามมา
ดูเหมือนว่าจะทำการเรียกวงศ์วานทั้ง 2 คุโร่กับชิโร่ออกมา
ประมาณ 10 วินาทีต่อมา เมื่อรถม้าตามพวกเธอมาทัน การต่อสู้ก็ได้จบลงไปแล้วและกำลังอยู่ระหว่างการเก็บหินเวทที่ร่วงอยู่บนพื้นกันอยู่
พอคุโร่กับชิโร่เห็นผมที่นั่งอยู่ในรถม้า ก็ต่างพากันคุกเข่าลงไปข้างหนึ่งแล้วโค้งคำนับ
ท่าทางนั้นราวกับนินจาในละครย้อนยุคที่เก็บซ่อนความรู้สึกแท้จริงของตนเอาไว้
ลูกน้องของยูคิ ฝึกกันมาจนได้ถึงขั้นนี้เชียว…..
ขณะที่รู้สึกปลิ้ม ก็ทำการเรียกดูสเตตัสของคุโร่และชิโร่ด้วยการดูที่การ์ดของยูคิ เพื่อตรวจสอบว่าเติบโตกันไปขนาดไหนแล้ว
【เผ่า】ไลแคนโทรป (คุโร่)
【พลังต่อสู้】800 (MAX!)
【ทักษะติดตัว】
– ยามจันทราเต็มดวง
– ชุดหมาป่า
– การตื่นขึ้นของสัญชาตญาณ
【ทักษะเรียนรู้】
– ตรวจจับตัวตน
– จ่าฝูง
– ศิลปะการต่อสู้
– วิชานินจาพื้นฐาน (NEW!)
– เชื่อฟัง (RENTAL!)
【เผ่า】ไลแคนโทรป (ชิโร่)
【พลังต่อสู้】800 (MAX!)
【ทักษะติดตัว】
– ยามจันทราเต็มดวง
– ชุดหมาป่า
– การตื่นขึ้นของสัญชาตญาณ
【ทักษะเรียนรู้】
– เชื่อฟัง -> ภักดี (RENTAL!)
– ตรวจจับตัวตน
– ศิลปะการต่อสู้
– มองบุคลิค : ความสามารถในการแยกแยะลักษณะบุคลิคของผู้อื่นได้ในระดับหนึ่ง, สามารถรับรู้พลังต่อสู้, บุคลิคโดยผิวเผิน, และอารมณ์ของเป้าหมายได้คร่าวๆ
– วิชานินจาพื้นฐาน (NEW!)
…..พอจะเข้าใจอะไรกันได้อยู่ไหม?
ด้านพลังต่อสู้ได้เติบโตไปจนถึงขีดจำกัด MAX แล้ว และเพราะอาจจะยืมวิชานินจามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้เรียนรู้สกิลวิชานินจาพื้นฐาน…..เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่าง
ที่อยากจะให้ดูก็คือที่กำกับเอาไว้ข้างๆสกิลเชื่อฟังกับภักดีต่างหาก
—-ใช่แล้ว ทั้ง 2 ใบ ได้ถูกยูคิปลูกฝังสกิลเชื่อฟังกับภักดีเอาไว้ยังไงล่ะ!
น่าสะพรึงอะไรเช่นนี้
แบบนี้มัน เป็นการล้างสมองรูปแบบหนึ่งเลย
สกิลภักดีนั้น มีความเสี่ยงที่จะหายไปถ้าหากผู้เป็นนายทำตัวน่าผิดหวังอย่างต่อเนื่อง แต่กับการยืมแล้วมันจะไม่มีความเสี่ยงของสกิลภักดีอันนี้
นั่นก็เพราะว่า ที่ต้องทำก็แค่ให้ยืมสกิลภักดีซ้ำเข้าไปใหม่เท่านั้นเอง
「อื~~ม…..」
ตาดคาดว่าแบบนี้มัน…..ควรจะบอกเตือนยูคิเอาไว้หน่อยล่ะมั้ง
ถึงแม้ว่าจะเป็นวงศ์วานของตัวเอง เป็นส่วนหนึ่งของตน แต่ความรู้สึกที่ได้มันเหมือนกับปฏิบัติเป็นเครื่องมือมากกว่า
ในแง่หนึ่ง อาจจะดีกว่ามาสเตอร์ที่ใช้งานการ์ดแบบใช้แล้วทิ้ง
แต่ว่า…..
「……………」
หลังจากที่ผมคิดอยู่นานว่าควรจะเตือนเธอถึงแนวทางที่ได้ปฏิบัติกับลูกน้องดีไหม ก็ตัดสินใจว่าไม่พูดอะไรออกไป
แม้ว่ายูคิจะปฏิบัติต่อผู้ที่อยู่ใต้เธอราวกับเป็นเครื่องมือ แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่มันไม่ใช่วิธีที่ผิดของการใช้งานวงศ์วานที่เป็นอมตะ
การวางตัวของวงศ์วานทั้ง 2 ใบเองก็ ในแง่หนึ่งแล้วราวกับว่าเป็น『นินจาของจริง』
อีกทั้ง ในมุมมองของฝูงหมาป่า ลำดับชั้นที่เด็ดขาดและการบังคับให้สาบานความภักดีก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด
แล้วก็…..ทั้ง 2 ใบนั้น เมื่อยูคิได้ทำการแรงค์อัพแล้ว การมีอยู่ของตัวตนก็ต้องหายไปด้วย
อ้างอิงจากเร็นกะ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้หายไปแต่อย่างใด「เพียงแค่กลับคืนสู่ท้องทะเลแห่งมารดา」 แต่จากมุมมองของพวกผมแล้ว มันก็ถือเป็นการจากลากันอยู่ดี
บางที เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความอาลัยอาวร การปฏิบัติด้วยราวกับเป็นเครื่องมือแบบยูคิ อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วก็ได้
ขณะที่ผมหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเองแบบนั้นอยู่ ก็ได้ให้เค้กปอนด์แก่คุโร่และชิโร่คนล่ะชิ้น เพื่อขอบคุณการทำงานของพวกเขาไป
วันต่อมา เวลาเช้าตรู่
「ฟุฮ้าวว~…..」
หลังจากเสร็จสิ้นการสำรวจเขาวงกตข้ามคืน ผมก็กำลังเดินอยู่ในแถบที่อยู่อาศัยที่ไร้ซึ่งผู้คนในขณะที่พระอาทิตย์กำลังขึ้น
ขณะชายตามองดูพระอาทิตย์สีเหลือง จู่ๆความรู้สึกก็เกิดเอ่อล้นขึ้นมา
อืม ผมที่สามารถพิชิตเขาวงกตแรงค์ D ได้ภายในเวลา 24 ชม. …..คิดว่าได้เติบโตขึ้นจริงๆ
ไม่สิ แทนที่จะเรียกว่าการเติบโต ควรจะบอกว่ากำลังรบแข็งแกร่งขึ้นจะเหมาะกว่า
จ้าวแห่งเขาวงกตในคราวนี้ก็คือเซนทอร์(Centaur/Kentauros) และก็ฝูงยูนิคอร์นกับไบคอร์นที่คอยติดตาม
ความคล่องตัวกับความแม่นยำในการใช้ธนูและลูกศรแบบไร้ที่เปรียบของเซนทอร์ รวมเข้ากับการสนับสนุนของยูนิคอร์นและการแทรกแซงของไบคอร์นจำนวนนับไม่ถ้วน ถ้าเป็นก่อนหน้าไม่นานมานี้มันจะต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามหาทางจัดการได้ยากแน่นอน แต่…..ด้วยเอลิซ่าที่สวมใส่ดูลลาฮานกับไดน์สเลฟ, เร็นกะ, ยูคิ, และไนกี โจมตีกันอย่างดุเดือด มันก็ตอบโต้อะไรไม่ได้เลย
ด้วยการ์ด 4 ใบที่มีพลังต่อสู้ระดับแรงค์ B มันไม่มีทางที่มอนสเตอร์แรงค์ C จะรับมือได้ ต่อให้มันจะได้รับการเสริมพลังจากเขาวงกตก็ตาม ซุซูกะที่คอยอยู่ข้างๆผมเผื่อเอาไว้ก็ยังมองไปหาวไปเลย
กับเขาวงกตแรงค์ D ไม่ใช่คู่มือสำหรับผมอีกต่อไปแล้ว ต่อให้จะมีลูกเล่นพิเศษอะไรก็ตาม มั่นใจว่าสามารถพิชิตมันได้ด้วยตัวคนเดียว
ทว่า หากถามว่าจะสามารถพิชิตเขาวงกตแรงค์ C ได้ด้วยตัวคนเดียวไหม ก็ตอบได้ทันทีเลยว่าเป็นไปไม่ได้
ระหว่างเขาวงกตแรงค์ D และเขาวงกตตั้งแต่แรงค์ C เป็นต้นไป เป็นอะไรที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ตอนหลังจากที่จับตัวผู้ใช้หมาล่าเนื้อได้ อาจารย์ได้พาผมไปที่เขาวงกตแรงค์ C เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ที่แห่งนั้นผม ถูกบังคับให้ต้องถอนตัวหลังจากที่ผ่านไปได้เพียงแค่ 23 ชั้น
ยังไม่สามารถที่จะไปถึงชั้นที่ 31 ที่มีมอนสเตอร์แรงค์ C ปรากฏตัวออกมาได้เลยด้วยซ้ำ
การที่คนคนหนึ่งจะเป็น 4 ดาวได้ จำเป็นจะต้องพิชิตเขาวงกตแรงค์ C ให้ได้ด้วยตัวคนเดียว
กำแพงที่ขวางกั้นระหว่างเขาวงกตแรงค์ D และเขาวงกตแรงค์ C มันก็เหมือนกับกำแพงของพลังระหว่างผมและอาจารย์
ความหนาของกำแพงนั้น มากพอที่จะบดขยี้ความหยิ่งผยองของผมเมื่อตอนที่สามารถใช้เพอร์เฟคลิงค์แล้วคิดว่า「หรือว่าบางที จะก้าวข้ามอาจารย์ได้แล้วกันน้า?」
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นต้องรู้สึกวิตกกังวล
ความเร็วในการเติบโต, กำลังรบของการ์ด, และความสามารถลิงค์ พัฒนาการของผมเมื่อเทียบกับคนปกติแล้วเหนือกว่ามาก
ที่ยังขาดอยู่ก็คือประสบการณ์และความรู้
ถ้ายังคงตั้งใจศึกษาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ วันที่จะสามารถพิชิตเขาวงกตแรงค์ C ด้วยตัวคนเดียวจะต้องมาถึงแน่นอน
ถึงแม้ว่าในตอนนั้นอาจารย์คงจะพัฒนามากขึ้นไปมากยิ่งกว่าเดิมแล้วก็ตามที
「…..หืม?」
ผมสังเกตุเห็นเด็กสาวคุ้นหน้าคุ้นตากำลังเดินจูงสุนัขสวนทางมาจากตรงข้ามถนน
ด้วยทรวดทรงอันเย้ายวนพร้อมผิวสีแทน และผมสีทองตัดสั้น…..เป็นสาวแกลแยงกี้ที่มีทรงผมคล้ายกับมนุษย์ดัดแปลงหมายเลข 18
สาวสวยหมายเลข 2 ในห้องเรียนของพวกเรา อิจิโจซังล่ะ
อิจิโจซังสวมชุดสบายๆ เสื้อแบบเปิดไหล่และกางเกงยีนส์ขาดๆ มาพร้อมกับสุนัขชิบะตัวค่อนข้างอ้วน
「อาเร๊ะ คิทากาว่าจาง อรุณสวัสดิ์ แต่งตัวซะเต็มยศเชียว ไปเขาวงกตแต่เช้าขนาดนี้เลยเหรอ?」
「อรุณสวัสดิ์ อิจิโจซัง อยู่ระหว่างทางกลับบ้านจากเขาวงกตน่ะ ทางนั้นต่างหากที่ออกมาแต่เช้า」
อิจิโจซังอาศัยอยู่แถวทาคาโอะงั้นสินะ…..
ขณะที่พูดแล้วคิดอะไรแบบนี้อยู่ เธอก็หาวแล้วตอบกลับขณะที่ทำการรวบผมไปด้านหลัง
「ก็น้า~ ตอนหน้าร้อนมันจำเป็นต้องออกมาเดินก่อนที่พื้นถนนมันจะร้อนเกินไปน่ะสิ….. เพราะเด็กคนนี้ก็อายุมากแล้วล่ะนะ」
พอพูดดังนั้นแล้ว อิจิโจซังก็ก้มลงไปมองเจ้าสุนัขชิบะขนสีน้ำตาลข้างๆ ด้วยแววตาสงบนิ่ง
ถึงแม้ว่าเจ้าชิบะจะแก่แล้ว แต่ก็ยังดูสุขภาพดี แค่มองแว่บแรกก็รู้ได้ว่ามันถูกให้ความรักและเอาใจใส่ ดูเหมือนว่ามันจะเชื่อใจอิจิโจซัง จากการที่มันส่ายหางไปมาราวกับว่าผ่อนคลาย
ผมย่อตัวลงแล้วประสานตากับเจ้าชิบะสีน้ำตาล
「เชื่องน่าดูเลยนะเนี่ย ไม่เหมือนเจ้าหมาโง่ของผมเลย ชื่อว่าอะไรล่ะ?」
「มาโร่」
「หืม? อะไรเหรอ?」
「ไม่ใช่อย่างงั้น ก็บอกว่ามาโร่ไง ชื่อของเด็กคนนี้น่ะ」
เอ๋ เอาจิงดิ?
ทำการตอบสนองหันหน้าขึ้นไปมอง ทำให้ไปสบตาเข้ากับอิจิโจซังที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่
「ที่คิ้วดูเหมือนกับพวกขุนนางสมัยเฮอันใช่ไหมล่ะ? เพราะงั้นก็เลยมาโร่」
「หึหิ้~ม อย่างงี้นี่เอง…..」
อืม ก็นะ เรื่องบังเอิญแบบนี้มันก็มีอยู่บ้างแหละ อื้ม
「มาโร่ ท่าขอ」
「โฮ่ง!」
「หยุดเลยย่ะ!」
พอถูกเรียกชื่อก็อาศัยโอกาศเล่นมุขใส่อิจิโจซังกลับ แล้วเธอก็หัวเราะร่าจนหน้าอกขนาดใหญ่นั่นสั่นสะเทือน
…..อืม เอาเถอะ ยกโทษให้ได้!
「จะว่าไป มาคิดดูแล้ว มาโร่กับคิทากาว่ามีอายุเท่ากันเลยนี่นา? น่าตลกดีนะ」
「จริงดิ? อายุ 16 งั้นเหรอ~ อยู่มานานน่าดูเลยน้า~」
「บางทีอาจจะเพราะบางครั้งตอนมีเรื่องปัญหาสุขภาพก็เลยให้โพชั่นสำหรับสุนัขไป แต่ ก็นะ อาจจะใกล้ถึงเวลาแล้วก็ได้…..」
ขณะที่อิจิโจซังลูบไปที่หน้าของมาโร่(สุนัข) สีหน้าของเธอก็ดูจะเศร้าลงเล็กน้อย
แล้วจู่ๆสีหน้านั้นก็เริ่มเปลี่ยนเป็น『เด็กผู้หญิง』แล้วด้วยเหตุผลบางอย่าง นั่นทำให้ผมรู้สึกสับสน
「…..คือว่านะ เกี่ยวกับชิชิโด ขอบคุณนะ」
จู่ๆ อิจิโจซังก็พึมพำออกมา
「ที่ได้ช่วยแก้แค้นให้ มองเป็นแบบนั้นได้ไหม?」
「อา ไม่หรอก…..」
ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไร เปิดปากออกด้วยความลังเล
「อิจิโจซัง คบกับชิชิโดอยู่งั้นเหรอ?」
ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ถามอะไรงี่เง่าแบบนี้ออกไป
…..ถามบ้าอะไรเนี่ย ตัวผม บื้อจริงๆ ถ้าหากว่าเป็นเรื่องจริง แล้วจะพูดอะไรได้
ขณะที่กำลังนึกเสียใจที่ถามคำถามไม่เหมาะที่สุดออกมา อิจิโจซังก็ยิ้มแห้งๆแล้วตอบ
「ไม่หรอกน่า ชั้นน่ะ ไม่ชอบประเภทหยิ่งๆหรอก อยากได้ผู้ชายแบบที่ทำตามที่ต้องการมากกว่า แล้วก็ไม่นอกใจต่อให้อยากจะทำก็ตาม และก็ถ้ามีเงินด้วยก็ยิ่งดีเลย」
แบบว่าฟังดูเหมือนกันกับแม่ของผมซะอย่างนั้น…..
ผู้ชายที่จะคบกับอิจิโจซังคงจะต้องถูกเธอควบคุมแน่ เหมือนกับพ่อของผม
「ชิชิโดก็ จะว่ายังไงดี…..เป็นอดีตเพื่อนสมัยเด็กนั่นแหละ」
「อดีต?」
สงสัยจริงว่าเพื่อนสมัยเด็กสามารถเป็นอดีตได้ด้วยงั้นเหรอ…..
เอียงคอด้วยความสงสัย
「น่าจะประมาณตอนป.5 ได้ล่ะมั้ง~ อาศัยอยู่ใกล้ๆกันจนถึงตอนนั้น แต่แล้วเขาก็ย้ายโรงเรียนไป เพราะงั้นเลยเป็นอดีตยังไงล่ะ
คุณลุงกับคุงป้าเกิดหย่ากัน เพราะคุณลุงไปเข้าลัทธิ แล้วคุณป้าเป้นคนรับชิชิโดไป อะไรแบบนั้นแหละ
แล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น แต่ลงท้ายก็กลับมาอยู่บ้านคุณลุง ได้ย้ายโรงเรียนมาตอนที่ชั้นอยู่ม.ต้นปีสอง คุณลุงเองก็ได้แต่งงานใหม่ไปแล้ว สถานะครอบครัวค่อนข้างซับซ้อน…..ทำได้แค่พูด『อา』เท่านั้นเอง」
「อย่างงี้นี่เอง…..」
ฝั่งพ่อที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาหลายปี แล้วก็แม่ใหม่ เป็นสภาพแววล้อมที่ไม่น่าแปลกใจสำหรับเด็กวัยรุ่นจะทำตัวเหลวแหลก ชิชิโดเองก็ต้องเจอกับปัญหามากมายหลายอย่าง
「จะว่าไปแล้ว สาเหตุที่ชิชิโดไปหาเรื่องคิทากาว่าหลายๆอย่าง ก็เพราะว่าอิจฉา หมอนั่น ชอบคาเอเดะน่ะ」
「จริงดิ!?」
ความจริงอันน่าตะลึงถูกเปิดเผยหลังความตาย! …..ไม่น่าจะใช่ กับชิโนมิยะซังแล้ว คิดว่าต้องมีหลายคนที่แอบชอบอยู่
「แล้วชิชิโดก็ต้องการจะอยู่กลุ่มเดียวกันกับคาเอเดะ แต่ท้ายที่สุดมันก็ไม่ได้ผล แล้วคิทากาว่าก็ได้เป็นเพื่อนที่ดีกับคาเอเดะใช่ม่ะ? แล้วมันก็เลยมีความรู้สึกแบบนั้น」
「อย่างงี้นี่เอง~」
「ก็นะ ที่น่าขำก็คือการแสดงออกของหมอนั่นต่อคาเอเดะทั้งหมดกลับส่งผลตรงข้าม คาเอเดะน่ะ กับคนที่ขึ้นไปอยู่เหนือคนอื่นด้วยการดึงคนอื่นลงมาแล้ว เกลียดที่สุดเลย โดยพื้นฐานก็คือชอบคนที่มีความพยายามล่ะนะ เพราะงั้นเลยให้ความรู้สึกว่าวิ่งวนไปมาแบบไร้จุดหมาย เน่ พอมาคิดดูแบบนั้นแล้วก็น่ารักดีใช่ไหมล่ะ? เหมือนกับหนูแฮมสเตอร์เลย」
หนูแฮมสเตอร์นี่มันก็…..กับอิจิโจซังที่กำลังยิ้ม ผมก็ทำได้แค่ยิ้มแห้งๆไป
「หมอนั่นนี่น้า~ ก็ยอมรับในตัวคิทากาว่าด้วยเหมือนกันแหละ เพราะไม่อย่างนั้นก็คงไม่เลือกใช้วิธีการเป็นนักผจญภัยแบบเดียวกันหรอก เห็นกันชัดๆเลยว่ารับรู้อยู่ใช่ไหมล่ะ? โดยพื้นฐานแล้ว หมอนั่นเป็นคนประเภทที่ไม่แยแสกับพวกที่ด้อยกว่าหรอก」
นอกจากนี้ ผมก็นึกไปถึงมินามิยาม่า
สาเหตุดั้งเดิมที่ผมอยากเป็นนักผจญภัยก็เพราะอิจฉาและชื่มชมในตัวมินามิยาม่า ตัวเขาที่ซึ่งมีคาแรคเตอร์ตัวประกอบเหมือนกับผม สามารถเข้าไปอยู่ในกลุ่มชนชั้นท็อปได้ด้วยการเป็นนักผจญภัย
อย่างงี้นี่เอง สาเหตุที่ใช้วิธีการเดียวกับอีกฝ่าย นั่นก็เพราะมีความเคารพในตัวอีกฝ่าย
อิจิโจยืนขึ้นแล้วยืดไหล่
「ก็นะ เรื่องก็เป็นแบบนั้นแหละ ขอโทษด้วยที่รั้งในช่วงอากาศร้อนแบบนี้ ก็แค่อยากให้คิทากาว่าได้รู้เรื่องเกี่ยวกับหมอนั่นน่ะ เพราะถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็แบบ…..ออกจะเหงาน่าดูใช่ไหมล่ะ?」
『…..เป็นผู้หญิงที่จิตใจดีและเอาใจใส่อย่างมาก คล้ายๆกับท่านแม่อยู่นิดหน่อยนะ』
เร็นกะที่เฝ้าดูอยู่เงียบๆจนถึงเมื่อกี้ ทำการกระซิบมา
นั่นสินะ…..คล้ายกับแม่ของผมอยู่นิดหน่อย
ในตอนนั้นเอง อิจิโจซังก็ตบมือขึ้น ทำท่าราวกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้
「อะ ใช่แล้ว มีเรื่องบางอย่างที่อยากจะถามคิทากาว่าอยู่นิดหน่อยด้วย」
「กับผม?」
「ใช่…..คิทากาว่ามีปล่อยเช่าการ์ดที่ไม่ได้ใช้บ้างรึเปล่า?」
「ปล่อยเช่าการ์ด?」
ผมเบิกตากว้างให้กับคำถามที่คาดไม่ถึง
「ก็นั่นไง อย่างชมรมนักผจญภัยในมหาวิทยาลัยที่มีปล่อยเช่าการ์ดให้สมาชิกใหม่ คิทากาว่าเองก็พยายามจะก่อตั้งชมรมนักผจญภัยใช่ไหมล่ะ? ก็เลยสงสัยว่าทำอะไรแบบนั้นด้วยรึเปล่า」
「ไม่หรอก ในตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น…..」
「ช่วยทำหน่อยได้ไหมล่ะ? ตัวอย่างเช่น วางเงินประกันไว้ 5 แสน แล้วคิดค่าเช่าเดือนล่ะประมาณ 5 หมื่น? อะไรแบบนี่เนี่ยแหละ」
สีหน้าของอิจิโจซังมีความจริงจังในขณะที่พูด
เอาตามตรงก็มีการ์ดแรงค์ D เหลืออยู่ จะให้ยืมก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่…..
「ยังอยากจะเป็นนักผจญภัยอยู่อีกเหรอ? ถึงแม้จะเป็นหลังจากเหตุการณ์นั้น?」
「คิทากาว่าจับคนร้ายแล้วใช่ไหมล่ะ? ถ้างั้นก็ปลอดภัย มันไม่ได้มีเหตุการณ์เลียนแบบหรืออะไรทำนองนั้นนี่นา」
「มันก็ใช่อยู่หรอกแต่…..กำลังสงสัยว่ามีอะไรเป็นแรงจูงใจ」
ชิชิโดเพื่อนสมัยเด็กเสียชีวิตไป แต่ยังต้องการเป็นจะเป็นนักผจญภัย มันทำให้สงสัยอยู่นิดหน่อย
…..เป็นห่วงว่าอาจจะกำลังคิดหมกมุ่นกับอะไรแปลกๆอยู่ก็เป็นได้
「อา~ อืม~」
ต่อคำถามของผม อิจิโจซังก็หน้าแดงแล้วบิดตัวไปมา
เป็นท่าทางที่ไม่ปกติของเธอ
แล้วเธอก็เกาหัวไปหยาบๆ และเอากำปั้นเข้ามาแตะที่หน้าอกของผมเบาๆ
「…..เพราะชื่นชมยังไงล่ะ อย่าให้ต้องพูดสิ มันน่าอายออก」
—-ใช่ นั่นคือสิ่งที่พูดมาในขณะที่ใบหน้ายังคงแดงอยู่
【TIPS】เกมจีบสาวADV『เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย』
เกมจีบสาวที่อาจจะมีขายในโลกที่อยู่ถัดไปจากโลกของพวกมาโร่
เนื้อเรื่องนั้น『ตัวเอกที่เป็นนักเรียนม.ปลายธรรมดา ผู้ที่เป็นเพื่อนกับสาวๆในห้องเรียนผ่านการทำกิจกรรมการผจญภัย แล้วค่อยๆเติมเต็มชีวิตแบบเรียจู』เป็นอะไรที่พื้นๆ ในเกมนี้ใช้ระบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า『ระบบซาชิกิวาราชิ』
การดำเนินไปของเกม ทำด้วยการแข่งขันในสนามประลอง ที่คุณสามารถเพิ่มระดับความชอบของนางเอกภายในห้องเรียนได้, และด้วยการลงสำรวจเขาวงกต จะสามารถเพิ่มระดับความชอบของเหล่ารุ่นน้องในชมรมนักผจญภัยได้ ทว่า—–ไม่ว่าจะเพิ่มระดับความชอบของนางเอกไปมากมายแค่ไหน คุณจะไม่สามารถไปสู่รูทแยกเฉพาะของเธอได้
นี่ก็เพราะภายในเกม ตัวเอกจะเป็นแค่ตัวละครตัวประกอบ ที่ดั้งเดิมทีไม่ได้ถูกลิขิตให้มีความผูกผันกับเกล่านางเอก แต่ด้วยคู่หูซาชิกิวาราชิของเขา ทำการควบคุมโชคชะตาและทำให้เกิดอีเวนต์กับนางเอก ทำให้ท้ายที่สุดเขาจะสามารถมีความสัมพันธ์กับนางเอกได้ มีการตั้งค่าไว้เช่นนี้
ด้วยเหตุนี้ เพื่อที่จะสามารถดำเนินไปสู่รูทแยกเฉพาะ『ค่าความชื่นชอบของคู่หูซาชิกิวาราชิที่มีต่อนางเอก』จึงมีความสำคัญยิ่งกว่าระดับความชอบของพวกนางเอกเสียอีก ต่อให้ระดับความชอบของนางเอกเต็ม MAX แต่ถ้าหากซาชิกิวาราชิตัดสินว่า『ถ้าได้มาอยู่ด้วยกันกับหมอนี่ก็คงไม่มีความสุขหรอก』ก็จะไม่สามารถดำเนินไปสู่รูทแยกเฉพาะได้…..เป็นระบบเช่นนี้
นอกจากนี้ หากเล่นโดยไม่พึ่งพาเว็บเฉลยเกมแล้วล่ะก็ จะมีโอกาศสูงถึง 90% ที่จะเข้าสู่ฉากจบของซาชิกิวาราชิ
Q : อุชิ…..นางเอกคนหนึ่ง ไม่เจอตัวแล้วก็ไม่มีอีเวนต์อะไรเกิดขึ้นเลย…..
A : ซาชิกิวาราชิจังอาจจะไม่ชอบนางเอกคนนั้นมากพอ ลองพยายามทำอีเวนต์กับซาชิกิวาราชิจังให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มระดับความชอบของนางเอกสิ
Q : ตอนที่เลือกซาชิกิวาราชิจังไปกระตุ้นให้เกิดอีเวนต์กับนางเอก แต่กลับเข้าสู่ฉากจบของซาชิกิวาราชิจังไปแทน…..นี่มันบัครึเปล่า?
A : มันถูกออกแบบมาเช่นนั้น ในเกมนี้ ฉากที่จะมีความสุขที่สุดก็คือการได้ลงเอยกับซาชิกิวาราชิจัง ถ้าหากว่าเล่นไปโดยไม่ให้ความสนใจเป็นพิเศษล่ะก็ จะมีโอกาศสูงที่จะเข้าสู่ฉากจบของซาชิกิวาราชิจัง ดังนั้นเมื่อเกิดอีเวนต์ของนางเอกก็อย่าทำพลาดซะล่ะ
Q : สามารถเข้าสู่รูทแยกเฉพาะได้แล้ว แต่ระดับความชอบไม่มากพอ จนลงเอยด้วยฉาก Bad End…..
A : นั่นไม่ใช่ Bad End แต่เป็น 1 ในฉากจบของซาชิกิวาราชิจัง สำหรับฉากจบของซาชิกิวาราชิจังจะมีมากกว่า 10 ฉากด้วยกัน โดยมีอยู่ในแต่ละรูทของนางเอกคนล่ะ 1 ฉาก และในรูทหลักมีอยู่ 5 ฉาก ส่วนนางเอกแต่ละคนจะมีฉากจบแค่คนล่ะ 1 ฉาก
Q : สุดท้ายแล้ว จะพิชิตนางเอกได้ยังไง
A : ต้องพยายามเยอะๆจ้า
※นี่เป็นเพียงเกมที่อาจจะมีการขายภายในโลกคู่ขนานที่อยู่ห่างไกลออกไป ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเนื้อเรื่องหลัก