เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 499 ต้องหลุดพ้นให้ได้
ตอนที่ 499 ต้องหลุดพ้นให้ได้
……………………………………………………………………..
ไม่นานจี้หยวนกับขอทานชราก็เหาะถึงเขาลาดชัน ตกลงที่ยอดเขาขนาดใหญ่ซึ่งผนึกจิ้งจอกเอาไว้ จอมพลังเกราะทองใต้เขาปรากฏตัว ประสานมือคารวะไปทางยอดเขา จากนั้นค่อยเร้นกายหายไปอีกครั้ง
เทียบกับการรับรู้ของจี้หยวนและขอทานชรา ถูซือเยียนไม่รู้ว่าสองคนนั้นกลับถึงที่นี่แล้ว ตอนนี้นางยังคงพยายามครุ่นคิดแผนการเอาตัวรอด
ถูซือเยียนจำเป็นต้องคำนึงว่าหากถ้ำสวรรค์จิ้งจอกหยกไม่รู้ว่านางถูกเซียนผนึกไว้ ไม่มีใครอื่นมาช่วยเหลือ นางไม่อยากถูกผนึกอยู่ที่นี่เป็นร้อยปีจริงๆ หนึ่งร้อยปีเป็นช่วงเวลาหนึ่งชั่วชีวิตสำหรับมนุษย์ และถือว่าไม่ใช่เวลาที่สั้นสำหรับจิ้งจอกเช่นกัน
ทว่าขยับร่างกายไม่ได้ ขยับมากเกินไปก็จะเจ็บปวดจนทนไม่ไหว เพียงแค่ไม่กี่วัน ถูซือเยียนรับการจองจำที่มีแต่แรงกดดันมหาศาลแบบนี้ไม่ไหว แต่จิตใต้สำนึกทำให้นางยังคงรักษาความสงบไว้
‘ต้องมีวิธีแน่ ต้องมีวิธีแน่ เทพภูเขานั่นจัดการง่าย แต่ขุนพลเทพกลับจัดการยากแล้ว ไม่เห็นพูดจากับข้าเลย ยิ่งไม่เคยมีสีหน้าอะไร เดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่โดยสิ้นเชิง อีกอย่างเทพภูเขานั่นกลัวเขามาก ทั้งมีทิฐิทั้งเย็นชา คนแบบนี้รับมือยากเป็นที่สุด…’
‘หรือขอให้จี้หยวนกับขอทานชรานั่นไว้ชีวิตดี พวกเขาต้องกลับมาอีกแน่ ไม่มีทางปล่อยข้าอยู่ที่นี่ถึงร้อยปี แต่จะกลับมาเมื่อไหร่ไม่รู้เลย น่าเสียดายที่จี้หยวนเก็บผมของบรรพบุรุษไปแล้ว หากยังอยู่ก็คงไม่อยู่ที่นี่…’
ถูซือเยียนหงุดหงิดใจอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ฝืนประชันมรรคขอทานชรา ทนได้สักเค่อหนึ่งก็ดีมากแล้ว ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ตนเองประเมินสถานการณ์ผิดพลาด จู่ๆ ขอทานชราก็โผล่มา
‘ไม่ถูกต้อง! ไม่ใช่ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดอะไรทั้งนั้น นั่นเป็นแผนการของจี้หยวนชัดๆ ข้าประเมินสถานการณ์ไปแล้วอย่างไร’
บนยอดเขา จี้หยวนกับขอทางชรามองใต้เท้า เหมือนกับมองทะลุภูเขาเห็นถูซือเยียนในตอนนี้
“ฟื้นแล้วดังคาด สมแล้วที่เป็นปีศาจจิ้งจอกแปดหาง นางไม่มีทางล้มเลิกความตั้งใจ ท่านจี้ พวกเรารีบไปพบนางหน่อยเถอะ จากนั้นไปหาสถานที่ที่เหมาะสมบนเขาเก้ายอดเพื่อสนทนาต่อ พวกเรายังต้องหาวัตถุวิญญาณดินที่เหมาะสมด้วย ยิ่งจำเป็นต้องขัดเกลาธาตุทั้งห้าก่อนขั้นหนึ่ง มีเรื่องให้ทำอีกมาก!”
จี้หยวนมองขอทานชรา ไม่ค่อยแน่ใจว่าแท้จริงแล้วตนเองต้องการหลอมสมบัติพลังหรือขอทานชราต้องการหลอมเองกันแน่ ไม่ว่าคิดอย่างไรอีกฝ่ายก็ตื่นเต้นยิ่งกว่าเขาคนแซ่จี้
“พวกเราลงไปดูก่อนเถอะ”
พูดแล้วจี้หยวนก้าวออกไปก่อน ค่อยๆ ร่อนลงจากยอดเขาเหมือนกับใบไม้ร่วง สุดท้ายตกลงตรงตีนเขาที่ผนึกถูซือเยียน ข้างหน้าช่องเขานั้นพอดี
เทพภูเขาสือโหย่วเต้าสนใจสถานการณ์ของภูเขาใหญ่เสมอ ย่อมพบว่าจี้หยวนกับขอทานชรามาถึง ครั้นปรากฏตัวแล้วก็คารวะครั้งหนึ่งแล้วถอยหลังไป เพราะเขาเห็นใต้เท้าขุนพลเทพคารวะแล้วถอยหลังไปเช่นเดียวกัน จึงสลัดความคิดเข้าไปทักทายทิ้งไป ด้วยกลัวว่าจะทำให้ผู้สูงส่งไม่พอใจ
“แม่นางถูฟื้นแล้วหรือ”
เสียงของจี้หยวนดังเข้าไปในภูเขา ถูซือเยียนตกใจสะดุ้ง ลนลานอยู่พริบตาหนึ่งแล้วสงบสติอารมณ์ทันที ตอบกลับด้วยเสียงหวานหยาดเยิ้มอย่างหญิงงาม
“ใช่ ภูเขาใหญ่ขนาดนี้ทับอยู่ ไม่นานต้องถูกบดเป็นโคลนเลนจะไม่ฟื้นได้หรือ ท่านใจร้ายใจดำลงมือรุนแรงนัก กระบี่นั้นทำให้ถูซือเยียนปวดเหลือเกิน…”
เสียงของถูซือเยียนยิ่งมายิ่งเศร้าโศก ทว่าจี้หยวนกับขอทานชราเพียงยิ้มมองไปในภูเขา ไม่ได้มีปฏิกิริยามากมายแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้จี้หยวนเล่าเรื่องของถูซือเยียนให้ขอทานชราฟังแล้ว รวมถึงการพบกันที่ต้าเจินในตอนนั้นและพบปีศาจจิ้งจอกที่สงสัยว่ามาจากถ้ำสวรรค์จิ้งจอกหยกอีกตนหนึ่ง
ขอทานชราลูบเคราใคร่ครวญเส้นสนกลใน ความสัมพันธ์น้อยนิด ไม่ใช่สหายแน่นอน หากบอกว่าเป็นศัตรู ก็เหมือนกับไม่ค่อยเหมาะสมที่จะเป็นศัตรูของจี้หยวนสักเท่าไหร่ ทำได้เพียงพูดเหน็บแนมเท่านั้น
“หึ เซียนแท้ผู้มีมรรคอะไรกัน มีแต่หินใจแข็งสองก้อน! พูดเถอะ อยากถามอะไร ขอเพียงพวกท่านรับปากว่าจะปล่อยข้าออกไป ซือเยียนจะไม่มีวันลืมพระคุณนี้เลย”
จี้หยวนยังไม่ได้พูดอะไร ขอทานชรายิ้มและตอบไปก่อนแล้ว
“ท่านจี้ต่างหากที่อยากถาม ภูเขานี้เป็นข้าผู้ชราสร้างไว้ หากจะถามก็ถามเขา ส่วนผนึกเป็นของข้า ตอบแล้วก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปได้ เอาอย่างนี้แล้วกัน หากท่านจี้ยินยอม ข้าจะไม่จองจำเจ้าร้อยปี ลดเหลือหกสิบปีเป็นอย่างไร”
“อะไรนะ! ขอทานชราเจ้าทำเกินไปแล้ว”
ถูซือเยียนกล่าวอย่างเคืองแค้น
“เอาล่ะ ถูซือเยียน ข้าคนแซ่จี้จะถามว่าก่อนหน้านี้ที่ต้าเจิน เหตุใดเจ้าถึงมอบเวทชั่วร้ายปานนั้นให้คุณชายตระกูลเซียว เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากปล่อยให้มันพัฒนาต่อไป มันอาจสั่นคลอนให้มรรคมนุษย์ต้าเจินว้าวุ่นก็เป็นได้”
ถูซือเยียนไม่ได้ตอบทันที ผ่านไปหลายลมหายใจถึงใช้น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยเอ่ยว่า
“อ้อ ที่ท่านจี้พูดถึงคือละครรักฉากนั้นสินะ ซือเยียนลองนึกดูดีๆ ถึงนึกออก ข้าเห็นพวกเขาจริงใจและตื้นตันเป็นอย่างยิ่ง จึงยื่นมือช่วยพวกเขาเสียหน่อย ส่วนเวทนั้นท่านพูดหนักเกินไปกระมัง ไหนเลยจะร้ายกาจปานนั้น…ในเมื่อมีผลกระทบอยู่บ้าจริง นั่นก็พูดได้เพียงว่าข้ากระทำผิดโดยมีเจตนาดี เดิมทีมีเจตนาดี อีกทั้งข้าปรนนิบัติบุรุษเหล่านั้นที่เรือบุปผาแทนนาง ทว่า…”
ถูซือเยียนพูดถึงตรงนี้แล้วหัวเราะเสียงหนึ่ง
“แต่หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีทางพบท่านจี้ที่เรือบุปผาลำนั้นเช่นกัน แม้ช่วงเวลาหนึ่งคืนสั้นนั้น ทว่าข้ายังคงจำได้แม่นยำ”
ขอทานชราได้ยินดังนั้นก็มองจี้หยวน ด้วยรู้ดีว่าขอทานชราเข้าใจแต่ทำเป็นงุนงง จี้หยวนจึงทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างจนใจ
“ยังมีวันนั้นอีก พวกเขาทำร้ายเผ่าจิ้งจอกของพวกข้าก่อน อืม อย่างน้อยข้าก็มองว่าเป็นเช่นนั้น ในใจเกิดโทสะ จึงลงมือเกินไปอยู่บ้างหากท่านทั้งสองรู้สึกไม่พอใจ ข้าต้องขออภัย ณ ตรงนี้”
จี้หยวนยิ้มแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“มีลิ้นพูดพล่อยๆ เป็นความสามารถของแม่นางถู อย่าได้คิดเจ้าเล่ห์เปลี่ยนประเด็นเลย เจ้าปลอมเป็นจิตวิญญาณเทพหลอกลวงคุณชายตระกูลเซียว ทิ้งเวทโลหิตชั่วร้ายเอาไว้ คนธรรมดาทั่วไปจิตใจไม่แข็งแกร่งจะอดใจไม่ใช้เวทโลหิตได้อย่างไร ยันต์โลหิตนั้นของเจ้าถูกเทพแม่น้ำตัวจริงริบไปแล้ว หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาเกรงว่าจะถูกดูดเลือดพิสุทธิ์จนเกลี้ยง แล้วเจ้ายังแปลงกายเป็นหญิงสาวหอโคมเขียวดูดปราณดั้งเดิมของคนดื่ม ถึงขนาดคิดขโมยกระบี่เครือเขียวของข้า และข้าคนแซ่จี้เห็นจิ้งจอกตัวหนึ่งที่ดินแดนจู่เยวี่ย จิ้งจอกตนนั้นเห็นหน้าแล้วจำข้าได้ ต้องมีข่าวที่เจ้านำไปเล่าแน่นอน ถ้ำสวรรค์จิ้งจอกอยู่ที่ทวีปพายุแดนตะวันตก กลับพบจิ้งจอกจากถ้ำสองตัวติดกันที่ต้าเจิน พวกเจ้าหรือถ้ำสวรรค์วางแผนการอะไรอยู่กันแน่”
“ท่านจี้ยัดเยียดความผิดแล้ว ท่านใส่ร้ายข้าเกินไปกระมัง พวกข้าก็แค่เดินทางไกลไปเที่ยวเล่นเท่านั้น กระบี่เซียนลึกลับอัศจรรย์ ข้าหลงใหลในกระบี่ตั้งแต่เด็ก คิดอยากดูสักหน่อย แต่เมื่อล่วงเกินท่านแล้วก็ไปหลบที่ทวีปนิรันดร์แดนเหนือ เรื่องตระกูลเซียวเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง ข้าอยู่ที่ถ้ำสวรรค์มานานเนิ่น ไม่รู้ประสาเรื่องราวมนุษย์ ไหนเลยจะรู้ว่ามนุษย์อ่อนแอปานนี้…ส่วนเรื่องบนเรือบุปผานั้น…”
เสียงของถูซือเยียนเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานขึ้นมา
“ท่านจี้ หรือท่านคิดว่าการพะเน้าพะนอของข้านั้น พลังหยางเล็กน้อยของมนุษย์แทนที่ได้ มันไม่คุ้มค่าเลยหรือ”
ขอทานชราแค่นหัวเราะเสียงหนึ่งอย่างอดไม่ได้
“หึ จิ้งจอกแพศยา!”
“ท่านจี้ ข้าว่านางไม่น่าพูดอะไรออกมาหรอก มีแต่จะเสียเวลาเปล่าๆ หนึ่งร้อยปีหลังจากนี้ค่อยว่ากันเถอะ”
พูดจบแล้วขอทานชราก็มองถูซือเยียนอย่างเย็นชา
“จิ้งจอกแพศยา เจ้าไม่ต้องเล่นลูกไม้อะไรมาก ข้าผู้ชราจะบอกเจ้าตามตรงว่าต่อให้เป็นจจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางมาที่นี่ เจ้าก็หนีไปไม่พ้น!”
ถูซือเยียนที่เดิมทีคิดรับมืออย่างอ่อนโยน ได้ยินขอทานชราพูดถึงบรรพบุรุษตนเองแล้วพลันโมโหขึ้นมา
“ขอทานชั่ว! ผมเส้นเดียวของบรรพบุรุษข้าเจ้าก็จัดการไม่ได้ คุยโวอยู่ที่นี่ให้น้อยหน่อยเถอะ!”
ขอทานชราหลับตาสงบอารมณ์ทันที ไม่อยากเถียงกับถูซือเยียนอีก
“ท่านจี้ ท่านคืนผมบรรพบุรุษข้ามาเถอะ ไม่เช่นนั้นบรรพบุรุษคงไม่พอใจแน่ ข้าถูกลงโทษด้วยเรื่องเล็กน้อย ถูกบรรพบุรุษเข้าใจผิดว่าตั้งใจสร้างเรื่องใหญ่ให้ถ้ำสวรรค์จิ้งจอกหยก เรื่องก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ ข้ายอมอดทนคิดทบทวนสักครั้ง…”
ถูซือเยียนยังพูดไม่ทันจบ จี้หยวนกับขอทานชราสบตากัน ฝ่ายหลังส่งกระแสเสียง “ทำให้นางขวัญเสียหน่อยเถอะ”
“ดูท่าเจ้าอยู่ใต้ภูเขาเช่นนี้สบายดีทีเดียว งานชุมนุมใหญ่มรรคเซียนจบแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
จี้หยวนพูดแล้วเกิดลมสดชื่นโดยรอบ ก่อนจะเหาะขึ้นฟ้าพร้อมกับขอทานชราอย่างเชื่องช้า
จนกระทั่งตอนนี้ขุนพลเทพเกราะทองถึงค่อยปรากฏกาย ทำความเคารพให้จี้หยวนที่เหาะขึ้นฟ้า เทพภูเขาสือโหย่วเต้าย่อมทำตาม
ถูซือเยียนมุ่นคิ้วเล็กน้อย รู้ว่าจี้หยวนกำลังใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ แต่ไม่นานพลันตอบสนอง นางกำลังสนทนากับบุคคลระดับเซียนแท้ที่จิตใจผ่องใสล่วงรู้ถึงเขตแดน คนประเภทนี้เป็นอิสระไร้ข้อผูกมัด บอกว่าจะไปก็อาจไปเลยจริงๆ
“จี้หยวน? ขอทานชรา? จี้หยวน? กลับมา! กลับมานะ!”
ถูซือเยียนตะโกนเสียงดังอยู่หลายครั้งแล้วไม่มีเสียงตอบรับ ทำเอานางโมโหจนทุบกำปั้นลงบนดิน
“กรี๊ด! น่าโมโหนัก!”
งานชุมนุมใหญ่มรรคเซียนยาวนานเท่าไหร่ไม่อาจคาดเดาได้โดยสิ้นเชิง อาจเริ่มแล้วค่อยจบอย่างเป็นทางการอีกหลายเดือนให้หลัง และอาจเป็นเพราะการเสวนามรรคคึกคักจนไม่เลิกราก็เป็นได้
เมื่อจี้หยวนไปแล้ว ถูซือเยียนที่ยังคงอยู่ในอารามคับแค้นมองซอกภูเขา ปรากฏดวงตาเหยียดหยามแกมเย็นชาคู่หนึ่ง นางเห็นแล้วยิ่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน พึมพำด้วยความแค้นว่า “มีแพ้ก็ต้องมีชนะ”
ขณะกำลังโมโห ถูซือเยียนพลันรู้สึกได้ว่าใจสั่น ได้กลิ่นอายที่คุ้นเคยอย่างชัดเจนอยู่เลือนราง ทันใดนั้นความรู้สึกดีใจเอ่อขึ้นมา ไม่ใช่ปราณปีศาจอะไร และไม่ใช่ปราณวิญญาณด้วยเช่นกัน เป็นกลิ่นที่เจือจางมากๆ
นี่เป็นกลิ่นอายของจิ้งจอกเทาตัวก่อนหน้านี้ ตอนถูซือเยียนประชันมรรคกับขอทานชราที่นี่ก่อนหน้านี้ นางสำแดงวิชาส่งจิ้งจอกตนนั้นไป เดิมคิดว่าเจ้าตัวเล็กหนีไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีความกล้ากลับมา
พระอาทิตย์เริ่มตกดิน สีสันของท้องฟ้าเปลี่ยนแปลง ใต้ภูเขาผนึกที่อยู่บนเขาลาดชันมีเสียงลำนำดังขึ้นเลือนราง
“เงาจันทร์ในน้ำ ประทินโฉมกับจันทรา มือประคองดวงจันทร์ในน้ำ คลื่นน้ำแทนใจข้า โดดเดี่ยว เจ็บปวด โศกา…”
เทพภูเขาฟังอยู่ใต้ดินเงียบๆ เพียงรู้สึกว่าเสียงลำนำงดงามจับใจเป็นพิเศษ
แต่ร้องอยู่ไม่นานเท่าไหร่ขุนพลเทพเกราะทองก็ปรากฏตัว หันกายตบฝ่ามือใส่ภูเขา
ตึง…
โครม…
ผนึกภูเขายิ่งทับลงมาหนักหนากว่าเดิม
“กรี๊ด…ทาสสารเลว เจ้ารอข้าก่อนเถอะ กรี๊ด…”
ความเจ็บปวดจากผนึกคงอยู่ชั่วคราว มองซอกเขาเล็กๆ พลางเผยรอยยิ้มเย็นชาท่ามกลางความมืด กลิ่นอายของจิ้งจอกตนนั้นหายไปแล้ว
ตอนนี้ถูซือเยียนไม่กังวลเรื่องที่ถูกกทับแล้วไม่เพียงไม่มีใครล่วงรู้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหลุดพ้นไปให้ได้