เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 484 เซียนออกคำสั่ง ดูแลภูเขาลูกนี้
ตอนที่ 484 เซียนออกคำสั่ง ดูแลภูเขาลูกนี้
ตอนนายพรานหลายคนถอนใจเพราะประหลาดใจกับภูเขาไกลๆ ความจริงจี้หยวนกับขอทานชรายังคงยืนอยู่ใต้ภูเขาที่ผนึกถูซือเยียนเอาไว้ ขอทานชราลองใช้วิชาชำระล้างจิตทำให้ถูซือเยียนฟื้นแล้วครั้งหนึ่ง แต่อาจเป็นเพราะบาดเจ็บหนักและกดไกป้องกันตนเอง จิตยังคงอยู่ในสภาวะซ่อนเร้น จึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที
ปราณดั้งเดิมของถูซือเยียนในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ไม่สะดวกให้ใช้วิชาที่รุนแรงจนเกินไป ไม่เช่นนั้นจะทำให้จิตวิญญาณเสียหายร้ายแรงจนถึงขั้นหลุดลอยไป ดังนั้นทำได้เพียงปล่อยนางอยู่ที่นี่ รอนางฟื้นสติขึ้นมาเอง
แม้วิชากดภูเขาผนึกถูซือเยียนเอาไว้ แต่ไม่มีทางทำให้นางได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน อีกทั้งอาจมีปราณวิญญาณกลุ่มเล็กๆ รวมตัวกันที่ภูเขา ทำให้นางมีโอกาสฟื้นปราณดั้งเดิมกลับมา เพียงแต่ต้องใช้เวลายาวนานมาก ทว่าความเร็วของการฟื้นคืนจิตวิญญาณกลับไม่มีทางช้านัก
นายพรานบนเขาไม่กล้าเข้าใกล้ภูเขาที่ปรากฏขึ้นใหญ่ หลังจากมองแล้วเห็นท้องห้าใกล้มืดจริงๆ แล้วจึงรีบจากไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขาต้องรีบไปบอกสิ่งที่เห็นทั้งหมดกับคนในหมู่บ้าน
จี้หยวนกับขอทานชราต่างถอนวิชาที่ตนเองใช้ ฝ่ายหลังใช้วิชามากกว่า ส่วนฝ่ายแรกกลับดีดอำพันมังกรหยุดหนึ่งไปข้างใน ทว่าถูซือเยียนไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยสักนิด
“ท่านจี้ ข้าว่าพวกเราไปก่อนเถอะ รอให้นางปีศาจผู้นี้ฟื้นขึ้นมาเอง”
จี้หยวนทำได้เพียงถอนหายใจ
“ช่างเถอะ ทำได้เพียงเท่านั้นแล้ว ทว่าเดิมถูซือเยียนผู้นี้เป็นปีศาจจิ้งจอกแปดหาง ยิ่งเมื่อครู่ถึงระดับสูงสุดของเก้าหางชั่วคราว ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรหรือไม่”
ขอทานชราหัวเราะ
“ท่านจี้วางใจเถอะ วิชากดภูเขาของข้าผู้ชรายังพอใช้ได้ มีผู้อยู่ในมรรคเซียนเทียบเคียงได้น้อย เมื่อถูกวิชากดภูเขาของข้าผู้ชราแล้ว นางปีศาจตนนี้จะไม่สามารถใช้พลังปีศาจหรือวิชาอะไรได้ ทำได้เพียงอยู่รอดต่อไปและฝึกปราณระดับต่ำสุดเท่านั้น ขอเพียงไม่มีพลังภายนอกทำลายภูเขาลูกนี้ ก็หมดหวังที่จะหนีออกไปได้”
เหมือนกับรู้ว่าจี้หยวนจะถามอีก ขอทานชรากล่าวเสริม
“และหากว่าพลังภายนอกทำลายภูเขานี้ นอกจากมรรควิถีไม่อาจต่ำต้อยแล้ว ข้าก็จะรู้เรื่องด้วยเช่นกัน!”
มรรควิถีไม่อาจต่ำต้อยที่ขอทานชราว่า จี้หยวนไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วต้องสูงแค่ไหน แม้ว่าการทำลายจะค่อนข้างง่ายกว่าการสร้าง แต่คิดดูแล้วว่าแม้ไม่อาจเก่งกาจเหนือขอทานชรา ก็ไม่อาจต่ำต้อยมากเกินไปได้
คำพูดก่อนหน้านี้ของขอทานชราเต็มไปด้วยการรับประกัน แต่ภายหลังนั้น เห็นทีต้องเสริมอีกประโยคหนึ่ง
“หากพูดถึงวิชาวิเศษจริงๆ กลับมีอยู่ หากที่นี่มีเทพภูเขาที่ควบคุมปราณพิภพ มีเทพภูเขาร่วมมือกับนางปีศาจตนนี้ อาจสั่นคลอนภูเขาได้ก็เป็นได้…”
พูดแล้วขอทานชราก็ขมวดคิ้วมองไปรอบๆ พึมพำว่า
“ไม่รู้เหมือนกันว่าภูเขาลูกนี้มีเทพภูเขาหรือไม่”
ผู้ฝึกปราณมรรคเทพอย่างเทพภูเขา เจ้าที่ เทพแม่น้ำ เทพวารีมีความพิเศษอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือหลบซ่อนได้ ขอเพียงไม่ถึงกับตั้งใจทำลายทั้งผืนน้ำหรือปราณพิภพ ย่อมยากยิ่งนักจะตามหาตัวจิตวิญญาณเทพที่คิดเพียงหลบซ่อนตัวพบ
ก่อนหน้านี้ขอทานชราประชันมรรคกับถูซือเยียน ผลกระทบยิ่งใหญ่จนแทบทำให้ทั้งเทือกเขาทลายลง กลางภูเขาลูกนี้แม้มีเทพก็ต้องซ่อนตัวอยู่ลึกสุดใจอย่างแน่นอน ไม่มีทางปรากฏกายออกมาเอง
วิชาคุมเทพพอทำให้อีกฝ่ายโผล่ออกมาได้ อาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยนี้ด้วย แต่เป็นเพราะความพิเศษของจิตวิญญาณเทพพรรค์นี้ ทำให้วิชาคุมเทพยากจะเข้าขั้น ยิ่งไม่ต้องพูดว่าช่ำชองเลย
และวิชาคุมเทพนับว่าเป็นหนึ่งในวิชาอภินิหารอัศจรรย์ระดับสูงสุด ผู้ฝึกปราณที่มีวิชาสมบูรณ์แบบหรือฝึกฝนจนถึงระดับสุดยอดได้มีน้อยยิ่งนัก ไม่มีทางถ่ายทอดออกไปโดยง่าย แม้มีศิษย์สืบทอด แต่มรรควิถีไม่เข้าขั้นก็ไม่อาจสืบทอดได้ อย่างไรก็ดีมีชิ้นส่วนกระจัดกระจายหมุนเวียนอยู่ ระหว่างวิชาคุมเทพต่างๆ มีความแตกต่างกันมาก กระนั้นยังคงนับได้ว่าล้ำค่า
ความจริงแล้วขอทานชราพอจะเข้าใจวิชาคุมเทพ ถึงขนาดว่าได้ฝึกวิชาที่ค่อนข้างสมบูรณ์ แต่น่าเสียดายที่วิชาเพียงค่อนข้างสมบูรณ์ ไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยอาจห่างไกลเป็นพันลี้ ส่วนมรรคคุมเมพ ขอทานชราไม่อาจมีไว้ในมือโดยสิ้นเชิง
เมื่อเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณเทพที่แข็งแกร่งหน่อยย่อมไม่จำเป็นต้องพูด ส่วนเทพปฐพีที่อ่อนด้อยอยู่บ้างอาจคุมออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าอาศัยการโคจรปราณทั้งหมด ทว่าเทพภูเขาวารีปฐพีที่พลังน้อยเหล่านั้นอาจเชื่อมต่อปราณพิภพปราณวารีไว้เจือจางมาก จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะคุมออกมาเพราะภูมิประเทศหรือสภาพน้ำ
ทว่าขอทานชรานึกได้ว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ควรลองดูสักครั้ง จึงพูดเสียงเบาต่อจากคำพูดก่อนหน้านี้ของตนเอง
“ท่านจี้เคยได้ยินวิชาคุมจิตวิญญาณเทพออกมาพบได้ แม้ค่อนข้างอันธพาล ทว่าสถานการณ์ตอนนี้เหมาะสมดีเช่นกัน”
ฟังวาจาของขอทานชราแล้ว จี้หยวนสนใจขึ้นมาทันที ขอทานชราเป็นวิชาคุมเทพหรือนี่
ต้องรู้ว่าตลอดหลายปีมานี้จี้หยวนยังไม่เคยเห็นใครเป็นวิชาคุมเทพนอกจากตนเอง แน่นอนว่าวิชาคุมเทพของเขาคนแซ่จี้มีเพียงหนึ่งเดียว ด้วยพัฒนาจากบัญชาพิเศษของตัวเขาเอง
ดังนั้นเมื่อได้ยินขอทานชราแสดงตัวเตรียมสำแดงวิชาคุมเทพ เขาสนใจอยากชมดูเป็นอย่างยิ่ง อยากดูว่าความแตกต่างอยู่ที่ตรงไหน
ขอทานชราเห็นจี้หยวนถามด้วยความแปลกใจอยู่บ้าง จากนั้นเผยสีหน้าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งออกมา เขาพลันสบายใจ พยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม
“ท่านจี้พูดถูกต้อง เป็นวิชาคุมเทพ! วิชานี้สืบทอดกันอย่างลับๆ ข้าผู้ชราเคยบังเอิญศึกษาอยู่บ้างเช่นกัน พูดได้เพียงว่ามีผลสำเร็จเล็กน้อย ไม่อาจเรียกได้ว่าเชี่ยวชาญถึงแก่น ทว่าลองดูสักครั้งได้”
จี้หยวนรอคำพูดนี้นี่แหละ ทันใดนั้นเขาก้าวไปด้านข้าง จงใจเพิ่มที่ว่างแล้วผายมือให้อีกฝ่าย
“เชิญผู้อาวุโสหลู่!”
ขอทานชราไม่เกรงใจเช่นกัน มือซ้ายแกว่งเบา หมุนนิ้วชี้ชี้ขึ้นฟ้า ฝ่ามือซ้ายคว่ำไปข้างหน้า ปากพึมพำเสียงเบา ไม่นานนักปลายนิ้วก็มีแสงเจือจางสีแดงชาดอบอวล
ตอนนี้ขอทานชรามีสีหน้าจริงจัง นิ้วมือทิ่มลงบนฝ่ามือซ้าย วาดยันต์ลวดลายพิเศษอย่างเบามือ
ตลอดทั้งกระบวนการนี้ จี้หยวนที่อยู่ข้างๆ ตั้งใจเต็มที่ วิชาคุมเทพของขอทานชราอยู่คนละทิศทางกับจี้หยวนอย่างชัดเจน
ขั้นตอนสำแดงวิชาไม่ยาวนาน ตั้งแต่เริ่มจนถึงเขียนยันต์บนฝ่ามือเสร็จใช้เวลาเพียงสามสี่ลมหายใจ จากนั้นขอทานชราจ้องเขม็ง มือขวาปัดไปทางฝ่ามือซ้าย ทันใดนั้นฟาดมือซ้ายลงพื้นดินเบาๆ
ตึง…
ภูเขาใต้เท้าสั่นสะเทือนเล็กน้อย ริ้วคลื่นเหมือนสิ่งของตกน้ำค่อยๆ กระจายออกไปโดยรอบ ตรงนี้แทบเหมือนกับวิชาคุมเทพของจี้หยวนโดยสมบูรณ์
“เชิญเทพภูเขาแห่งนี้มาพบ”
เสียงดุจอสนีของขอทานชราดังไกลออกไปตามการสำแดงวิชาอภินิหารนี้
หนึ่งอึดใจ สองอึดใจ สามอึดใจ…เวลาผ่านไปอย่างเชื่องชี้ ตรงหน้าจี้หยวนกับขอทานชราไร้เทพภูเขาปรากฏ
ขอทานชรารออยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีความรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด ก่อนจะหันไปมองภูเขาใหญ่ที่เกิดจากวิชากดภูเขาของตนเองก่อนหน้านี้อย่างครุ่นคิด
“เห็นทีภูเขาลูกนี้แม้มีเทพภูเขา ทว่าปราณพิภพเชื่อมโยงภูเขาเบาบางมาก กอปรกับวิชากดภูเขาของข้าผู้ชรานับว่าเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ วิชาคุมเทพจึงไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ แน่นอนว่าความเป็นไปได้ยิ่งกว่านั้นคือภูเขาลูกนี้ไม่มีเทพภูเขา อย่างไรเสียราชวงศ์ต้าซิ่วรู้เรื่องมรรคเทพ การควบคุมศาลนอกรีตของพวกชาวบ้านเข้มงวดมาก ไร้แรงปรารถนาช่วยเหลือ ภูตทั่วไปกลายเป็นเทพภูเขาได้ยากนัก”
จี้หยวนพยักหน้าเช่นกัน
“มีความเป็นไปได้นี้จริงๆ พวกเราไปกันก่อนเถอะ ข้าคนแซ่จี้จะทิ้งวิชาไว้ที่นี่สักหน่อย”
พูดแล้วจี้หยวนก็ปล่อยยันต์เหลืองรูปคนลอยออกมาจากในแขนเสื้อ ทำเอาขอทานชราที่อยู่ข้างๆ มองด้วยความคาดหวัง ประหลาดใจยิ่งอย่างเห็นได้ชัด ยันต์กระดาษถูกตัดให้เป็นรูปคนขนาดเล็กโดยเฉพาะ บนนั้นไม่มีลวดลายยันต์อะไร แปลกตาอยู่เหมือนกัน
จี้หยวนโยนยันต์กระดาษเหลืองไปข้างหน้าเบาๆ ตอนมันลอยอยู่กลางอากาศมีสีเหลืองทองเป็นผงละเอียดปรากฏให้เห็น ปากจี้หยวนพูดขึ้นว่า
“จอมพลังเชิญมา”
ทันใดนั้นยันต์กระดาษเหลืองกลายเป็นผงสีเหลืองไร้ประกาย กลับด้านเปลี่ยนแปลงต่อหน้าจี้หยวนกับขอทานชรา สุดท้ายกลายเป็นแม่ทัพเทพเกราะทองร่างใหญ่กำยำท่ามกลางแสง
พอจอมพลังเกราะทองปรากฏก็ทำท่าทางอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกมัน โค้งกายเล็กน้อย ประสานมือคารวะจี้หยวน เสียงที่ออกจากปากเหมือนกับการตีฆ้อง
“นายท่าน”
“อืม ใต้ภูเขานี้ผนึกปีศาจจิ้งจอกถูซือเยียนไว้ เจ้าคอยดูแลภูเขานี้อยู่ที่นี่ คุ้มครองภูเขาอย่าให้เสียหาย อย่าให้ปีศาจตนนี้หนีไปได้”
จอมพลังเกราะรักษาท่าทางคารวะเอาไว้ ตอบด้วยเสียงที่ดังทว่าทุ้มต่ำเล็กๆ
“รับบัญชา”
ขอทานชราพลันตาเป็นประกาย สีหน้ายังคงประหลาดใจ จ้องมองจอมพลังเกราะทองพลางมองตั้งแต่หัวจรดเท้า วิชาอัศจรรย์นี้อย่าว่าแต่เขาเคยเห็นเลย แม้แต่ได้ยินก็ไม่เคย แม้ในมรรคเทพมีวิชาชักใย บางร่าง และแปลงร่าง วิชายันต์ยิ่งมีเป็นพันหมื่นรูปแบบ แต่ไม่มีรูปแบบไหนเหมือนกับของจี้หยวน
จอมพลังเกราะทองรับบัญชาแล้ว จากนั้นสองแขนวางอยู่ข้างลำตัวแล้วถอยหลังไปสองก้าว เงาร่างค่อยๆ จางลง แนบชิดกับภูเขาก่อนหายไปไม่เห็น
ผลกระทบที่ปรากฏนี้อยู่ภายใต้ตาทิพย์ของจี้หยวนและขอทานเฒ่าเท่านั้น หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาจะมองไม่เห็นมันอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ ผู้อาวุโสหลู่ พวกเราไปกันเถอะ ข้าคนแซ่จี้มีเรื่องอยากถามโหรหลวงของราชวงศ์ต้าซิ่ว ไม่อยากอยู่ที่ภูเขานี้นาน”
“ฮ่าๆ เช่นนั้นก็ไปเถอะ!”
ใต้เท้าทั้งสองคนเกิดเมฆหมอก ประคองจี้หยวนและขอทานชราลอยขึ้นท้องฟ้าอย่างช้าๆ ทว่าลอยขึ้นไปได้หลายสิบจั้งแล้ว จี้หยวนพลันมองไปยังทิศทางหนึ่งกลางภูเขา
ตรงนั้นมีปราณเพลิงมนุษย์พวยพุ่งขึ้นเลือนราง น่าจะเป็นตำแหน่งที่ตั้งของหมู่บ้านกลางเขา แต่เขามองเห็นแรงปรารถนาเจือจางพุ่งขึ้นจากตรงนั้นเช่นกัน และแรงปรารถนานี้พุ่งขึ้นแล้วไหลเข้าสู่ภูเขารอบข้าง ไม่ได้หายไปโดยตรง เพราะเกี่ยวพันกับวิชาบัญชาและปราณโลกาสวรรค์ จี้หยวนเชี่ยวชาญมรรคนี้มาก ไม่มีทางมองผิดอย่างแน่นอน
ตอนนี้นายพรานเหล่านั้นกลับถึงหมู่บ้านพอดี กำลังเล่าถึงสิ่งที่ตนเองเห็นอย่างตื่นเต้น ใส่สีตีไข่บรรยายว่าเทพภูเขาร้ายกาจเพียงใด ภูเขาใหญ่ใหญ่เกินจริงเพียงใด คนในหมู่บ้านต่างคารวะภูเขาใหญ่อย่างต่อเนื่อง
‘แรงปรารถนาไม่ซ่านสลาย?’
จี้หยวนมุ่นคิ้ว มองขอทานชราตามจิตใต้สำนึก หรือว่าภูเขาลูกนี้มีเทพภูเขาอยู่
“ท่านจี้เป็นอะไรไป หากเหนื่อยล่ะก็ ข้าผู้ชราบังคับเมฆแทนได้”
“ไม่ใช่ ผู้อาวุโสหลู่รอสักครู่ พวกเราลงไปข้างล่างหน่อย ครั้งนี้ข้าคนแซ่จี้จะลองดู”
พูดแล้วจี้หยวนก็ควบคุมเมฆหมอกเหาะกลับไปอีกครั้ง
“ลองดู? ลองอะไร”
ขอทานชราชะงักไป จากนั้นพลันตระหนักถึงบางอย่างได้ ตอนเขามองไปทางจี้หยวนอย่างแปลกใจ จี้หยวนที่ตกลงบนพื้นแล้วโคจรพลังทันที
“เชิญเทพภูเขาแห่งนี้มาพบ”
พร้อมกับที่เสียงบัญชาดังไป เท้าขวาของจี้หยวนเหยียบลงพื้นดินเบาๆ
ริ้วคลื่นเหมือนสายน้ำขยายออกไป ทันใดนั้นหมอกควันสายหนึ่งหมุนวนลอยขึ้นจากพื้นดิน ภูตใบหน้าสีเหลืองสวมเสื้อธรรมดาดูน่ากลัวปรากฏขึ้นจากตรงนั้น
เมื่อปรากฏกายแล้ว ภูตตนนี้รีบคารวะจี้หยวนกับขอทานชรา
“เทพภูเขาลาดชันคารวะท่านเซียนทั้งสอง คารวะท่านเซียนทั้งสอง!”
เป็นดังที่คาด!
“เทพภูเขาไม่ต้องมากพิธี ความจริงแล้วท่านอยู่บนภูเขาโดยไร้ศาล ข้าจึงจำต้องใช้วิชาคุมเทพเรียกท่านออกมา”
จี้หยวนตอบรับเล็กน้อยแล้วกล่าวกับขอทานชรา
“เห็นทีภูเขานี้มีเทพภูเขาอยู่ ทว่าเชื่อมโยงกับปราณพิภพเจือจางจริงๆ”
ขอทานชรา “…”