เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 481 จิ้งจอกแปดหางถูซือเยียน
ตอนที่ 481 จิ้งจอกแปดหางถูซือเยียน
พริบตาที่เส้นไหมทั้งหมดขาดสะบั้น สตรีชุดขาวตระหนักได้ว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
‘นี่คือกับดัก?’
สตรีชุดขาวเกิดความคิดนับไม่ถ้วนอย่างอดไม่ได้ เกรงว่าการล้อมจับเผ่าจิ้งจอกของนายทหารเหล่านี้จะเป็นเรื่องโกหก ลวงให้ตนเองเผยตัวตนออกมาต่างหากที่เป็นความจริง
นางชำเลืองมองจิ้งจอกในอ้อมแขน คิดว่าน่าจะเป็นไปไม่ได้ที่นางจะทรยศตนเอง หรือบางทีนางเองอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกหลอก
แม้ความคิดรวดเร็วดุจสายฟ้า แต่สตรีชุดขาวไม่ได้แสดงความรู้สึกตระหนกใดๆ บนใบหน้า กลับเผยรอยยิ้มงดงาม สายตามองขอทานชราที่เผยร่างเพราะลงมือแล้ว
“ไอ้หยา สำนักปรมาจารย์ของต้าซิ่วไม่ให้เสื้อผ้าใส่หรืออย่างไร ไยท่านเซียนสวมชุดเก่าขาดเช่นนี้ ฮิๆๆๆ…”
ขณะพูดอยู่ สตรีชุดขาวสังเกตคนที่เหมือนกับขอทานอย่างละเอียด เพียงรู้สึกว่ากลิ่นอายของอีกฝ่ายซ่อนเร้นยากคาดเดา
‘สำนักปรมาจารย์ต้าซิ่วมีคนเช่นนี้ด้วยหรือ โหรหลวงนั่นก็ไม่ได้มีสภาพนี้นี่ หรือว่า…’
ตอนนี้เป็นเวลาที่งานชุมนุมเซียนพเนจรแห่งมรรคเซียนใกล้เปิดฉาก มีผู้สูงส่งมรรคเซียนมาเยือนเขาเก้ายอดไม่น้อย หรือว่าเขาจะเป็นหนึ่งในนั้น เอาเป็นว่าไม่อาจกำจัดความเป็นไปได้นี้ทิ้งไป
จนกระทั่งเส้นไหมทั้งหมดถูกขอทานฟาดมือตัดขาด นายทหารต้าซิ่วทั้งหมดถึงตื่นจากภวังค์ ตัวสั่นสะท้านก่อนได้สติคืนมา
แม่ทัพผู้นำกลุ่มสั่งถอนกำลังผู้ใต้บังคับบัญชาทันที
“ทุกคนถอย ถอยไป อย่ามองนางปีศาจนี่ อย่ามองนาง!”
แม่ทัพไม่เพียงพูดเท่านั้น ตนเองทำตามที่พูดเช่นเดียวกัน ค่อยๆ ถอยหลังไปจนทิ้งระยะห่างช่วงหนึ่ง ไม่กล้ามองสตรีชุดขาว ขณะเดียวกันคารวะขอบคุณขอทานชรา
“ขอบคุณท่านเซียนที่ยื่นมือช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นพี่น้องทุกคนของข้าต้องติดกับนางปีศาจนี่เป็นแน่!”
ขอทานชราแค่โบกมือให้พวกเขา จากนั้นมองสตรีชุดขาวตรงหน้าอีกครั้ง ฟังจากจี้หยวนพูดพึมพำแล้ว เดาได้ไม่ยากเลยว่าจี้หยวนรู้จักปีศาจสาวตนนี้
ได้ฟังคำพูดยั่วเย้าของนางแล้ว ขอทานชราเพียงหัวเราะ
“ฮ่าๆ เจ้าไม่ต้องเดาแล้ว ข้ากับราชวงศ์ต้าซิ่วไม่มีความเกี่ยวข้องใด ยิ่งไม่อาจเป็นปรมาจารย์เซียนของสำนักปรมาจารย์ที่ว่านั่น เดิมคิดว่ามาดูเรื่องสนุกเท่านั้น กลับไม่คิดเลยว่าจะได้เจอปีศาจเช่นเจ้า”
สตรีนางนั้นหรี่ตามองขอทานชรา
“โอ้? ท่านเซียนมาดูเรื่องสนุกหรือนี่ เห็นทีนายหทารเผ่ามนุษย์ฆ่าสหายเผ่าจิ้งจอกที่น่าสงสารของข้า เป็นเรื่องสนุกในสายตาของท่านเซียนใช่หรือไม่”
“เฮอะ ปากคอเราะร้าย! เจ้าไม่ต้องจิกกัดข้าเช่นนี้ จิ้งจอกพวกนี้ใช่ว่าไร้มลทิน อีกอย่างเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่มีทางลงมือ ดูเจ้าสิ ‘กล้าไล่ฆ่าเผ่าจิ้งจอกของข้า ต้องตายทั้งหมด’ เจ้าเตรียมฆ่านายทหารพวกนี้แล้ว แล้วอย่างไรเล่า หากทำตามที่เจ้าพูด แม้ข้าเป็นเซียน ทว่าก็เป็นมนุษย์ ไม่เช่นกันก็ต้องเข้าข่าย ‘ต้องตายทั้งหมด’ ด้วยหรือไม่”
ขอทานชรามีใบหน้ายิ้มแย้มตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งไม่มุ่นคิ้วและไม่มีโทสะ แต่คำพูดที่พูดออกมาจะไม่ยอมให้สตรีตรงหน้าเอาเปรียบแต่อย่างใด
‘ข้าผู้ชราเถียงไม่ชนะจี้หยวน แล้วยังเถียงไม่ชนะปีศาจสาวตนนี้ด้วยกระมัง’
สตรีชุดขาวขยับร่าง กล่าวอย่างจนใจ
“เช่นนั้นจะทำอย่างไร ข้าเถียงไม่ชนะท่านเซียน ดังนั้นจะฆ่าหรือแล่เนื้อล้วนต้องขึ้นอยู่กับท่านเซียนแล้ว หรือ…จะเป็นอย่างอื่นก็ได้ทั้งนั้น ซือเยียนยอมทุกอย่าง…”
นายทหารข้างๆ แต่ละคนเหม่อลอยและมีสีหน้างุนงง แม้แต่แม่ทัพก็เป็นเช่นนั้น ทุกคนเข้าใกล้สตรีนางนั้นตามจิตใต้สำนึก บนกายยิ่งมีบางสิ่งคล้ายหมอกควันจางๆ พุ่งออกมา
“นางปีศาจกล้านัก!”
คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าลงมือต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ ขอทานชราพลันมีโทสะ โบกมือไปทางสตรีนางนั้นอย่างแรงทันที พร้อมกันนั้นใช้วิชากดภูเขา รอบข้างมีแต่แรงกดดันเหนือประมาณ ทำให้แม้แต่อากาศตรงที่สตรีชุดขาวยืนอยู่ก็เปลี่ยนเป็นหนาหนัก ส่วนตัวนางยิ่งยากจะควบคุมฝีเท้า
ปัก…
ขอทานชราพลันปิดกั้นกล่องเสียงนาง ปากเขาคำรามเสียงต่ำ
“เผยร่างจริงเดี๋ยวนี้!”
“กรี๊ด…”
สตรีนางนั้นร้องเสียงแหลม แขนขาเริ่มสั่นเทาเหมือนกับรับแรงกดดันมหาศาลไม่ไหว นางคุกเข่าลงกับพื้นเป็นอันดับแรก จากนั้นใช้สองมือยันพื้นไว้ สุดท้ายหมอบตัวลงและม้วนตัวอย่างช้าๆ
ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้นนางกลายเป็นจิ้งจอกขาวตัวหนึ่ง ถูกขอทานชรากดไว้กับพื้นดิน ส่วนจิ้งจอกทุกตัวรอบๆ นั้น ขอทานชราไม่จำเป็นต้องลงมือโดยสิ้นเชิง เพราะถูกวิชากดภูเขาทับจนหายใจไม่ออกแล้ว ทั้งหมดหมอบนิ่งอยู่กับพื้นราวกับมีภูเขาลูกใหญ่ทับอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ขอทานชราเพิ่งอยากหัวเราะออกมา ทว่าขมวดคิ้วในทันใด
“ไม่ถูกต้อง! แบบนี้ไม่ถูกต้อง!”
สายตาเขากวาดมองไปทางฝูงจิ้งจอก จิ้งจอกขาวที่เดิมทีอยู่ในกลุ่มหายไปไม่เห็นเสียอย่างนั้น เมื่อมองไปข้างๆ จี้หยวนก็หายไปไม่เห็นเช่นกัน
“เฮอะ!”
ขอทานชราแค่นเสียงเย็นก่อนตบที่เอวครั้งหนึ่ง ถุงผ้าเก่าใบหนึ่งลอยมาถึงมือ จากนั้นเขาสะบัดมันไปข้างๆ
หวิว…หวิว…
ลมแรงสีเทาขมุกขมัวระลอกหนึ่งพัดม้า นอกจากตัวที่ตายไปแล้ว จิ้งจอกทุกตัวบนพื้นล้วนถูกเก็บเข้าไปในถุงผ้า แล้วโยนจิ้งจอกขาวในมือเข้าไปในถุงผ้าด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นขอทานชราก็กลายป็นลมสดชื่นเรืองแสงจางหายไป
“เอ่อ…”
“เกิดอะไรขึ้น”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“จิ้งจอกเล่า”
นายทหารสองร้อยกว่าคนคราวนี้ตื่นจากภวังค์อีกครั้ง มองจิ้งจอกตายที่เหลือบนพื้นแล้วมองหน้ากัน
“ท่านแม่ทัพ?”
แม่ทัพโบกมือ มองรอบๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง
“อย่าอยู่ที่นี่นานเลย ปีศาจเมื่อครู่ร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง ปรมาจารย์เซียนเคยบอกว่าพวกเราเจนสนามรบปราณชั่วร้ายเข้มข้น กอปรกับมียันต์ป้องกันตัว พอจะอดกลั้นต่อวิชาปีศาจทั่วไปได้บ้าง ทว่าพวกเราอยู่ต่อหน้านางปีศาจแล้วไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน หนีก่อนเป็นการดีที่สุด!”
“เขาเป็นเซียน พวกเราเป็นมนุษย์ ดูแลตนเองก่อนจะได้ไม่เดือดร้อนไปถึงคนอื่น พาจิ้งจอกตายไปด้วย พวกเราไป!”
“รับบัญชา!”
แม้ปีศาจเหมือนจะจากไปแล้ว แต่ในใจทุกคนยังคงหวาดๆ นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาใจเสาะ ทว่าความรู้สึกสะเทือนใจก่อนหน้านี้ยังคงตกค้างอยู่ จิตวิญญาณของพวกเขาได้รับความตระหนกเช่นเดียวกัน
ทหารกลุ่มหนึ่งนำศพจิ้งจอกเร่งเดินทางไปยังสถานพักม้าโดยรอบ กลับพบว่าม้าทุกตัวล้มลงกับพื้น มีนายทหารก้าวเข้าไปตรวจลมหายใจและชีพจรดู สุดท้ายพวกมันตายกันหมดแล้วจริงๆ
“ท่านแม่ทัพ ม้าของพวกเราตายหมดแล้ว!”
“ไป! ต้องวิ่งแล้ว รีบออกจากป่า!”
ยิ่งมายิ่งรู้สึกว่าสถานการณ์รอบข้างแปลกประหลาด ยันต์คุ้มกันกายก็ถูกเผาไปหมดแล้ว เรี่ยวแรงหดหายไปมากกว่าครึ่ง แม่ทัพรู้สึกกลัวอยู่บ้าง ทว่ายังคงโบกมือสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาวิ่งไป
…
ถูซือเยียนตัดสินใจทิ้งเผ่าจิ้งจอกเหล่านี้ นำเพียงจิ้งจอกเทาในอ้อมแขนหลบหนีไปด้วยต้องมีเหตุผล ขอทานชราผู้นี้ลึกลับยากหยั่งคาดแล้ว แต่นอกเหนือจากนั้นนางรู้สึกว่ามีลางสังหรณ์เลือนรางวนเวียนอยู่ในใจ จิตวิญญาณนางแจ่มชัดดี ความรู้สึกไวกว่าปีศาจทั่วไปมาก พอรู้สึกไม่เข้าท่าเข้าทีจึงเริ่มวางแผนคิดหนี
แม้เหมือนจะหนีได้แล้ว แต่ความรู้สึกไม่ปลอดภัยยังคงอยู่ไม่จางหาย
ตอนนี้จี้หยวนอยู่บนท้องฟ้าสูงนานแล้ว เปิดตาทิพย์เต็มทีเริ่มเสาะหาปราณของถูซือเยียน เขายังคงกำกระบี่เครือเขียวไว้ในมือ ลังเลอยู่หลายครั้งว่าจะชักกระบี่ดีหรือไม่ เขาไม่อยากทำให้จิ้งจอกหนีไป วิชาตรึงร่างไม่มีทางได้ผลกับปีศาจที่ลื่นเป็นปลาไหลแบบนี้มากเท่าไหร่อย่างแน่นอน กลับจะยิ่งลดความกดดันในใจที่จี้หยวนสร้างให้ปีศาจจิ้งจอกก็เป็นได้ แม้เพลิงสมาธิมีอานุภาพรุนแรง แต่อาจพ่นออกมาไม่ถูกตัวนาง ส่วนกระบี่เซียนคมกริบหาใดเปรียบ กระนั้นเขาไม่อยากฟันนางตายในกระบี่เดียว
ไม่ใช่เพราะจี้หยวนเมตตาสตรี แต่ด้านหนึ่งอย่างรู้ว่าจิ้งจอกที่วนเวียนอยู่แถวนี้สร้างเรื่องอะไรไว้ เกี่ยวข้องกับถ้ำสวรรค์จิ้งจอกหยกหรือเป็นเรื่องของนางเอง อีกด้านหนึ่งอย่างไรเสียถ้ำสวรรค์จิ้งจอกหยกก็มีจิ้งจอกเก้าหาง และไม่แน่ว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย จี้หยวนยังคงพะว้าพะวังอยู่บ้าง
หรืออาจทำให้เกิดความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับอานุภาพกระบี่เซียนก็เป็นได้ ลองกระบี่สังหารใจดูสักตั้ง!
“นางปีศาจชั่ว เจ้าไปอยู่ที่ไหน!”
เสียงขอทานชราดุจสายฟ้าสะเมือนภูเขา โดยรอบปรากฏแสงที่เหมือนกับเคลือบเงาหลายสาย จากนั้นกลายเป็นริ้วคลื่นมากมาย กลางป่าเขาลาดชันเกิดความรู้สึกเช่นเดียวกับแม่น้ำสายใหญ่ผ่านแผ่นดิน ทว่าแม่น้ำสายนี้ก่อตัวขึ้นจากแสงและปราณ
“กระแสแสงตามใจ ควบคุมฟ้าดั้งเดิม มอบพลังให้กับข้า!”
ขอทานชราบันดาลโทสะอย่างชัดเจน ไม่สนใจปล่อยให้จิ้งจอกตัวนี้หนีไปก่อนชั่วคราว เพราะเขานับว่าเสียหน้าต่อหน้าจี้หยวนเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงคำพูดนั้นอีก ปกติแล้วขอทานชราไม่สนใจเรื่องเกียรติยศอะไรโดยสิ้นเชิง ถือชามแตกขอทานกับมนุษย์ได้เช่นกัน ทว่าเผชิญหน้ากับจี้หยวนที่ค่อนข้างถือว่าไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอยู่บ้าง เรื่องนี้ไม่อาจอดกลั้นได้
กระแสแสงดุจแม่น้ำ ไหลบ่าพื้นดินของภูเขาทั้งลูก เข้าควบคุมทุกพื้นที่ไม่ต่างกับสายน้ำ ส่วนอีกด้านหนึ่งของภูเขาเกิดแสงปีศาจหลายสาย
“ขอทานชราเจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าจริงหรือ โฮก…”
จิ้งจอกตะโกนเสียงแหลม ภายหลังกลายเป็นเสียงคำรามเหมือนสัตว์ป่า ประกายกรงเล็บแหลมคมส่องไปทั่วทั้งเนินเขา
โครม…
ยอดเขาแตกออก พริบตาที่ขอทานเหาะขึ้นไป มีหางขนาดยักษ์ใหญ่กวาดมาถึง
“ร้ายกาจนัก! ปีศาจจิ้งจอกแปดหางหรือ!”
ขอทานชรากล่าวด้วยความประหลาดใจ รู้สึกได้ถึงความคมปลาบเจือจาง พลันรู้ว่าจี้หยวนอยู่แถวนี้ และกระบี่เซียนอาจอยู่ในมือเขาแล้ว พลันเปลี่ยนปราณเป็นกระแสเสียง
“ท่านจี้อย่าเพิ่งลงมือ ดูข้าจัดการนางเถอะ!”
พูดแล้วขอทานชราโบกสองแขนอยู่บนท้องฟ้า เกิดกระแสอากาศพาเขาเหาะขึ้นที่สูง หลบหางหลายเส้นที่ฟาดมาได้ มือข้างหนึ่งกางนิ้วออกทั้งหมด ปรากฏกลิ่นอายที่ใกล้เคียงกับภูเขารอบข้าง ก่อนจะคว่ำมือกดลงอย่างแรง
ซ่า…
กระแสแสงรอบๆ แยกออก เผยให้เผ็นหางยักษ์แปดเส้นข้างหลังยืดขยาย ร่างกายกลับยังคงเป็นถูซือเยียนสตรีชุดขาว
ตอนที่ถูซือเยียนเพิ่งดึงสติกลับมาจากความงุนงงได้ พลังฝ่ามือของขอทานชรากดลงมาเหมือนกับภูผา ทำลายหางหนึ่งเส้นในนั้นอย่างแม่นยำ
ตึง…
“กรี๊ด…”
ถูซือเยียนรู้สึกว่าร่างกายครึ่งหนึ่งชาหนึบ หางเส้นหนึ่งตกลงบนพื้น ยกอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น ตอนนี้นางพลันตระหนักถึงอะไรบางอย่าง ขอทานชราตรงหน้าร้ายกาจกว่าที่นางจินตนาการไว้
“ขอทานชรา ข้าล้วนปล่อยเผ่ามนุษย์เหล่านั้นแล้ว เจ้ายังคิดทำอะไรอีก ต้องการให้ข้าต่อสู้กับเจ้าจนตายกันไปข้างหนึ่งจริงหรือ”
ใบหน้าซีดขาวของถูซือเยียนเกิดสีแดงสองปื้น สองตาทอประกายลึกลับ ดวงตาและเรียวคิ้วทั้งสองโก่งยาวขึ้นอย่างชัดเจนในวินาทีนี้ เล็บคมสองมือยิ่งคมขึ้นกว่าเดิมแล้ว
“โฮก…”
เท้าจิกพื้น หางยักษ์ที่เหลือกวัดแกว่งอย่าบ้าคลั่ง โบกกรงเล็บแหลมหลายครั้ง
“หากข้าทำลายภูเขาของเจ้าแล้ว ดูสิว่าเจ้าจะใช้อานุภาพภูเขาได้อีกอย่างไร!”
พื้นดินเขาลาดชันปริแตก ทั่วทุกที่มีฝุ่นดินตลบอบอวล ถึงขนาดกลบกระแสแสงที่ขอทานชราใช้วิชาสร้างขึ้น ขณะภูเขากำลังสั่นไหว ยอดเขาหลายยอดรอบๆ เริ่มสั่นสะเทือนเช่นกัน
“หึ ก็แค่ปีศาจจิ้งจอกแปดหาง!”
“พูดโม้ไม่น้อยเลย ปีศาจจิ้งจอกแปดหางนี่แหละจะเอาชีวิตเจ้า!”
ครืน…
การพังถล่มของภูเขาเกิดขึ้นจากใจกลางและขยายออกไปข้างนอก และยิ่งขยายออกไปเท่าไหร่ก็ยิ่งร้ายแรงขึ้น ตรงใจกลางมีขอทานชรา ยอดเขาสั่นสะเทือนทว่าไม่ถล่มลง ทว่ารอบนอกเริ่มปริแตกทลายลงแล้ว
“แย่แล้ว มีบ้านอยู่บนเขา! หยุด!”
ขอทานชราพลันมองเห็นว่ามีปราณเพลิงมนุษย์แวบๆ อยู่บนภูเขา พลังทั่วร่างกายเพิ่มขึ้น สองมือสำแดงวิชาอย่างต่อเรื่อง ใช้วิชากดภูเขาตรึงอานุภาพเขาลาดชันเอาไว้
“ฮ่าๆๆๆๆ…เซียนก็คือเซียน! ดูสิว่าเจ้าจะต้านทานไหวหรือไม่!”
ถูซือเยียนหัวเราอย่างกับคนบ้า ประมือกับขอทานชราตรงๆ นางต้องเสียเปรียบแน่ แต่หากพูดถึงการทำลายย่อมไม่จำเป็นแล้ว หางที่ถูกสกัดไว้ตอนนี้ผ่อนคลายขึ้นมาก พวกมันทั้งแปดเบียดออก สี่เส้นนำประกายปีศาจจู่โจมยอดเขาต่างๆ ส่วนอีกสี่เส้นกวาดพื้นดินเล็งไปที่ปราณพิภพ กอปรกับกรงเล็บแหลมคู่หนึ่ง ต้องการก่อกวนเขาลาดชั้นจนเหมือนกับพลิกฟ้าทะลายดิน