เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 475 พบคนรู้จักในต่างแดน
ตอนที่ 475 พบคนรู้จักในต่างแดน
จี้หยวนกับพวกจูหยวนจื่อซึ่งถูกมองเป็นผู้สูงส่งในสายตาคนอื่น ตอนนี้สภาพจิตใจซับซ้อนพิกลอย่างมาก
จี้หยวนคิดว่าในที่สุดก็ใกล้ถึงวันงานชุมนุมเซียนพเนจรแล้ว บนเรือเหาะจวนเร้นจิตยังดี ตอนลงจากเรือความรู้สึกเฝ้ารอและตื่นเต้นเด่นชัดขึ้นมาช้าๆ
อย่างน้อยก็เป็นงานชุมนุมเซียนเลื่องชื่อ เขาจะเจอผู้สูงส่งเซียนแท้ พบผู้แต่งฝันท่องเมฆาหรือไม่ เห็นวิชาอัศจรรย์แค่ไหน หวังว่าจะเจอทุกอย่างที่ตนคาดหวัง
คนจากเขาล้อมหยกจิตใจสับสนเช่นกัน พวกเขาไม่มาร่วมงานชุมนุมเซียนพเนจรหลายครั้ง ก่อนหน้านี้ผู้ฝึกปราณในสำนักยังพูดถึงการถกมรรคจนเกิดเรื่อง
เซียนเขาล้อมหยกอย่างหยางหมิงกับฉิวเฟิง ต่อหน้าจูหยวนจื่อถือเป็นคนรุ่นหลัง ไม่เคยร่วมงานชุมนุมเซียนพเนจรมาก่อน บรรดาศิษย์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ความรู้สึกตื่นเต้นของพวกเขาส่วนใหญ่เกิดจากความกังวลเรื่องอดีตกับความรู้สึกแปลกใหม่
ส่วนจูหยวนจื่อเขาอยู่มาหลายปีขนาดนี้ พลังปราณยิ่งเรียกว่าชั้นยอด สภาวะจิตแตกต่างกันนานแล้ว เรื่องอดีตไม่อาจระบุกับงานชุมนุมเซียนพเนจร เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาไม่ถือว่าเป็นอะไร ในใจไม่มีคลื่นความรู้สึก ภายนอกจี้หยวนนิ่งสงบ แต่เขานิ่งสงบอย่างแท้จริง
“ท่านจี้ พวกเราไปพบเขาเก้ายอดก่อน พวกเขาคงเตรียมที่พักให้พวกเราแล้ว แน่นอนว่าหากไม่พอใจ พวกเรามาหาที่พักข้างนอกเองได้”
สำหรับข้อเสนอของจูหยวนจื่อ จี้หยวนย่อมไม่ติดขัด พยักหน้าเป็นการรับคำ
สายตาของพวกเขากวาดมองตลาดตรงท่าเรือเขาพิณพระจันทร์ ก้าวเดินไปหาสิ่งปลูกสร้างสะดุดตาแห่งหนึ่งบนท่าเรือตลอดทาง ด้านบนมีธงแดงลอยเด่น บนธงเขียนตัวอักษรใหญ่เปี่ยมแสงธรรมเจิดจรัสว่า… หอบรรลุเซียน
ผู้สังเกตการณ์โดยรอบเห็นพวกจี้หยวนเดินไปทางสิ่งปลูกสร้างหลังนั้น ทั้งตรงประตูยังมีผู้ฝึกปราณเขาเก้ายอดมาต้อนรับ ทำให้รู้ว่าเป็นคนจากสำนักมรรคเซียนแท้จริง เป็นผู้มีเทียบเชิญร่วมงานชุมนุมเซียนพเนจร
หลังจากนั้นสักพักผู้ฝึกปราณเขาเก้ายอดสวมชุดคลุมฟ้าคนหนึ่งพาจี้หยวนกับคนของเขาล้อมหยกออกจากหอบรรลุเซียน สะบัดแขนเสื้อเรียกใบหลิวมหึมาออกมา เปลี่ยนเป็นขนาดเท่าเรือเล็กลำหนึ่งตรงหน้า
“สหายยุทธ์ทุกท่าน เชิญขึ้นเรือใบไม้เขียว ต่อให้อาศรมเขาเก้ายอดของพวกเราอยู่กลางเขาพิณพระจันทร์ แต่ไม่ได้อยู่ในเขาพิณพระจันทร์แห่งนี้ ทุกท่านอาจไม่คุ้นทาง ข้าจะส่งสหายยุทธ์ทุกท่านไปพักผ่อนในป่าเขา”
“อืม รบกวนด้วย!”
จูหยวนจื่อกล่าวตามมารยาท ก้าวขึ้นเรือใบไม้เขียวก่อน จี้หยวนกับคนอื่นตามหลังเขาไปติดๆ
คนจากเขาเก้ายอดคิดว่าจี้หยวนเป็นผู้ฝึกปราณเขาล้อมหยก จี้หยวนไม่อธิบายอะไร พวกเขาจะได้ไม่ขอเทียบเชิญจากเขา สิ่งนี้เขาไม่มี ทั้งต้องตามหาผู้ดูแลเรือเหาะที่เคยเชิญเขาเมื่อปีนั้น ยุ่งยากน้อยหน่อยย่อมดีกว่า
จี้หยวนเพิ่งก้าวเท้าขึ้นเรือใบไม้เขียว ขาด้านหลังยังไม่ก้าวขึ้นไป เขาได้ยินว่ามีคนเรียกตนแต่ไกล
“ท่านจี้… ท่านจี้… ท่านจี้ใช่หรือไม่”
เสียงนี้คุ้นหูอยู่บ้าง แต่กลับรู้สึกว่าแปลกใหม่ น่าประหลาดอย่างยิ่ง การรับเสียงของจี้หยวนฉับไวมาก ถ้าผ่านหูแล้วแทบไม่เคยลืมเลือน
อย่าว่าแต่เสียงมนุษย์ แม้แต่เสียงหมาเห่าที่เคยได้ยินเขายังแยกออก ไม่เคยเจอเสียงที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกใหม่
จี้หยวนขมวดคิ้วหันมองไปตามเสียง ก่อนรู้สึกว่าตรงหน้าสว่างวาบ ในสายตามีชายเปี่ยมจิตวิญญาณคนหนึ่งรีบเดินมา เขาสวมชุดคลุมยาวสีเหลืองอ่อน ศีรษะประดับเกี้ยวเล็กปักปิ่นทอง หน้าตายินดี
ด้วยเสียงเรียกนี้ ผู้ฝึกปราณเขาเก้ายอดกับคนจากเขาล้อมหยกย่อมหยุดการเคลื่อนไหวหันมองผู้มาเยือนพร้อมกัน
ไม่นานผู้มาเยือนก็เดินมาถึงตรงหน้าจี้หยวน เหยียดแขนค้อมตัวคารวะจี้หยวนเก้าสิบองศา
“คารวะท่านจี้! คิดไม่ถึงว่าเป็นท่านจริงๆ อาจารย์ข้าบอกว่าท่านไม่มีทางมาที่นี่ ฮ่าๆๆ ถ้าพบท่านเขาต้องดีใจแน่!”
จี้หยวนได้ยินแล้วใจกระตุก บนหน้ากลับไม่เผยความรู้สึก มองผู้พูดพลางพยักหน้าเล็กน้อยแต่กลับไม่เอ่ยปาก
ชายคนนั้นเผยรอยยิ้ม เก็บมือก่อนกล่าวประโยคหนึ่ง
“ท่านคงจำข้าไม่ได้แล้วกระมัง”
“หึๆ”
จี้หยวนหัวเราะอย่างลึกล้ำเกินคาดเดา เขานึกถึงคนผู้หนึ่ง ทั่วหล้าภายใต้สถานการณ์ซึ่งไม่ได้ใช้อภินิหารเปลี่ยนแปลงใดๆ ผู้ทำให้เขาฟังเสียงแล้วอาจจำไม่ได้มีแค่คนเดียว เห็นชัดว่าคนตรงหน้าไม่ได้ใช้อภินิหารอะไร
“ฝ่าบาทเปลี่ยนมาอยู่ร่างกายที่ดีนัก!”
ชายวัยกลางคนอึ้งงันเล็กน้อย จากนั้นรอยยิ้มบนหน้ายิ่งเจิดจ้า
“สมเป็นท่านจี้ ไม่ต้องรอข้าบอกก็จำได้ หยางจงเลื่อมใส! แต่คำเรียกนี้ท่านอย่าใช้อีกเลย ท่านกล้าเรียกแต่ข้าไม่กล้ารับ!”
เมื่อเห็นหยางจงกลายเป็นชายวัยกลางคน จี้หยวนเป่าปากโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เขากลัวจะเป็นเด็กแก่นสวมตู้โตวจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเขาคนแซ่จี้คงรับไม่ได้อยู่บ้าง
จี้หยวนสลัดความคิดน่าขันในหัวสมองก่อนมองโดยรอบ ในเมื่อหยางจงอยู่ที่นี่ ขอทานชราคงอยู่ไม่ไกล แต่เขากลับไม่เห็น อีกฝ่ายน่าจะไม่เห็นเขาเช่นกัน มิฉะนั้นคงมาหาแล้ว
“อาจารย์เจ้าเล่า”
“อาจารย์อยู่ที่เขาเก้ายอด ข้ากับศิษย์พี่มาเดินเล่นตลาดนัดตรงท่าเรือเขาพิณพระจันทร์ คิดไม่ถึงว่าจะเจอท่าน หยางจงไม่กล้าลืมบุญคุณใหญ่หลวงของท่าน ถ้าไม่มีท่านกับอาจารย์ แน่นอนว่าไม่มีข้าหยางจงในตอนนี้!”
ฮ่องเต้ชราคนนี้เกิดใหม่เปลี่ยนกระดูกแล้วดังคาด หยั่งรู้ถ่องแท้กลางความเป็นตาย นิสัยต่างจากตอนนั้นราวกับคนละคน กอปรกับเปลี่ยนกายเป็นรากบัว มิน่าหูของจี้หยวนถึงแยกเสียงไม่ออก
เมื่อนึกว่าอีกฝ่ายใช้รากบัวมาสร้างกายเนื้อใหม่ จี้หยวนสำรวจข้อต่อทั้งหมดของหยางจงตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างอดไม่ได้ ลองนึกว่าเคยหักมือหักเท้าบ่อยครั้งหรือไม่
“เอ่อ ท่านจี้ ท่านนี้คือ?”
จูหยวนจื่อไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เหตุใดท่านจี้ถึงเรียกเขาว่า ‘ฝ่าบาท’
จี้หยวนยิ้มเล็กน้อย ผายมือไปทางหยางจงซึ่งกระปรี้กระเปร่าหน้าตาต่างจากเดิม
“สหายยุทธ์จู ท่านนี้คือฮ่องเต้ต้าเจินเมื่อตอนนั้น ฮ่องเต้หยวนเต๋อหยางจง”
“หืม? ฮ่องเต้หยวนเต๋อ?”
“ฮ่องเต้หยวนเต๋อ!”
“อะไรนะ!?”
“ฮ่องเต้หยวนเต๋อสวรรคตแล้วไม่ใช่หรือ”
จูหยวนจื่อกับคนจากเขาล้อมหยกล้วนส่งเสียงตกตะลึง ส่วนผู้ฝึกปราณเขาเก้ายอดที่อยู่ด้านข้างไม่ร้อนรนและไม่เร่งเร้า แค่คอยสังเกตเหตุการณ์ตรงหน้า
หยางจงรีบคารวะพวกเขา
“หยางจงคารวะเซียนอาวุโสทุกท่าน ทุกท่านกล่าวถูกต้อง ฮ่องเต้หยวนเต๋อสวรรคตแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงหยางจงเท่านั้น!”
‘ฝีมือชั้นยอด!’
“ศิษย์น้อง… ศิษย์น้อง… เจ้าวิ่งเร็วขนาดนั้นทำไม ข้าตามเจ้าไม่ทันแล้ว!”
ข้างหลังมีเสียงที่จี้หยวนคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง เด็กหนุ่มอายุประมาณเว่ยหยวนเซิงคนหนึ่งวิ่งมาอย่างรีบเร่ง ในมือยังถือห่อใบบัวอุ่นร้อนมาด้วย
ตัวสูงขึ้นแล้ว เสื้อผ้าเปลี่ยนเป็นสะอาด แค่มองรูปร่างจี้หยวนคิดว่าคงเป็นขอทานเด็กเมื่อปีนั้น
“ศิษย์น้อง ถ้าเจ้าวิ่งไปทั่วอีก คราวหน้าข้าจะไม่พา…”
เด็กหนุ่มกล่าวถึงครึ่งทางก่อนหยุดชะงัก กลืนอาหารที่อมในปากลงท้องดังอึก เบิกตากว้างมองจี้หยวน
“เสี่ยวโหยว จำข้าไม่ได้แล้วหรือ”
“ท่านจี้! ท่านมางานชุมนุมเซียนพเนจรด้วยหรือ ดียิ่งนัก! คราวนี้ข้ากับศิษย์น้องมีคนรู้จักเพิ่มอีกคนแล้ว!”
หลู่เสี่ยวโหยวพูดพลางส่งห่อใบบัวในมือให้จี้หยวน
“ท่านลองชิมสิ ข้าวเหนียวห่อซานจา เพิ่งออกจากเตาเลย!”
จี้หยวนไม่เกรงใจ ยิ้มพลางยื่นมือหยิบมาก้อนหนึ่ง ก่อนใส่เข้าปากแล้วเคี้ยว
“สหายยุทธ์ทุกท่าน ข้าว่าไปที่พักซึ่งพวกเราเขาเก้ายอดจัดไว้ จากนั้นค่อยสนทนาเรื่องอดีตเป็นอย่างไร”
ถึงตอนนี้ผู้ฝึกปราณเขาเก้ายอดเพิ่งส่งเสียง ช่วงงานชุมนุมเซียนพเนจรสถานการณ์เจอคนรู้จักเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติมาก ผู้ฝึกเซียนส่วนใหญ่ล้วนอายุยืน สหายเก่าเจอกันหลังจากห่างเหินมาหลายสิบปีถึงหลักร้อยปีเห็นบ่อยจนชินตา
“ท่านจี้ พวกท่านไปก่อนเถอะ ข้ากับศิษย์พี่จะกลับไปหาอาจารย์ บอกเขาว่าท่านมาแล้ว”
จี้หยวนพยักหน้า ก้าวขึ้นเรือใบไม้เขียว จากนั้นผู้ฝึกปราณเขาเก้ายอดค่อยสำแดงวิชาล่องเรือขึ้นฟ้า แม้ว่าเคลื่อนไปข้างหน้า แต่ความสูงกลับเพิ่มขึ้นตลอด
จี้หยวนหันไปมองเรือเหาะ เมื่อลืมตาทิพย์เต็มที่ เขาเห็นว่าบนฟ้ามียอดเขามหึมาเก้าลูกลอยอยู่ตรงส่วนลึกเมฆหมอกรางๆ
ท่าเรือเขาพิณพระจันทร์เบื้องล่าง หลู่เสี่ยวโหยวกับหยางจงยังทำท่าคารวะส่ง เมื่อไม่เห็นจี้หยวนแล้วค่อยเก็บมือ
“หากอาจารย์ทราบคงดีใจมาก… กระมัง”
“อืม หรืออาจสับสนมาก…”
“เฮ้อ!”
ศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้อยู่ด้วยกันมาหลายปี ถือว่าเข้าใจกันดี พวกเขาถอนใจอย่างอดไม่ได้ แน่นอนว่าโดยรวมแล้วอาจารย์ย่อมดีใจมากกว่า
ความเร็วของเรือใบไม้เขียวไม่ช้า เพียงครู่เดียวก็ออกจากท่าเรือเขาพิณพระจันทร์มาไกล หลังจากผ่านชั้นเมฆคลุมเครือราวม่านหมอก พวกจี้หยวนเห็นทางเข้าเขาเก้ายอดอย่างแท้จริง
ยอดเขามหึมาเก้าลูกเรียงราย สูงต่ำต่างกัน แต่ส่วนใหญ่ต่างกันไม่มาก ภายในมีเขาเขียวน้ำใส แต่กลับลอยอยู่เหนือเมฆ เดิมอยู่เหนือเมฆ แต่บนยอดเขายังมีเมฆขาวเลือนรางล้อมรอบ ยอดเขาบางแห่งยังมีสายรุ้งเจิดจรัส ทั้งมีนกโผบินเซียนสัญจร แค่มองก็รู้ว่าเป็นที่อยู่อาศัยของเทพเซียน
“สหายยุทธ์ทุกท่าน นั่นคือทางเข้าเขาเก้ายอดของพวกเรา เก้ายอดเขาตั้งตระหง่านเสียดเมฆ เมื่อสหายยุทธ์ทุกท่านไปถึงจะได้รับป้ายคำสั่ง หากไม่มีป้ายคำสั่งจะเขาสำนักไม่ได้ ถึงตอนนั้นโปรดอย่าทำหาย”
ผู้ฝึกปราณคนนี้ท่าทางเรียบร้อยมีมารยาทตลอด แต่ตอนนี้กลับยากปกปิดความหยิ่งทะนงในฐานะศิษย์เขาเก้ายอดไม่อยู่
แดนศักดิ์สิทธิ์เก้ายอดอัศจรรย์ไร้ขอบเขต ทั้งเป็นเจ้าภาพจัดงานชุมนุมเซียนพเนจร ถือเป็นเรื่องมีหน้ามีตาอย่างมาก ความปรารถนาของผู้ฝึกเซียนไม่เด่นชัด ความรุ่งเรืองร่ำรวยทางโลกล้วนไม่อาจสั่นคลอน แต่ว่าเรื่องหน้าตาใช่ว่าได้มาโดยง่าย ไม่ว่าใครก็ย่อมรู้สึกภาคภูมิ
จูหยวนจื่อมาเขาเก้ายอดเป็นครั้งแรก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเก้ายอดจัดงานชุมนุมเซียนพเนจร
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ด้านข้างมีแสงหลายสายวาบผ่าน เป็นผู้ฝึกปราณรุ่นเยาว์อายุน้อยสองสามคนขี่กระบี่มา ทั้งมีเสียงหัวเราะชื่นมื่นดังตามไป
“ฮ่าๆๆๆๆ… ข้าเร็วที่สุด!”
“พวกเจ้าขี่กระบี่ช้าอย่างกับเต่า!”
“คิดว่าข้าตามเจ้าไม่ทันหรือ!”
“อย่าหนี!”
เสียงห่างไปไกล แสงกระบี่บ้างมุ่งเป็นทางตรงบ้างวนเป็นวงกลม ทิ้งร่องรอยซับซ้อนหลายสายไว้ แสดงออกถึงความอัศจรรย์ในการควบคุมกระบี่ แค่เห็นวิธีควบคุมกระบี่อย่างคล่องแคล่ว จี้หยวนเองรู้สึกว่าสู้ไม่ได้
‘ทิวทัศน์เซียนอัศจรรย์ คราวนี้มาไม่เสียเที่ยว!’