เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2287 กลับมาอีกครั้ง ตอนที่ 2288 ดึงพรรคพวก
ตอนที่ 2287 กลับมาอีกครั้ง
แต่เมื่อกี้เขาเห็นนายท่านเพียงวาดมือผ่านไปเบาๆ ราวกับไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย นี่ทำให้เขาอดตะลึงไม่ได้ นายท่านมีพลังแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?
เขามีพลังและวรยุทธ์เช่นวันนี้ได้ นอกจากถูกให้ความสำคัญจากตระกูลจึงได้รับการฝึกฝน และใช้ยาไปไม่น้อย ยังต้องฝึกนานกว่าหลายสิบปี แต่อายุกระดูกของนายท่าน คนที่มีสายตาเฉียบแหลมอย่างพวกเขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าโตกว่าทายาทรุ่นหลังในตระกูลของพวกเขาไม่มาก แต่อายุแค่นี้กลับมีวรยุทธ์ที่น่ากลัวขนาดนี้แล้ว
“คิดอะไรอยู่? ยังไม่รีบไปอีก?”
เฟิ่งจิ่วเหล่มองกู่เสียงที่กำลังครุ่นคิดอยู่ด้านหนึ่ง เธอเขย่งปลายเท้ากระโดดขึ้นไปบนขนนกเคลือบหลากสีอีกครั้ง “ไปกันเถอะ! ขอแค่พวกเราร่อนเร่ไปทั่ว ย่อมมีเหยื่อมาถวายตัวถึงที่เอง”
กู่เสียงได้ฟังก็มุมปากกระตุก ในที่สุดเขาก็รู้แล้ว เหตุใดนายท่านจึงไม่ใช้กระบี่บินที่ธรรมดาไม่สะดุดตา แต่กลับเอาพาหนะบินที่สะดุดตาอย่างขนนกหลากสีมาใช้ ที่แท้ก็อยากล่อศัตรูมาถวายตัวถึงที่นี่เอง!
ก็จริง คนที่อยู่ในนี้ ไม่ว่าใครเมื่อเกิดความละโมบ เห็นขนนกเคลือบหลากสีนี่แล้วจะต้องมาแย่งแน่ ผู้ฝึกวิชามารสองคนนั้นก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ? สุดท้าย สมบัติแย่งมไม่ได้ ตรงกันข้ามกลับต้องชดใช้ด้วยชีวิตของพวกเขาอีกต่างหาก
ทั้งสองเดินทางโดยใช้พาหนะบินไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้น เฟิ่งจิ่วกำชับกู่เสียง “ตลอดทางนี้เจ้าตามอยู่ในที่ลับก็แล้วกัน! เก็บซ่อนกลิ่นอายพลังของเจ้าเสีย อย่าให้ใครรู้ถึงการมีอยู่ของเจ้า ใช้ประโยชน์จากธนูในมือของเจ้าให้ดี”
กู่เสียงนิ่งอึ้ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ได้ หากนายท่านมีอะไรให้รับใช้ เพียงขานเรียกคำเดียวข้าก็จะปรากฏตัว” สิ้นเสียง เขาก็เก็บซ่อนกลิ่นอายพลัง จากที่แจ้งเปลี่ยนไปตามอยู่ที่ลับ
เฟิ่งจิ่วสำรวจดูหนึ่งรอบ พยักหน้าอย่างพอใจ สมแล้วจริงๆ ที่เป็นคนของตระกูลเร้นลับ วิชาการเก็บซ่อนกลิ่นอายเช่นนี้ไม่ใช่ใครก็สามารถทำได้ แม้แต่เธอหากไม่สำรวจดูอย่างละเอียด เดาว่าคงไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา
ดูท่า การได้เจอตระกูลนี้ถือว่าเธอเก็บของล้ำค่าได้แล้ว แม้จะเหลือเพียงสามสิบเก้าคน แต่ภายหน้าจะต้องใช้ประโยชน์ได้แน่
ตลอดทางพวกเขาสองคนคนหนึ่งอยู่ในที่แจ้งคนหนึ่งอยู่ในที่ลับ ดึงดูดผู้ฝึกวิชามารและผู้ฝึกเซียนปรากฏตัวเพื่อแย่งชิงอาวุธวิเศษของเธออย่างไม่ขาดสาย ทว่าสุดท้าย ล้วนถูกเฟิ่งจิ่วกับกู่เสียงสังหารจนสิ้น
สามวันต่อมา เมื่อเฟิ่งจิ่วกลับมาถึงป่าที่มีผู้ฝึกวิชาไร้สำนักอยู่ค่อนข้างเยอะอีกครั้ง เธอเก็บขนนกเคลือบแก้วหลากสี เปลี่ยนมาเป็นเดินเท้า เพียงแต่ในมือถือสุราไหหนึ่งไว้ เดินไปพลางดื่มไปพลาง ท่าทางผ่อนคลายสบายอารมณ์อย่างมาก
ครั้นเหล่าผู้ฝึกเซียนไร้สำนักมองเห็นเด็กหนุ่มชุดเขียวถือไหสุราเดินมาจากที่ไกลๆ ต่างก็ตะลึงงัน ยิ่งเพ่งมองก็ยิ่งตะลึง
เป็นเขา? เด็กหนุ่มชุดเขียวคนนั้น? เขาตามผู้ฝึกวิชามารสองคนนั้นไปที่ป่าอสูรไม่ใช่หรือ? นึกไม่ถึงว่าจะรอดกลับมาได้
ชั่วขณะหนึ่ง สายตาของทุกคนหันไปจับจ้องที่เฟิ่งจิ่ว เห็นเสื้อผ้าสีเขียวบนตัวเขาไม่มีคราบเลือดแม้สักนิดเพียงสกปรกจากเศษฝุ่นดินนิดหน่อยเท่านั้น แต่ตัวของเด็กหนุ่มยังดูไม่ต่างจากเจ็ดแปดวันที่แล้วเลยแม้แต่น้อย
หนำซ้ำ น้ำเต้าที่อยู่ในมือเขาใส่เหล้าไว้อย่างนั้นหรือ? พวกเขาที่อยู่ไกลๆ ก็ได้กลิ่นหอมของสุรานั่นแล้ว
เวลานี้ มีผู้ฝึกวิชามารคนหนึ่งจ้องน้ำเต้าสุราในมือของเฟิ่งจิ่ว เขาลุกขึ้นสาวเท้ายาวๆ มาขวางหน้าเธอ ถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยไอพิฆาตและแรงกดดัน “เฮ้ย! เจ้าหนู! เอ็งรอดกลับมาได้อย่างไร? อีกสองคนเล่า?”
เฟิ่งจิ่วหยุดเดิน เงาร่างที่โงนเงนทิ้งตัวพิงต้นไม้ข้างๆ เงยหน้าเหล่มองผู้ฝึกวิชามารคนนั้นแวบหนึ่ง…
………………………………….
ตอนที่ 2288 ดึงพรรคพวก
“อีกสองคนน่ะหรือ?” เธอพิงต้นไม้เขย่าน้ำเต้าสุราในมือเบาๆ หรี่ตา เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ ราวกับแมวน้อยที่นอนอาบแดดยามบ่าย ทั้งคนดูเกียจคร้านเฉื่อยชา
เธอเพียงชำเลืองมองผู้ฝึกวิชามารคนนั้น กระตุกมุมปากเผยยิ้มประหลาด ก่อนเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ตายแล้ว”
ผู้ฝึกวิชามารได้ยินคำตอบเช่นนั้น นัยน์ตาหดเล็กลง “เจ้าฆ่าพวกเขา?”
เฟิ่งจิ่วดื่มสุราหนึ่งอึก ตอบว่า “เปล่า พวกเขาตายอยู่ภายใต้กรงเล็บของสัตว์ร้าย ข้ามองดูพวกเขาถูกสัตว์ร้ายฝูงหนึ่งฉีกร่างเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กัดแทะศพจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก”
สิ้นเสียง ทุกคนที่อยู่แถวนั้นต่างก็สูดหายใจ ต่างก็หันไปมองเด็กหนุ่มชุดเขียวเป็นตาเดียว ผู้ฝึกวิชามารสองคนนั้นตายแล้ว? งั้นเขารอดกลับมาได้อย่างไร?
ฟังจากที่เขาเล่า ขณะที่ผู้ฝึกวิชามารสองคนนั้นถูกฝูงสัตว์ร้ายล้อมโจมตีฉีกร่างเป็นชิ้นๆ เขาก็อยู่ไม่ไกลงั้นหรือ? นึกมาถึงตรงนี้ ทุกคนมีสีหน้าแตกต่างกันไป สายตาแต่ละคู่จับจ้องเฟิ่งจิ่วอย่างสำรวจและพิจารณา
ผู้ฝึกวิชามารที่ได้ยินประโยคนี้ก็อดหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้ ถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว เดิมคิดจะหาเรื่องจัดการเจ้าเด็กนี่ เวลานี้กลับอดลังเลขึ้นมาไม่ได้
เขาจ้องเด็กหนุ่มชุดเขียวอยู่ครู่หนึ่ง เห็นเขาสีหน้าเฉื่อยชา ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายเกียจคร้าน ไร้ความหวาดกลัว ราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา เห็นดังนั้น เขาจึงถอยกลับไปเงียบๆ ไม่กล้าทำอะไรเด็กหนุ่มอีก
เฟิ่งจิ่วนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ ดวงตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งกวาดมองสำรวจคนพวกนั้นอย่างแนบเนียน สังเกตสีหน้าของทุกคนอย่างชัดเจน ก่อนจะหยุดจ้องอยู่ที่ผู้ฝึกเซียนที่เธอหมายตาไว้เมื่อหลายวันก่อน
ผู้ฝึกเซียนระดับปราชญ์เซียน ทั่วร่างมีแต่ไอพิฆาต ร่างกายกำยำล่ำสัน คนอย่างนี้สมควรถูกดึงมาเป็นพรรคพวกของเธอ เพียงแต่ยังขาดโอกาสที่จะกำราบเขาเท่านั้น
แทนที่จะเข้าไปดึงพวกเขามาทีละคน ไม่สู้ทำให้พวกเขามาตามหาเธอเองดีกว่า
ครั้นคิดได้ เธอก็นั่งขัดสมาธิใต้ต้นไม้ หยิบเนื้อย่างชิ้นหนึ่งออกจากห้วงมิติมากิน พลางดื่มสุราแกล้มไปด้วย ช่างดูสุขสันต์อย่างมาก
เหล่าผู้ฝึกเซียนที่อยู่รอบๆ เมื่อได้กลิ่นหอมของเนื้อย่าง ต่างก็อดหันไปมองเด็กหนุ่มชุดเขียวอีกครั้งไม่ได้ ยามเห็นภาพนั้น มุมปากก็กระตุก
เจ้านั่นตั้งใจสินะ? พวกเขาล้วนไม่ได้ดมกลิ่นหอมของเนื้อย่างนี้มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว เขากลับมีสุรามีเนื้อ ซ้ำร้ายยังนั่งกินอย่างโจ่งแจ้งอยู่ตรงนั้น ดูจนพวกเขาต้องกลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า
พยายามควบคุมตนเองให้หันไปมองทางอื่นไม่ต้องสนใจเขา แต่กลิ่นหอมของเนื้อกลับกระจายไปทั่วอากาศ ทำให้พวกเขาอดสูดหายใจลึกๆ ไม่ได้ เพียงแต่ ยิ่งดมกลิ่นหอมของเนื้อ เดิมทีท้องที่รู้สึกว่ายังไม่หิวกลับร้องโครกครากขึ้นมาอย่างไม่รักดี
เสียงท้องร้องที่ดังราวกับเสียงตีกลองดังไม่ขาดสาย ทุกคนแม้จะปั้นหน้าเคร่งเครียด แต่หลายคนกลับมีแววกระอักกระอ่วนพาดผ่านดวงตา ร้ายดีอย่างไรพวกเขาก็เคยเป็นคนแถวหน้ามาก่อน แต่ตอนนี้ แค่เนื้อย่างชิ้นเดียวก็ทำให้พวกเขาเสียภาพลักษณ์ได้แล้ว
ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ จะให้พวกเขาทิ้งภาพพจน์แล้วไปแย่งอาหาร ก็ยังรู้สึกว่ารับตนเองไม่ไหว ด้วยเหตุนี้ ผู้ฝึกวิชามารและคนชั่วพวกนั้นจึงหน้าดำคร่ำเครียด จ้องมองเฟิ่งจิ่วที่กำลังสบายอกสบายใจด้วยแววตาขึ้งเคียด ต่างก็คิดในใจขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ‘หาโอกาสฆ่าไอ้หนูนั่นเสีย เชื่อว่าในห้วงมิติของเขาจะต้องยังมีของกินอยู่อีกแน่!’
“ข้าตั้งใจว่าจะสร้างกองกำลังขึ้นมากองหนึ่ง ในหมู่พวกเจ้ามีคนสนใจหรือไม่?” เฟิ่งจิ่วเอ่ยปากถามตรงๆ สายตากวาดมองผ่านผู้ฝึกเซียนพวกนั้น
………………………………….