เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2019 ตกใจ ตอนที่ 2020 จำได้แล้ว
ตอนที่ 2019 ตกใจ ตอนที่ 2020 จำได้แล้ว
ตอนที่ 2019 ตกใจ
หากเป็นศัตรู ฝานอี้ซิวก็ควรส่งสัญญาณมา แต่ด้านหน้าไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษ แสดงว่าเป็นคนรู้จักงั้นหรือ?
เธอจะใช้ดวงจิตสำรวจดูก็ได้ แต่ดวงจิตที่แม้แต่เธอยังสัมผัสได้ว่าแข็งแกร่งเพียงใด เธอย่อมไม่อาจใช้ดวงจิตสำรวจอีกฝ่ายได้ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้อีกฝ่ายสงสัยได้
ส่วนจะเป็นใครนั้น? เธอเชื่อว่าอีกไม่นานก็ได้รู้
ส่วนตอนนี้ฮุ่นหยวนจื่อที่อยู่ด้านหน้าฟังฝานอี้ซิวเล่าเรื่องที่พวกเขาเจอหลังจากที่เข้ามาในป่าภูเขาไฟจบแล้ว เขาพยักหน้า เอ่ยกับเขา “พวกเจ้าก็โชคดีกันจริงๆ พวกข้าเข้ามาในนี้หลายวันแล้วยังไม่เจอกลุ่มทหารรับจ้างแมงป่องเลย พวกเจ้ากลับเข้ามาในนี้ได้ไม่นานก็เจอพวกเขารุมโจมตีแล้ว
จิ๊ๆ จะว่าไปแล้วเรื่องโชคชะตานี่ก็คาดเดาไม่ได้เลยจริงๆ นึกไม่ถึงพวกเจ้าไปเจอกลุ่มทหารรับจ้างแมงป่องมาแต่กลับไม่ตายสักคน แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ดูท่า มนุษย์เราควรจะมีโชคติดตัวบ้างจริงๆ!”
ขณะเอ่ยก็หันไปมองจัวจวินเยวี่ย บ่นว่า “เจ้าดูโชคของคนอื่นเขา แล้วดูโชคของตนเองสิ จิ๊ๆ”
จัวจวินเยวี่ยมองชายชราด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนละสายตาออกไปเงียบๆ อย่างขี้คร้านจะสนทนากับเขา
“จะว่าไปแล้วก็โชคดีที่มีเสี่ยวจิ่วอยู่ ไม่อย่างนั้นพวกข้าคงยากจะรอดพ้นจากเคราะห์กรรมครั้งนี้มาได้” ฝานอี้ซิวเอ่ย มองชายชราตรงหน้า ถามว่า “ท่านบุพพาจารย์ ท่านมาหาศิลาเพลิงหรือขอรับ? เช่นนั้นเชิญท่านมาร่วมเดินทางกับพวกเราด้วยได้หรือไม่ขอรับ?”
เอ่ยมาถึงตรงนี้ เขาก้มหน้าด้วยความละอาย “ศิษย์เพิ่งรู้ตัวเมื่อมาถึงที่นี่ว่าพลังของศิษย์แค่จะปกป้องตนเองยังยาก ยามนี้ยังมีเหล่าศิษย์น้องติดตามมาด้วย หากย้อนกลับไปก็ไม่อาจเอาศิลาเพลิงกลับไปให้ท่านอาจารย์ตามคำสั่งได้อีก แต่หากจะเดินหน้าต่ออีกก็กลัวว่าพวกศิษย์อาจต้องตายอยู่ที่นี่ ฉะนั้น ฉะนั้น…”
ฮุ่นหยวนจื่อลูบหนวด กลับไม่ได้ตกปากรับคำ เพียงมองชายหนุ่มที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ ถามว่า “จวินเยวี่ย เจ้าเห็นว่าอย่างไร?”
“ตามใจ” เขาเอ่ยสั้นๆ ไม่พูดอะไรว่า
ฮุ่นหยวนจื่อครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้! อย่างไรพวกข้าก็มีกันเพียงสองคน โดยเฉพาะเจ้าหนูนี่ไม่ต่างจากท่อนไม้ พูดให้มากหน่อยก็ไม่เป็น อยู่กับเขาแล้วอึดอัดนัก”
ได้ยินอย่างนั้น ฝานอี้ซิวรีบกล่าวขอบคุณด้วยความลิงโลด “ขอบพระคุณท่านบุพพาจารย์ ขอบคุณท่าน…” จู่ๆ เขาก็นึกได้ว่าท่านบุพพาจารย์เหมือนจะยังไม่ได้แนะนำว่าคนผู้นี้เป็นใคร
“เขาแซ่จัว ชื่อจวินเยวี่ย” ฮุ่นหยวนจื่อบอก แต่ก็ไม่ได้แนะนำไปมากกว่านั้น
“ขอบคุณคุณชายจัว” เขารีบคารวะ ก่อนหันไปมองคนพวกนั้นที่อยู่รอบๆ
“ไม่ต้องไปสนใจคนบนพื้น ถึงไม่ตายก็ทำอันตรายอะไรไม่ได้แล้ว ไปเถิดๆ!” ฮุ่นหยวนจื่อโบกมือ สั่งให้เขาเดินนำทาง
ขณะเดียวกัน คนตระกูลไฉ่และศิษย์สำนักดาราจักรเห็นฝานอี้ซิวไม่กลับมาเสียที ต่างอดเป็นห่วงไม่ได้
“เหตุใดนานขนาดนี้แล้วยังไม่กลับมาอีก? คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นหรอกกระมัง?”
“ถ้าอย่างไร ข้าไปดูหน่อย”
“ไม่ต้อง พวกเจ้าดูนั่น เขากลับมาแล้ว แต่สองคนนั้นเป็นใครกัน?” หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น มองดูชายชราและชายหนุ่มที่เดิมตามหลังมา
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่นั่งดื่มน้ำอยู่ใต้ต้นไม้เหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจ ทว่ายามเห็นชายชราและชายหนุ่มที่ตามกลับมาด้วย เธอแทบสำลักน้ำ
“แค่กๆ!”
เธอยกมือตีหน้าอก พลางรีบวิ่งอ้อมไปหลบหลังต้นไม้ พอเริ่มหายใจหายคอได้ก็ปิดฝาถุงใส่น้ำแล้วเก็บใส่ห้วงมิติ จากนั้นก็ชะโงกหน้าออกไปดูสองคนนั้น
ไม่ผิดแน่! นั่นมันฮุ่นหยวนจื่อกับผู้ชายที่ชื่อจัวจวินเยวี่ย? สองคนนั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ซ้ำยังบังเอิญมาเจอกันอย่างนี้ด้วย?
………………………………….
ตอนที่ 2020 จำได้แล้ว
เธอลูบหน้าตนเอง แม้ใบหน้านี้จะผ่านการแปลงโฉมมาแล้ว แต่ครั้งก่อนตอนเจอชายชรา เหมือนว่าเธอจะใช้ใบหน้านี้อยู่ หนำซ้ำเธอมั่นใจว่าถึงเธอจะใช้อะไรมาทาหน้าเพื่อปกปิดใบหน้า แต่หากเจอชายชราจะต้องถูกจำได้แน่ เพราะอย่างไรร่างเทพประทับของเธอก็ไม่มีทางเล็ดลอดสายตาของชายชราไปได้อยู่ดี!
หนี?
แล้วจะหนีไปไหนเล่า? อุตส่าห์แฝงตัวเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้อย่างยากลำบาก หนำซ้ำตอนอยู่ในกลุ่มนี้ยังผ่านเรื่องอะไรมาด้วยกันมากมาย จะให้หนีไปตอนนี้เธอก็เสียดายนี่นา! แต่หากไม่หนีแล้วถูกจำได้ ชายชราไม่มีทางปล่อยเธอไปง่ายๆ แน่
ชั่วขณะหนึ่ง เธอรีบใช้สมองอย่างรวดเร็ว เวลานี้เอง ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหน้าแว่วๆ
“คุณชายรองไฉ ท่านผู้นี้คือฮุ่นหยวนจื่อ บุพพาจารย์ของพวกเรา ส่วนท่านนี้คือคุณชายจัว” ฝานอี้ซิวแนะนำให้พวกเขารู้จัก
คนตระกูลไฉครั้นได้ยินว่าเป็นฮุ่นหยวนจื่อจากสำนักดาราจักราต่างก็ตื่นเต้นตาเป็นประกาย “ไม่นึกเลยว่าจะเป็นท่านเซียนฮุ่นหยวน เสียมารยาทแล้วๆ ข้าคือ…”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคุณชายรองไฉแนะนำตนเองด้วยอารามตื่นเต้น แล้วยังสั่งให้คนในตระกูลข้างหลังก้าวออกมาคารวะ จากนั้นก็เอ่ยคำเลื่อมใสมากมาย สุดท้ายกลับถูกตาเฒ่านั่นตัดบท
“เอาล่ะๆ ข้าได้ยินว่าที่นี่มีเด็กหนุ่มที่ชื่อเสี่ยวจิ่ว? คนไหนรึ?” ฮุ่นหยวนจื่อกวาดตามองรอบๆ กลับไม่เห็นเด็กหนุ่มคนไหนที่โดดเด่นสะดุดตา
“อ้อ เสี่ยวจิ่วหรือ? เมื่อครู่เสี่ยวจิ่วพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้” คุณชายรองไฉตอบ พลางชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลพร้อมรอยยิ้ม แต่กลับพบว่าตรงนั้นไร้เงาร่างของเด็กหนุ่มแล้ว เขาชะงักงัน หันกลับมายิ้มบอกฮุ่นหยวนจื่อ “ดูท่าเสี่ยวจิ่วน่าจะเหนื่อย คงนอนพิงต้นไม้หลับไปแล้ว”
“อ้อ? งั้นหรือ?” ฮุ่นหยวนจื่อชะโงกหน้ามองไป เห็นชายเสื้อสีเขียวโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ ยิ่งนึกสงสัย เจ้าหนูนั่นน่ะหรือที่คิดแผนการช่วยทุกคนที่นี่ไว้?
เขาก้าวเข้ามาทีละก้าวๆ จนมาถึงหลังต้นไม้ แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง ยกมืออันสั่นเทาชี้ไปที่เด็กหนุ่มชุดเขียวที่กำลังหลับสบาย “จะ เจ้า เจ้า! นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้าเด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้า!”
จัวจวินเยวี่ยที่ใบหน้าไร้อารมณ์มาโดยตลอดเห็นอย่างนั้นก็สายตาไหวระริก เขามองฮุ่นหยวนจื่อแวบหนึ่งแล้วก้าวเข้ามาดูข้างต้นไม้ จากนั้นก็ชะงักงันไปเล็กน้อย
เด็กหนุ่มคนนี้ใบหน้าหล่อเหลา แต่ไม่ถึงกับสะดุดตานัก ทว่าเครื่องหน้าทั้งหน้าสมส่วนน่ามอง อีกทั้งหว่างคิ้วนั้นยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย กอปรกับฮุ่นหยวนจื่อเรียกเด็กหนุ่มว่าเด็กเมื่อวานซืน เขาราวกับนึกอะไรออก หน้าตาดูแปลกประหลาดขึ้นมา
พวกฝานอี้ซิวล้อมวงเข้ามา คุณชายรองไฉมองฮุ่นหยวนจื่อ ก่อนถามด้วยความสงสัย “ท่านเซียนรู้จักเสี่ยวจิ่วหรือ?” ถามจบ ก็รู้สึกว่าคำถามของตนเองไม่เหมาะสม เดิมทีเสี่ยวจิ่วก็อยู่กับพวกฝานอี้ซิวอยู่แล้ว ในเมื่อล้วนเป็นคนของสำนักดาราจักร ก็น่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว
ทว่าคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าไม่ถูกอีก ฮุ่นหยวนจื่อผู้นี้เป็นคนหาตัวจับยาก ตำแหน่งในสำนักดาราจักรสูงส่งไม่ธรรมดา จะรู้จักศิษย์ตัวเล็กๆ คนหนึ่งได้อย่างไรกัน? แต่เหมือนเขาจะเคยคบค้าสมาคมกับเสี่ยวจิ่ว
คบค้าสมาคม? นึกมาถึงตรงนี้ เขาอดส่ายหน้ากับตนเองไม่ได้ คนหนึ่งเป็นดุจภูเขาไท่ซานในสำนัก คนหนึ่งเป็นเพียงศิษย์ตัวเล็กๆ คนอย่างนี้สองคนจะคบค้าสมาคมอะไรกันได้?
“ท่านบุพพาจารย์รู้จักเสี่ยวจิ่วหรือขอรับ?”
ฝานอี้ซิวเองก็ทำหน้าสงสัยเช่นกัน เขามองเด็กหนุ่มที่กำลังพิงต้นไม้หลับอยู่ คิดในใจ เสี่ยวจิ่วเป็นศิษย์ในตระกูลไฉ ซ้ำยังเป็นเพียงญาติด้วย ท่านบุพพาจารย์ของพวกเขารู้จักเขาได้อย่างไรกัน?
………………………………….