เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1999 ข่าวของหานหรง ตอนที่ 2000 ไปลำพัง
ตอนที่ 1999 ข่าวของหานหรง ตอนที่ 2000 ไปลำพัง
ตอนที่ 1999 ข่าวของหานหรง
ครั้นกู้เซียงอี๋พันแผลเสร็จแล้วเดินออกมา เขาได้ยินพ่อของเขากำลังถามภูตหมออยู่พอดีว่าเหตุใดจึงอยากทำการค้ากับพวกเขา ตอนได้ยินคำถามนั้นเขาชะงักเท้า เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงอยากร่วมมือกับพวกเขา
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ยิ้มๆ เอ่ยว่า “แน่นอนว่าเป็นเพราะเล็งเห็นความซื่อตรงและน่าเชื่อถือของตระกูลกู้”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้นำตระกูลกู้จ้องนางด้วยสายตาลึกซึ้ง “เป็นเกียรติที่ภูตหมอเล็งเห็นความสำคัญของเรา ท่านวางใจ ตระกูลกู้ของเราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า “เช่นนั้นก็หาเวลาหารือกันเรื่องงานอีกที”
“ได้” ผู้นำตระกูลหันมองลูกชายที่เดินออกมา เห็นสีหน้าเขาซีดกว่าตอนแรก ก็รีบเดินมาหยุดข้างกายเขา “เซียงอี๋ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“ข้าไม่เป็นไร ท่านพ่อ” กู้เซียงอี๋ตอบ หันมองเฟิ่งจิ่ว “ภูตหมอ เช่นนั้นวันหน้าข้าค่อยมาเยี่ยมเยือน”
เฟิ่งจิ่วเผยยิ้ม จากนั้นก็หันไปมองเหลิ่งหวา “ออกไปส่งทั้งสองท่านแทนข้าที”
“ผู้นำตระกูลกู้ คุณชายกู้ เชิญทางนี้” เขาทำท่าผายมือ จากนั้นก็พาพวกเขาออกไป
“ขอตัว” ทั้งสองกล่าวลา ก่อนจะหันตัวเดินออกไป
ไม่นาน เหลิ่งหวาก็กลับมา “นายท่าน พวกเขากลับไปแล้วขอรับ”
“อืม” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ก็เห็นหลัวอวี่เดินเข้ามา “นายท่าน ข้ามีข่าวแล้ว”
“หืม? ข่าวอะไร?”
“หานหรงที่นายท่านสั่งให้ไปสืบอย่างไรเล่า ข้ามีข่าวของเขาแล้ว”
หลัวอวี่เอ่ย เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนายท่านหายไป จึงรายงาน “เขากลายเป็นคนของพรรคมารแล้วจริงๆ อีกอย่างข้าได้ยินมาว่าพักนี้เขาอาจไปที่ป่าภูเขาไฟมา เพื่อไปเก็บของล้ำค่าที่เกิดจากภูเขาไฟธรรมชาติอย่างหนึ่ง หากต้องการฆ่าเขา นี่กลับเป็นโอกาสดี”
ตั้งแต่นายท่านกลับมาก็สั่งให้คนลอบสืบข่าวของหานหรงอย่างลับๆ ตอนนี้ถึงเพิ่งมีข่าวคราว หานหรงผู้นั้นทำให้คนของตระกูลเฟิ่งลำบากถึงเพียงนี้ เขาเชื่อว่าเมื่อนายท่านรู้ข่าวนี้จะต้องไม่ปล่อยให้หานหรงรอดไปได้แน่นอน
“ป่าภูเขาไฟ? หึๆ…”
เธอยิ้มๆ นัยน์ตากลับไร้ซึ่งรอยยิ้ม เธอเดินไปเดินมาอยู่ในลานสวน ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอสั่งว่า “เหลิ่งหวา เมื่อถึงเวลาเจ้าเจรจาเรื่องงานกับตระกูลกู้ก็แล้วกัน พวกเจ้าดูแลหอยาสวรรค์ด้วย ตอนนี้คนทั่วไปไม่น่ามาหาเรื่องเราแล้ว ข้าจะไปที่ป่าภูเขาไฟสักครั้ง ถึงตอนนั้นข้าจะให้หงส์ไฟคอยอยู่ที่นี่ด้วย”
ได้ยินอย่างนั้นพวกเขามองหน้ากันแวบหนึ่ง หลัวอวี่ถามว่า “นายท่าน เหตุใดไม่สั่งให้พวกเราไป? พวกเราเคยเห็นภาพเหมือนของเขา จำได้ว่าหานหรงหน้าตาเป็นอย่างไร หาพวกเราไปแล้วนายท่านอยู่ที่นี่จะไม่ดีกว่าหรือ?”
“หากหานหรงรับมือได้ง่ายๆ ก็คงไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้” เฟิ่งจิ่วกระตุกมุมปาก แสยะยิ้มเย็นชา “ตั้งแต่ที่เขาแย่งร่างผู้อื่นมา และรู้ว่าคนของข้าและตำหนักยมชราชกำลังตามหาเขา เขาก็ไม่ค่อยออกมาข้างนอก ส่วนใหญ่จะอยู่ข้างกายจอมมารผู้นั้นตลอด ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสสังหารคนคนนี้แล้ว ข้าย่อมต้องไปจัดการเขาด้วยตนเอง
ด้วยความเจ้าเล่ห์ของหานหรง แม้พวกเจ้าไปข้าก็คงไม่วางใจ เรื่องนี้ข้าต้องไปสะสางด้วยตนเอง พอดีข้าจะได้ดูว่าสมบัติที่พ่นออกมาจากภูเขาไฟนั่นคืออะไร หากมีประโยชน์ จะได้เอากลับมาด้วย”
เธออธิบายเสียงแช่มช้า มองพวกเขาแวบหนึ่ง ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “หากมีเรื่องใดที่แก้ปัญหาไม่ได้ก็ให้ไปหาโม่เฉิน ช่วงนี้ข้าจะขอให้เขาช่วยดูแลหอยาสวรรค์”
“นายท่าน หากนายท่านตัดสินใจที่จะไปด้วยตนเอง ไม่สู้เชิญคุณชายโม่เฉินให้ติดตามไปด้วยดีหรือไม่? พวกข้าจะได้วางใจด้วย หากท่านไปผู้เดียว พวกข้ากลัวว่า…”
………………………………….
ตอนที่ 2000 ไปลำพัง
“ไม่ต้อง ข้าไปคนเดียวเคลื่อนไหวสะดวกกว่า ยิ่งไปกว่านั้น โม่เฉินเป็เหมือนไข่มุกที่ส่องแสงในยามราตรี เดินไปที่ใดล้วนสะดุดตา ให้เขาตามข้าไปด้วยก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัว” เธอเอ่ยยิ้มๆ ด้วยหน้าตาและบุคลิกที่เหมือนเทพเซียนของโม่เฉิน ง่ายต่อการซุกซ่อนปิดบังเสียที่ไหน?
“แต่ว่า…” พวกเขายังอยากเกลี้ยกล่อมเธอ แต่กลับถูกห้าม
“เอาล่ะ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเป็นห่วงอะไร วางใจเถิด! ข้าไม่ได้ออกเดินเพียงลำพังเป็นครั้งแรกเสียหน่อย” เธอโบกมือเป็นเชิงให้พวกเขาหยุดพูด จากนั้นก็เอ่ยกับหลัวอวี่ “เจ้าเรียบเรียงข้อมูลและข่าวสารให้เรียบร้อย ตอนค่ำเอามาส่งให้ข้า”
“ขอรับ” หลัวอวี่รับคำ ก่อนจะหันตัวเดินออกไป
“หากระหว่างที่ข้าไม่อยู่มีคนมาขอซื้อยาเม็ดหรือยาน้ำ พวกเจ้าจัดการตามเห็นสมควรได้เลย หากจัดการไม่ได้ก็รอข้ากลับมาแล้วค่อยว่ากัน” เฟิ่งจิ่วหันไปกำชับตู้ฝานกับเหลิ่งหวา
“ขอรับ” ทั้งสองรับคำ
หลังกำชับเสร็จ เธอก็ขึ้นไปที่ชั้นใต้หลังคา หยิบแกนเคลื่อนย้ายออกมาจากห้วงมิติ เพ่งมองข้างในเพื่อหาตำแหน่งของป่าภูเขาไฟ ครั้นหาเจอก็อดยิ้มไม่ได้
“เจ้าสิ่งนี้นับเป็นสมบัติล้ำค่าจริงๆ ไปไหนมาไหนสะดวกยิ่งนัก” เธอพึมพำเบาๆ ไม่นานก็ฉุกคิดขึ้นได้ ไม่รู้ว่าในนี้จะมีสถานที่ที่อยู่นอกมหาสมุทรบ้างหรือไม่?
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่เธอเพ่งมองอย่างละเอียด กลับพบว่าในแกนเคลื่อนย้ายไม่มีพื้นที่นอกมหาสมุทรอยู่ ทว่ากลับมีสถานที่อย่างพวกราชวงศ์เฟิ่งอยู่
“ไม่มีพื้นที่นอกมหาสมุทร แต่กลับมีราชวงศ์เฟิ่งหวง แสดงว่าหากจะกลับไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก” เธอพึมพำกับตนเอง หยิบแกนเคลื่อนย้ายขึ้นมามองดู สุดท้ายก็เก็บกลับเข้าไปในห้วงมิติ
หลังจากที่เธอสะสางงานในหอยาสวรรค์เสร็จ กอปรกับวางแผน กระทั่งยามหัวค่ำ หลัวอวี่นำข้อมูลที่เรียบเรียงเสร็จแล้วมาส่งให้เธอ เธอกำชับเขา จากนั้นตนเองก็กลับไปที่จวนเฟิ่ง สั่งให้คนไปส่งข่าวที่ตระกูลน่าหลันพรุ่ง ให้โม่เฉินมาที่จวนเฟิ่ง
เช้าตรู่วันต่อมา โม่เฉินมาที่จวนเฟิ่ง มาถึงลานด้านในโดยมีเหลิ่งซวงคอยนำทาง มองดูสุราอาหารที่จัดวางไว้บนโต๊ะ รวมถึงเฟิ่งจิ่วที่นั่งอยู่ตรงนั้นกำลังส่งยิ้มมาให้เขา นัยน์ตาของเขาไหวระริก ยิ้มๆ เดินเข้าไปหา
“วันนี้เป็นวันอะไร? ไม่นึกว่าจะเชิญข้ามาดื่มสุราที่จวนเช่นนี้?”
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือจะเลี้ยงสุราท่าน? เหล่านี้ล้วนเป็นของสะสมของข้า” เฟิ่งจิ่วเอ่ยยิ้มๆ รินสุราให้เขาหนึ่งถ้วย ขณะเดียวกันก็กล่าวหยอกล้อ “ท่านวางใจ สุราของข้าไม่ได้ดื่มสามจอกล้ม ดื่มอย่างสบายใจได้”
ได้ยินอย่างนั้น โม่เฉินหัวเราะ เขาสะบัดแขนเสื้อนั่งลง เอ่ยว่า “เจ้าพูดมาตรงๆ ดีกว่า! หากเจ้าไม่พูดกับข้าให้รู้เรื่องก่อน วันนี้ข้าคงดื่มสุราอย่างสบายใจไม่ได้!”
เฟิ่งจิ่วนัยน์ตาแฝงยิ้ม เอ่ยว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ข้าจะไม่อยู่สักพัก อยากขอให้ท่านช่วยดูแลหอยาสวรรค์หน่อย”
“อ้อ? เจ้าจะไม่อยู่หรือ? ไปไหน?” เขาประหลาดใจ เซวียนหยวนโม่เจ๋อเพิ่งออกเดินทางไม่กี่วัน เหตุใดนางก็จะไปด้วยแล้วเล่า?
“ไปสะสางเรื่องบางอย่างในป่าภูเขาไฟ” เธอยกสุราขึ้นจิบ “อีกไม่กี่วันก็จะออกเดินทาง”
“เจ้าคิดจะไปลำพัง?”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “เรื่องใดกันถึงให้คนของเจ้าไปจัดการแทนไม่ได้? ถึงขั้นต้องไปด้วยตนเอง? หากเจ้าไปเองก็น่าจะพาคนไปด้วย อยู่ข้างนอกลำพังหากเกิดอะไรขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะอธิบายกับผู้ชายใจแคบผู้นั้นอย่างไร?”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา “หากท่านพูดเช่นนี้ต่อหน้าเจ๋อ ข้าเดาว่าพวกท่านต้องลงไม้ลงมือกันแน่ๆ”
………………………………….