เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1977 จุดจบ ตอนที่ 1978 แค่ร้ายกาจเสียที่ไหน
ตอนที่ 1977 จุดจบ ตอนที่ 1978 แค่ร้ายกาจเสียที่ไหน
ตอนที่ 1977 จุดจบ
ในเสี้ยวขณะนี้ เสียงพลังกระบี่แหวกผ่านกลางอากาศพลันดังขึ้น ทุกคนได้สติหันมองไป เห็นเพียงเงาร่างหนึ่งแดงเงาร่างหนึ่งเทาโฉบไหวอย่างรวดเร็วราวกับลำแสง ความเร็วนั่นเร็วจนพวกเขามองไม่เห็นท่าร่างของสองคนนั้น เห็นเพียงแรงกดดันในกระแสอากาศค่อยๆ จางไป ทำให้พวกเขาที่แม้จะถอยออกไปห่างแล้วก็ยังรู้สึกหายใจไม่ออก
ท่ามกลางเงากระบี่ พวกเขาเห็นเปลวไฟพวยพุ่งออกจากกระบี่ยาวในมือหญิงสาวชุดแดง เปลวไฟพันล้อมรอบกระบี่ยาวส่งเสียงคำราม ดุจอสูรกายดุร้ายตนหนึ่งก็ไม่ปาน
ในเสี้ยวนาทีที่เธอตวัดกระบี่ออกไป เปลวเพลิงที่พวยพุ่งออกจากกระบี่คมพลันแปรเปลี่ยนเป็นอสูรกายอ้าปากกว้างพุ่งทะยานไปหาศัตรู
“วูบ! กรรซ์!”
ท่ามกลางกระแสอากาศอันแข็งแกร่ง คล้ายยังได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้าย ยามชายชราชุดเทาเห็นเปลวเพลิงหลอมรวมกลายเป็นสัตว์ร้ายอ้าปากกว้างพุ่งมาทางเขา เขาเองก็ตกตะลึงพรึงเพริด รีบใช้กระบี่ยาวในมือต้านรับและถอยหลังอย่างรวดเร็ว ทว่าแม้อย่างนั้น มือข้างที่ถือกระบี่ของเขาก็ยังสั่นสะเทือนจนรู้สึกชา ความเจ็บปวดแผ่ซ่านมา จนแทบรั้งกระบี่ในมือไว้ไม่อยู่
เขาไม่กล้าประมาทต้านรับตรงๆ ทว่ารวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณสิบส่วนในร่างกายเข้าด้วยกัน มือหนึ่งรวบรวมพลังกลายเป็นฝ่ามือลมซัดใส่เฟิ่งจิ่ว “ฝ่ามือทะลวงใจ!”
ฝ่ามือลมซัดออกไปอย่างรุนแรงพร้อมกับกลิ่นอายพลังวิญญาณที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กลิ่นอายพลังวิญญาณกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ปรากฏอยู่กลางอากาศ ซัดไปทางเฟิ่งจิ่วอย่างรุนแรง คล้ายต้องการจะเอาชีวิตเธอด้วยฝ่ามือนี้
ผู้คนที่มุงดูอยู่เบื้องล่างต่างกลั้นหายใจ ในขณะที่พวกเขาคิดว่าผู้หญิงชุดแดงคนนั้นหลบไม่พ้นแน่ กลับเห็นนางไม่แม้แต่จะคิดหลบเลี่ยง ทว่ายกมือหนึ่งขึ้นมารวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณแล้วซัดกำปั้นออกไป
“หมัดเพลิงอเวจี!”
เสียงเย็นใสดังก้อง กำปั้นขนาดใหญ่ที่เกิดจากเปลวเพลิง และกลิ่นอายพลังวิญญาณถูกซัดออกไปกลางอากาศหลังจากที่เฟิ่งจิ่วเหวี่ยงกำปั้นออกไป เสียงหมัดเพลิงแหวกอากาศดังสะท้าน รวมถึงความดุดันของแรงกดดันขุมนั้น กลับทลายฝ่ามือลมของศัตรูได้ในพริบตา
“วืด! บึ้ม!”
ฝ่ามือลมกับกำปั้นเพลิงปะทะกัน เกิดเป็นเสียงกระแสอากาศดังวูบวาบ ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสะนั่น กระแสพลังของสองผู้แข็งแกร่งสลายหายไปหลังปะทะกัน ท่ามกลางอากาศ กลิ่นอายพลังวิญญาณสะท้านออกไปเหมือนริ้วน้ำที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ทว่า กำปั้นที่เฟิ่งจิ่วซัดออกไปกลับไม่หยุดเพียงเท่านั้น แต่กลับซัดตรงไปหาชายชราอีก กำปั้นเพลิงซัดใส่หน้าอกเขาเต็มๆ เพียงพริบตา เปลวเพลิงได้โอบล้อมร่างกายชองชายชรา ก่อนที่เปลวเพลิงจะลุกลามแผดเผาอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว…
“พลั่ก!”
“อึก! อ๊าก…”
เสียงกระแทกแรงๆ ดังสนั่น ไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงโหยหวนของชายชราดังก้องฟ้า
ยามเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหนืออากาศ ผู้คนที่อยู่ด้านล่างตะลึงตาค้าง ต่างพูดกันว่ายอดฝีมือประมือกันตัดสินแพ้ชนะได้เพียงพริบตา วันนี้ พวกเขาถือว่าได้เห็นกับตาตนเองแล้ว
นี่แทบไม่ได้สู้อะไรเลย เพียงกระบวนท่าเดียว ก็สังหารศัตรูได้ในพริบตาแล้ว!
อีกสามคนที่เหลือหลังจากเห็นท่าไม่ดี หน้าพลันเปลี่ยนสีครั้งใหญ่ ชายชราเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหิน ทว่าหลังจากถูกกำปั้นเพลิงลูกนั้นซัดใส่ ร่างกายร่วงตกสู่พื้น ลมปราณในร่างกายพลุ่งพล่าน ส่งผลให้กระอักเลือดออกมาคำโต กลิ่นอายรอบกายพลันอ่อนลงอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาคนที่มีพลังแข็งแกร่งเช่นนั้นกลับตกอยู่ในสภาพหายใจรวยริน ขนาดเขายังเป็นเช่นนั้น แล้วพวกเขาจะยังรอดชีวิตได้อีกหรือ?
“ไป!”
สามคนนั้นตะโกน ตั้งใจจะหนีออกไปจากที่นี่อย่างสุดชีวิต นึกไม่ถึง ขณะที่พวกเขาหมุนตัวหมายจะหนี กลับเห็นว่าชายชุดดำสิบกว่าคนพวกนั้นไม่ได้ขวางทางพวกเขา แม้แต่ผู้หญิงชุดแดงผู้นั้นก็ไม่ได้เอ่ยปากเหนี่ยวรั้ง
………………………………….
ตอนที่ 1978 แค่ร้ายกาจเสียที่ไหน
เห็นอย่างนั้น พวกเขาสงสัยยิ่งนัก ทว่ากลับไม่กล้ารั้งอยู่ ได้แต่รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองคนพวกนั้นแวบหนึ่ง ก่อนจะละสายตากลับอย่างไม่ยี่หระ เธอยืนสง่าอยู่กลางอากาศ โน้มตัวมองผู้คนที่อยู่เบื้องล่าง น้ำเสียงเย็นใสแฝงด้วยแรงกดดันอันแข็งแกร่งเปล่งออกจากปากของเธอ
“อาศัยโอกาสในวันนี้ ข้าขอพูดสักสองสามประโยค ข้าคนนี้เป็นคนไม่กลัวปัญหาอยู่แล้ว นับตั้งแต่วันนี้ หากมีคนคิดจะหาเรื่องหอยาสวรรค์ เช่นนั้น อาจต้องพบจุดจบเหมือนคนที่อยู่ข้างล่างนั่น หรืออาจเลวร้ายกว่านั้น ผู้ใดที่เข้ามาในหอยาสวรรค์ของเพื่อต้องการซื้อยา ล้วนต้องทำตามกฎเกณฑ์ หากไม่เคารพกฎของข้า ข้าก็จะจัดการด้วยวิธีการของข้า”
เสียงเย็นใสสะท้อนอยู่ข้างหูของผู้คนอย่างชัดเจน แต่ละคนล้วนพูดอะไรไม่ออกสักคำ วิธีการจัดการเช่นนี้ พลังเช่นนี้ ยังจะมีใครกล้าหาเรื่องหอยาสวรรค์อีก ยังจะมีใครกล้าเป็นศัตรูกับนางอีก?
ครั้นเห็นผู้หญิงชุดแดงกับคนของนางเดินกลับเข้าไปในหอยาสวรรค์ ที่เกิดเหตุถูกเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว ราวกับเรื่องเมื่อคร่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทุกคนทยอยกันแยกย้าย บ้างก็กลับเข้าไปในหอยาสวรรค์อีกครั้ง บ้างก็จากไป เหล่าพ่อค้าแม่ค้าแผงลอยพากันย้ายแผงลอยกลับมาวางตั้งที่เดิม ก่อนจะตะโกนเรียกลูกค้าต่อไป
“ท่านพ่อ พี่สาวเฟิ่งร้ายกาจมากใช่ไหมเล่า!” ในดวงตาของหยางเสี่ยวเอ้อร์เปี่ยมด้วยแววเลื่อมใส นางเพิ่งรู้ว่าผู้หญิงก็เก่งกาจขนาดนี้ได้เช่นกัน
ผู้นำตระกูลหยางทอดถอนใจ “นี่ใช่แค่ร้ายกาจเสียที่ไหนกัน!” เก่งเกินมนุษย์แล้วต่างหาก! หางตาเหลือบเห็นว่าในกลุ่มฝูงชนมีผู้นำตระกูลน่าหลันยืนอยู่ด้วย ก็อดชะงักไม่ได้ ดึงลูกสาวแล้วกล่าวว่า “ไปๆๆ พวกเราเข้าไปอีกครั้ง เรื่องยาเมื่อกี้ยังคุยกันไม่จบเลย!”
“อ้าว ท่านพ่อ…” หยางเสี่ยวเอ้อร์โดนลากเข้าไป พลางบอกเขาว่า “ท่านพ่อไม่ต้องรีบร้อน พี่ชายเหลิ่งหวาพูดแล้วถือเป็นคำขาด เขาเป็นถึงผู้ดูแลเชียวนะ!”
“เจ้าเป็นแม่นาง ส่วนเขาเป็นชายหนุ่ม อย่าเอาแต่เรียกเขาว่าพี่ชายเหลิ่งหวาๆ อยู่นั่น ต้องเรียกว่าคุณชายเหลิ่งหวา หรือไม่ก็เรียกว่าผู้ดูแลเหลิ่ง” ผู้นำตระกูลหยางลอบเม้มปาก เด็กหนุ่มคนนั้นดูแล้วก็ธรรมดา ไม่เหมือนคนที่มีพลังต่อสู้อะไร
“ข้าจะเรียกพี่ชายเหลิ่งหวานี่แหละ ท่านพ่อไม่ต้องมายุ่ง”
“ได้ๆ ข้าไม่ยุ่งๆ เจ้าอยากทำอะไรก็ทำ ข้าไปถามเรื่องยาเมื่อกี้ก่อน” เข้ามาด้านในหอยาสวรรค์ ผู้นำตระกูลหยางโบกมือไล่นางไปเดินชมด้วยตนเอง
“ท่านพ่อ อีกเดี๋ยวข้ากลับบ้านเอง ท่านทำธุระเสร็จก็กลับก่อนได้เลย” หยางเสี่ยวเอ้อร์ยิ้มร่า เพียงพริบตาเดียวก็หายลับเข้าไปในกลุ่มคน
“จริงอย่างที่เขาว่า บุตรสาวเมื่อโตแล้วก็ยากควบคุม!” ผู้นำตระกูลหยางส่ายหน้า ถอนหายใจก่อนจะสอดส่องหาเงาร่างของเหลิ่งหวาไปรอบๆ
ในอีกด้านหนึ่ง ผู้นำตระกูลน่าหลันที่ถูกทิ้งทันทีที่เข้าในหอยาสวรรค์โกรธจนหน้าแดง ปากก็เอาแต่พึมพำ “เจ้าลูกทรพีคนนี้ บอกให้เขาแนะนำให้เราฟัง เจ้าดูเขาสิ พริบตาเดียวก็หายหัวไปไม่เห็นเงาคนแล้ว ข้าสงสัยนักว่าเขาเป็นลูกชายข้าจริงๆ หรือไม่ ไม่รู้จักคิดถึงใจเราเลยสักนิด”
น่าหลันจื่อเยี่ยนได้ยินประโยคนั้นก็อดพึมพำเบาๆ ไม่ได้ “นี่ท่านพ่อไม่รู้หรือว่าท่านพี่ใช่ลูกชายของท่านจริงหรือไม่? หากท่านพี่มาได้ยินประโยคนี้ จะต้องโกรธแน่”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้นำตระกูลน่าหลันหันกลับไปตบหัวเขา “พูดอะไรของเจ้า? เขาจะไม่ใช่ลูกชายของข้าได้อย่างไร? ฟังไม่ออกรึว่าข้ากำลังบ่นอยู่? ปกติก็เห็นเจ้าออกจะเป็นคนฉลาดเฉลียว เหตุใดยามนี้กลับไม่มีไหวพริบเสียเลย?”
………………………………….