เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1975 จากไปอย่างไร ตอนที่ 1976 กล้าสู้สักครั้งหรือไม่
- Home
- All Mangas
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1975 จากไปอย่างไร ตอนที่ 1976 กล้าสู้สักครั้งหรือไม่
ตอนที่ 1975 จากไปอย่างไร ตอนที่ 1976 กล้าสู้สักครั้งหรือไม่
ตอนที่ 1975 จากไปอย่างไร
ชายชราชุดเทาผู้นั้นเห็นเข็มเงินเล่มหนึ่งพุ่งไป จึงรีบดีดเหรียญเงินเหรียญหนึ่งออกไป ทว่าในตอนที่เหรียญเงินกำลังจะดีดเข็มเงินเล่มนั้นตก กลับถูกเข็มเงินอีกเล่มหนึ่งที่พุ่งเข้ามาดีดตก
“เฮือก!”
ผู้หญิงคนนั้นพลันสูดปาก อาการเจ็บแปลบที่ลามมาจากข้อมือทำให้แขนข้างนั้นของนางห้อยลงข้างลำตัวอย่างอ่อนแรง แส้ที่เหวี่ยงออกไปก็ย่อมตกลงไปด้วย กลิ่นอายพลังวิญญาณที่รวบรวมไว้บนแส้พลันจางหายไป
ชายชุดเทาที่เห็นเหตุการณ์นั้นรีบถอยหลังกลับไปที่หอยาสวรรค์ ไม่ได้จู่โจมอีก เหมือนที่นายท่านของพวกเขาบอก รู้ทั้งรู้ว่าพลังของตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย เช่นนั้นก็อย่าทำเรื่องที่เปล่าประโยชน์ดีกว่า
“ท่านเก่งกาจยิ่งนัก!”
ชายชราชุดเทาจ้องเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาชั่วร้าย ขณะที่ในใจตื่นตะลึง นึกไม่ถึงหญิงผู้นี้กลับสามารถใช้เข็มเงินดีดเหรียญเงินของเขาตกได้ เห็นได้ว่าวรยุทธ์ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาแน่นอน แต่ดูเหมือนนางจะยังอายุไม่มาก เหตุใดถึงได้มีวรยุทธ์ที่น่าสะพรึงเช่นนี้ได้?
เขาครุ่นคิดในใจ หากจากไปเช่นนี้ เกรงว่ากลับไปนายท่านคงไม่ปล่อยพวกเขาไปเช่นกัน แต่หากสู้อีก ก็ไม่อาจเดาผลลัพธ์ได้เช่นกัน…
ชั่วขณะหนึ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“หอยาสวรรค์ของเราไม่เคยกลัวความลำบาก หากพวกท่านอยากมีเรื่อง อยากเป็นศัตรูกับข้า จะทำลายพวกท่านก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด” เฟิ่งจิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นใสและหยิ่งผยอง วาจาที่กล่าวออกไป ก็ทำให้ผู้คนต่างอดสูดหายใจไม่ได้
“ผู้หญิงชุดแดงนางนั้นช่างจองหองนัก คำพูดเช่นนั้นนางยังกล้าพูดออกมาได้”
“จองหองอะไรกัน? หากไม่มีพลังเช่นนั้นจึงจะเรียกว่าจองหอง หากมีพลัง เช่นนั้นเรียกว่าความมั่นใจต่างหาก คนอื่นมาหาเรื่องถึงที่ยังต้องทนอีกงั้นหรือ?”
“จะว่าไปก็จริง ผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนเดิมก็เย่อหยิ่งอยู่แล้ว ยิ่งเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังยิ่งใหญ่เช่นนี้อีก ต้องรู้ว่าแรงกดดันของผู้แข็งแกร่งไม่ใช่สิ่งที่จะท้าทายกันได้ง่ายๆ”
“แต่ข้าไม่เห็นผู้หญิงชุดแดงคนนั้นลงมือเลยนะ! เหตุใดชายชราผู้นั้นจึงบอกว่านางเก่งกาจยิ่งนัก?”
“นั่นเพราะเจ้าอ่อนด้อยประสบการณ์ ผู้แข็งแกร่งลงมือนั้นใช้เวลาเพียงชั่วพริบตา ใช่ว่าเจ้าที่เป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังจะมองเห็นได้เสียที่ไหน”
ฝูงชนที่ยืนมุงดูอยู่ห่างๆ ต่างถกเถียงกัน ที่จริง คนส่วนใหญ่ไม่เห็นเฟิ่งจิ่วลงมือ มีเพียงบุคคลระดับผู้นำตระกูลในเมืองเท่านั้นที่สังเกตเห็น เพียงแวบเดียวที่เหลือบเห็นนั้น ก็ทำให้ผู้คนตกตะลึงกับพลังของเฟิ่งจิ่วได้แล้ว
ชายชุดเทาอีกคนที่เหลือเองก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้เช่นกัน ด้วยเหตุนั้นจึงมาหยุดอยู่ข้างชายชรา “เราถอยก่อนดีกว่าขอรับ! กลับไปรายงานให้นายท่านทราบ เชื่อว่านายท่านต้องไม่ลงโทษเราแน่ ถึงอย่างไรป่าเขาเขียวสมบูรณ์ ไม่ต้องกลัวไม่มีฟืน[1]” เขาเองก็ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เช่นกัน
“ถอยเถอะ!” ชายชราเอ่ย เพิ่งจะขยับตัวเล็กน้อย ก็ได้ยินเสียงหัวเราะหนึ่งดังมา
“แค่นี้ก็คิดจะถอยแล้วหรือ? คงไม่ได้คิดว่าจะหมิ่นเกียรติหอยาสวรรค์ของเรากันได้ง่ายๆ หรอกกระมัง?” เฟิ่งจิ่วหัวเราะหยันมองพวกนั้นที่กำลังจะถอยหนี และขณะที่เธอเอ่ยคำพูดเหล่านั้น เงาร่างสีดำสิบกว่าเงาก็ได้ปรากฏตัวและขวางทางหนีของคนพวกนั้นไว้แล้ว
ครั้นเห็นกลิ่นอายและระดับวรยุทธ์ที่ลึกล้ำของคนชุดดำสิบกว่าคนนั้น ชายชราชุดเทาหน้าแดงก่ำ จ้องเฟิ่งจิ่วด้วยสานตาอาฆาต
“หมายความว่าท่านเจ้าหอจะไม่ยอมปล่อยให้พวกเราไป? ท่านคิดดีแล้วใช่หรือไม่!” ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยแววข่มขู่รางๆ
“จะไปนั้นย่อมได้ แต่พวกเจ้าตัดแขนตัวเองข้างหนึ่งก็แล้วกัน! ไม่อย่างนั้น หากให้พวกข้าลงมือ เช่นนั้นผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรคงเดาได้ยาก” เฟิ่งจิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแช่มช้า แม้ใบหน้าของเธอจะประดับด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่มีใครคิดว่าคำพูดของเธอเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น
………………………………….
ตอนที่ 1976 กล้าสู้สักครั้งหรือไม่
อีกสามคนที่เหลือได้ยินคำพูดนี้พลันหน้าเปลี่ยนสี สายตาที่มองเฟิ่งจิ่วแฝงไว้ด้วยแววหวาดกลัว ผู้หญิงชุดดำและผู้ชายชุดดำนั่นยังไม่ทันลงมือก็ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว หากคิดจะใช้กำลังกับพวกเขาจริงๆ เช่นนั้นพวกเขาจะรักษาชีวิตรอดกลับไปได้หรือไม่คงยากจะคาดเดา
ทว่าชายชราชุดเทาได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่ว สีหน้ากลับดูย่ำแย่ เขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับปราชญ์เซียนขั้นสูงสุด จะยอมปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งดูหมิ่นเขาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
นาทีนี้ แม้จะไม่ทำเพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อตัวเขาเอง อย่างไรเขาก็ต้องประมือกับผู้หญิงคนนี้สักครั้ง ไม่เช่นนั้น แม้จะรอดชีวิตกลับไป นับจากนี้เขาก็คงไม่อาจยืดอกได้อีกต่อไป
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าหอแห่งหอยาสวรรค์ ท่านกล้าสู้กับผู้เฒ่าสักครั้งหรือไม่!”
สิ้นประโยคนี้ ก็เรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนรอบข้างทันที “ตาเฒ่านี่หน้าไม่อายเกินไปแล้ว เขามีวรยุทธ์ระดับใดกัน? ไม่นึกเลยว่าจะกล้าท้าทายเจ้าหอยาสวรรค์? เจ้าหอผู้นั้นไม่เพียงเป็นผู้หญิง ทั้งยังอายุไม่มาก จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไรกัน ช่างหน้าไม่อายนัก”
คนที่พูดอย่างนี้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนทั่วไปและชาวบ้านธรรมดา ทว่าในฝูงชน พวกผู้นำตระกูลและคนจากกลุ่มอำนาจต่างๆ ยามได้ยินประโยคนั้นกลับสะดุดใจ สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับปราชญ์เซียนขั้นสูงสุดเอ่ยปากท้าทายได้ หรือว่าเฟิ่งจิ่วเจ้าหอยาสวรรค์จมีพลังที่สูสีกับชายชราผู้นั้น?
นึกมาถึงตรงนี้ พวกเขาก็เริ่มรู้สึกตั้งตาคอย อยากเห็นสองคนนั้นสู้กันจริงๆ
ท่ามกลางฝูงชน ผู้นำตระกูลน่าหลันที่มาทีหลังยืนอยู่ข้างหลังกลุ่มคน หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ก็อดหันไปมองลูกชายคนโตที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้ “โม่เฉิน เฟิ่งจิ่วฝึกวรยุทธ์ไปถึงระดับใดแล้ว? หากนางรับคำท้า จะสู้ชายชราที่มีวรยุทธ์ระดับปราชญ์เซียนขั้นสูงสุดได้หรือไม่?”
ได้ยินคำถามนั้น น่าหลันจื่อเยี่ยนที่ตามทั้งสองมาด้วยก็อดหันไปมองพี่ชายของเขาไม่ได้ เขาเองก็อยากรู้จริงๆ เพราะอย่างไรเฟิ่งจิ่วก็ยังดูเด็กมาก จะมีวรยุทธ์ที่น่าสะพรึงเช่นนั้นแล้วจริงๆ หรือ?
“รอดูอีกเดี๋ยวก็รู้เอง” โม่เฉินตอบเสียงนุ่มนวล ยืนมองอย่างใจเย็นอยู่ข้างหลังสุดของฝูงชน
ผู้นำตระกูลน่าหลันได้ยินคำตอบของลูกชาย ก็ได้แต่กล้ำกลืนความไม่ได้ดั่งใจเอาไว้ ลูกชายคนโตของเขาคนนี้ไม่รู้จักเอาอกเอาใจเหมือนลูกชายคนเล็ก รู้ทั้งรู้ว่าเขาร้อนใจอยากรู้ตอนนี้ แต่ก็ยังไม่ยอมบอกใบ้สักนิด
เฟิ่งจิ่วกระตุกมุมปาก กำลังอยากจะเชือดไก่ให้ลิงดู คนคนนี้ก็เดินมาถวายตัวพอดี ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เธอมีหรือจะไม่คว้าโอกาสนี้ไว้?
“ยินดีอยู่แล้ว!” เธอตอบรับ ก่อนจะเขย่งปลายเท้า เงาร่างสีแดงรวมพลังลอยตัวพุ่งขึ้นไป ก่อนจะยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเพียงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูหอยาสวรรค์ ไม่ได้ห้ามเฟิ่งจิ่วแต่อย่างใด หลังจากทุกอย่างที่นี่ลงตัว เขาก็จะไม่อยู่แล้ว เรื่องในวันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะให้เธอข่มขวัญทุกคน เขาเชื่อว่าหลังจากวันนี้ พวกคนที่คิดจะเล่นงานหอยาสวรรค์ หากคิดจะลงมือก็คงต้องประเมินความสามารถของตนเองอย่างรอบคอบ
ฝูงชนเห็นเงาร่างสีแดงร่างนั้นลอยตัวขึ้นกลางอากาศ ชุดกระโปรงสีแดงสะดุดตาลู่ไหวไปตามสายลม ส่งกลิ่นหอมชวนหลงใหลไปทั่วบริเวณ นางยืนอยู่กลางอากาศ และจ้องมองชายชราตรงหน้าอยู่อย่างนั้น กลิ่นอายความมั่นใจและรัศมีอันเจิดจรัสนั่น มองดูจนผู้คนเบื้องล่างต่างพากันเคลิบเคลิ้มหลงใหล…
ผู้หญิงคนนี้ช่างเป็นโฉมสะคราญล้ำยุคจริงๆ ผู้หญิงที่โดดเด่นถึงเพียงนี้ คงจะมีแค่ผู้ชายที่โดดเด่นไม่ต่างกันเท่านั้นที่คู่ควรกับนางกระมัง!
สายตาของพวกเขาเลื่อนลงข้างล่าง มองไปที่ชายชุดคลุมสีดำที่ยืนอยู่ด้านหน้าหอยาสวรรค์ รู้สึกประหลาดใจที่เขาในฐานะผู้ชายกลับไม่ออกหน้า ตรงกันข้ามกลับยืนดูผู้หญิงของตนเองจัดการปัญหาด้วยตนเอง
………………………………….
[1]ป่าเขาเขียวสมบูรณ์ ไม่ต้องกลัวไม่มีฟืน เป็นสำนวนหมายถึง หากยังมีชีวิตอยู่ ทุกเรื่องย่อมมีโอกาสอีกครั้งเสมอ