เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1961 กรณีพิเศษ ตอนที่ 1962 เสียมารยาท
ตอนที่ 1961 กรณีพิเศษ
“พี่เหลิ่งหวา!”
หยางเสี่ยวเอ้อร์ปล่อยมือพ่อของนาง จากนั้นก็รีบวิ่งไปหาเหลิ่งหวา “ข้ากับท่านพ่อมาแล้ว วันนี้ลูกค้าเยอะมาก! มีอะไรให้ข้าช่วยบ้างหรือไม่?”
เหลิ่งหวายิ้มๆ พยักหน้าให้นางเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า “วันนี้แม่นางเสี่ยวเอ้อร์เป็นแขก จะให้ท่านช่วยอะไรได้อย่างไรกัน!” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอียงตัวทำท่าผายมือให้ทั้งสองคน “ท่านผู้นำตระกูลหยาง แม่นางเสี่ยวเอ้อร์ เชิญด้านใน”
ผู้นำตระกูลหยางพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงเดินเข้าไปข้างในเงียบๆ แม้ภายนอกเขาจะไม่แสดงออก แต่ลึกๆ ข้างในกลับสงสัยมาก ข้างในจะเป็นอย่างไรกันแน่? และพวกเขาจะมียาอย่างไรมาขาย?
ด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาสาวเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับลูกสาว ครั้นเข้าไปข้างใน และเห็นแขกเหรื่อเบียดเสียดกันอยู่ข้างในก็อดตะลึงไม่ได้
นึกไม่ถึงว่าข้างนอกมีคนมุงดูอยู่มากขนาดนั้นแล้ว ข้างในก็ยังมีคนมากมายขนาดนี้อีก หนำซ้ำข้างในนี้คนมากแต่กลับไม่เสียงดังโหวกเหวก ทว่าล้วนพูดคุยกันอย่างเสียงเบา เขาสังเกตเห็นด้วยว่ามีตาเฒ่าจากตระกูลผู้ดีในเมืองมากันด้วย พวกนั้นกำลังจับกลุ่มกันมุ่งอยู่รอบๆ ชั้นวางสินค้า ไม่รู้กำลังพูดคุยอะไรกันอยู่
เขาเดินจากข้างหลังไปข้างหน้า ชะโงกหน้าเข้าไปดู ก่อนจะถลึงตาแล้วอุทานเสียงเบา “ยาทะลวงขั้นระดับสี่! นี่ทั้งรูปและสีล้วนเป็นของชั้นยอดเลยทีเดียว!”
เขาอุทานเสียงเบา พลางแหวกกลุ่มคนจากตระกูลผู้ดีพวกนั้นออก เบียดเข้าไปชะโงกหน้าดูอย่างละเอียด สีหน้าตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด “ไม่ผิดแน่แล้วๆ เป็นยาทะลวงขั้นระดับสี่! ยาที่แม้มีทองหมื่นชั่งก็ยังไม่อาจได้มาครองง่ายๆ กลับถูกวางไว้ในมุมเช่นนี้ นี่มันช่าง ช่าง…”
เขานึกไม่ออกว่าจะบรรยายด้วยคำใด เพียงทำหน้าตื่นเต้นและดีใจ ก่อนจะรีบหันตัวเดินกลับไปหาเหลิ่งหวา “ยานี้ข้าจะเอา! ห่อให้ข้าเดี๋ยวนี้”
ผู้นำตระกูลและเหล่าผู้อาวุโสพวกนั้นที่อยู่ข้างๆ สบตากันแวบหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา หนึ่งในนั้นตบไหล่ผู้นำตระกูลหยาง ก่อนบอกว่า “สหายหยาง เจ้าอย่ากระโตกกระตาก แล้วก็อย่าตื่นเต้นนักเลย ยานี้มีคนซื้อไปแล้ว เมื่อครู่ข้าเพิ่งถาม หมดแล้วล่ะ”
“ใช่แล้ว พวกข้ามาก่อนเจ้ายังแย่งมาไม่ได้สักเม็ด เจ้าอืดอาดยืดยาดเพิ่งมาเอาป่านนี้ แม้จะมีเหลืออยู่ก็คงถูกคนอื่นแย่งไปหมดแล้ว” ชายชราที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น ยกมือลูบหนวด จิตใจที่รู้สึกไม่ยุติธรรมในตอนแรก ตอนนี้กลับรู้สึกสงบขึ้นมาบ้างแล้ว
“นั่นสิ! ยาแต่ละชนิดในหอยาสวรรค์แห่งนี้ล้วนมีจำกัด ยาทะลวงขั้นระดับสี่ที่ถูกจัดวางไว้ตรงนี้ถูกคนซื้อไปแล้ว เฮ้อ! เหล่าหยางเอ๋ย เห็นเจ้าซื้อไม่ได้ ข้าเองก็รู้สึกยุติธรรมบ้างแล้วล่ะ”
เห็นพวกเขาแต่ละคนพูดกันคนละประโยค ผู้นำตระกูลหยางถลึงตา “ตาเฒ่าอย่างพวกเจ้านี่ อย่างนี้เขาเรียกว่าโรคจิต! เรียกว่าจิตใจไม่ดี! ยุติธรรมเสียที่ไหนล่ะ! เหอะ!”
เขาหันตัวไปมองเหลิ่งหวาที่กำลังสาวเดินมาอย่างแช่มช้า ก่อนจะยิ้มกว้างเดินเข้าไปหา “เหลิ่งหวาเอ๋ย! ยาทะลวงขั้นนี้ยังมีอยู่อีกหรือไม่? ช่วยบอกนายท่านของเจ้าให้ที ว่าขายให้ข้าสักเม็ดได้รึไม่?”
ได้ยินอย่างนั้น เหลิ่งหวายิ้มอย่างสุขุม ตอบว่า “ในเมื่อท่านผู้นำตระกูลหยางเอ่ยปาก เรื่องนี้ข้าจะเรียนนายท่านให้ ข้าเชื่อว่าอย่าว่าแต่เห็นแก่แม่นางเสี่ยวเอ้อร์ แค่เห็นแก่เรื่องที่ท่านยอมขายอาคารหลังนี้ให้เราอย่างใจกว้าง นายท่านของข้าจะต้องให้สิทธิพิเศษแก่ท่านแน่”
เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยน เพียงไม่กี่ประโยค ก็ทำให้ผู้นำตระกูลหยางรู้สึกราวกับมีดอกไม้เบ่งบานในใจ ภาพลักษณ์ของเหลิ่งหวาในสายตาเขากลายเป็นด้านบวกในพริบตา ยิ่งรู้สึกว่าได้หน้าได้ตาต่อหน้าสหายเฒ่าพวกนั้น พาให้เบิกบานใจยิ่งนัก
“อย่างนั้น ข้าก็ต้องขอบคุณล่วงหน้าแล้วล่ะ” เขายิ้มร่า พลางกล่าวขอบคุณ
………………………………….
ตอนที่ 1962 เสียมารยาท
สิ้นเสียง ยังไม่ลืมหันกลับไปมองพวกที่กำลังยืนอิจฉาตาร้อนกันอยู่ข้างหลังแวบหนึ่งด้วย แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าท่าทางของเขาเหมือนกำลังบอกว่า ‘เห็นไหมเล่า บารมีข้าเหนือกว่าล่ะสิ?’
เหลิ่งหวายิ้มๆ อยู่พูดคุยกับเขาอีกไม่กี่ประโยคก็ตั้งใจจะหันหลังเดินจากไป แต่กลับถูกคนพวกนั้นขวางทางไว้ก่อน
“ผู้ดูแลเหลิ่ง ท่านว่า นี่จะ…” หนึ่งในนั้นยื่นหน้าก้าวออกมา ถูฝ่ามือสองข้าง อยากได้ยาทะลวงขั้นด้วย
เหลิ่งหวาไม่รอให้พวกเขาเอ่ยปาก ก็ยิ้มเอ่ยก่อน “ทุกท่านค่อยๆ ดู นอกจากชั้นหนึ่ง ชั้นสองก็ยังมีของดีอยู่อีกไม่น้อย” เขาชี้ไปที่บันไดขึ้นชั้นสอง “ด้วยฐานะและกำลังทรัพย์ของทุกท่าน ถือว่าเป็นบุคคลที่สามารถขึ้นไปบนชั้นสองได้แล้ว” สิ้นเสียง เขาก็หมุนตัวเดินจากไป ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาพูดอะไรสักคำ
“ชั้นสอง? ใช่แล้ว เมื่อกี้พวกเขาบอกว่าของบนชั้นสองดียิ่งกว่าอีก ชั้นหนึ่งยังเป็นยาที่ถูกพวกเขาจัดเป็นยาทั่วไป พวกเราขึ้นไปดูกันดีหรือไม่?” หนึ่งในนั้นเสนอ
“ไปสิ! ขึ้นไปดูหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นไร” อีกคนหนึ่งเสริม ก่อนจะเดินไปที่บันไดขึ้นชั้นสอง
ทว่าในตอนนี้เอง เสียงฮือฮาพลันดังมาจากข้างนอก ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะชะงักเท้าและหันไปมองด้วย
“พวกเจ้าดูนั่น! หัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุก็มาด้วย!”
“นี่คงไม่ได้มาหาเรื่องหรอกกระมัง? ถึงอย่างไรหอยาสวรรค์ก็เปิดตัวเอิกเกริกถึงเพียงนี้ พวกเขาจะ…”
“น่าจะไม่หรอกกระมัง? ถึงอย่างไรก็เป็นถึงหัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุ หนำซ้ำ หัวหน้าท่านนี้ก็ไม่ใช่รองหัวหน้า หากเป็นรองหัวหน้าก็อาจเป็นไปได้ แต่หากเป็นหัวหน้าก็น่าจะวางใจได้ เขาเป็นคนยุติธรรม แล้วก็เป็นคนตรงไปตรงมา คงไม่ใช้วิธีสกปรกแบบนั้นหรอก”
ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบกันของฝูงชน รองหัวหน้าที่เดินตามหลังหัวหน้าหน้าแดงก่ำ ตวัดมองคนพวกนั้นด้วยความไม่พอใจ แต่กลับจนใจที่หัวหน้าอยู่ที่นี่ด้วยจึงไม่สะดวกระบายโทสะ ไม่อย่างนั้น เขาจะสั่งสอนคนพวกนี้เสียให้เข็ดหลาบ!
“หึๆๆ วันนี้เป็นฤกษ์งามยามทีที่หอยาสวรรค์เปิดกิจการ พวกเราตั้งใจมาแสดงความยินดี ไม่ทราบว่าท่านใดเป็นผู้ดูแลของหอยาสวรรค์แห่งนี้หรือ?” หัวหน้ายิ้มถาม สายตากวาดมองผ่านกลุ่มคนที่มุงดูอยู่
ตู้ฝานกับเหลิ่งหวามองหน้ากันแวบหนึ่ง ทั้งสองก้าวออกมาพร้อมกัน “พวกข้าสองคนก็คือผู้ดูแลของหอยาสวรรค์ขอรับ”
“ข้าแซ่เหลิ่ง”
“ข้าแซ่ตู้”
ทั้งสองแนะนำตัวอย่างกระชับ จากนั้นตู้ฝานก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงหันไปมองเหลิ่งหวาแวบหนึ่ง
เหลิ่งหวาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ “จะให้เรียกท่านว่าอย่างไรดี?”
“ข้าแซ่ฝาน เป็นหัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุของเมืองร้อยนที พวกเจ้าเรียกข้าว่าหัวหน้าฝานก็ได้” เขายิ้มตอบ ก่อนหันไปมองด้านหลัง แล้วอธิบายว่า “วันนี้ที่มาเพราะอย่างจะแสดงความยินดีกับเจ้าของหอยาสวรรค์ เป็นเพียงน้ำใจเล็กน้อย ไม่ได้มากมายอะไร”
เหลิ่งหวายิ้มๆ เอ่ยว่า “หัวหน้าฝานกล่าวหนักไปแล้ว นายท่านของข้ากำชับไว้แต่แรก หอยาสวรรค์ต้อนรับแค่ลูกค้าเท่านั้น ไม่รับของขวัญ ไม่สู้หัวหน้าฝานเก็บของขวัญ แล้วเดินชมหอยาสวรรค์ของเราตามสบายเถิดขอรับ”
“เจ้าสามหาว!”
รองหัวหน้าที่อยู่ข้างหลังตวาดลั่น จ้องเหลิ่งหวาด้วยสายตามาดร้าย ก่อนจะตะคอกอีกว่า “ท่านหัวหน้าเดินทางมามอบของขวัญแสดงความยินดีด้วยตนเอง แล้วก็อยากพบหน้าเจ้านายของพวกเจ้าสักครั้ง เจ้าเป็นเพียงผู้ดูแลตัวเล็กๆ กลับกล้าเสียมารยาทปฏิเสธเช่นนี้!”
เผชิญหน้ากับการตำหนิของเขา เหลิ่งหวาเพียงยิ้มอย่างอ่อนโยน มองเขาแล้วถามว่า “ท่านนี้ชื่ออะไรหรือ?”
“ข้าเป็นรองหัวหน้าของสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุ!” เขาเชิดคางสูง ก่อนจะตอบ
“ที่แท้ก็เป็นรองหัวหน้า เสียมารยาทแล้ว” เหลิ่งหวายิ้มเอ่ย ก่อนจะไม่มองเขาอีก เพียงหันไปถามหัวหน้า “หัวหน้าฝาน จะเข้าไปเดินชมข้างในหรือไม่?”
………………………………….