เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1057 มากอดกันเถอะ
บทที่ 1057 มากอดกันเถอะ
………………….
บทที่ 1057 มากอดกันเถอะ
สาว ๆ ในเมืองหลวงมักจะแต่งกายด้วยชุดที่ดูเปิดเผยมากกว่า ดังนั้นจึงมองเห็นต้นขาที่เพรียวบางและสวยงามของพวกนางได้เป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเคยเห็นเรียวขาสวยเท่านี้มาก่อน และที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคือพวกมันถูกปกคลุมด้วยถุงน่องสีดำ! ถุงน่องทั้งสองและขอบลูกไม้ของพวกมันดึงดูดสายตาและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ชวนให้ใจเต้นแรง
“แม่เจ้าโว้ย! ข้าไม่ควรเห็นผู้หญิงใส่ถุงน่องแบบนี้ในหอคณิกาหลวงเลย ไม่อย่างนั้น เวลาหนึ่งก้านธูปก็ไม่พอ!” เผี่ยวตวนเตียวกลืนน้ำลาย
เจียวซือกุนมองดูเขาด้วยความรังเกียจและพูดอย่างไร้ความปรานีว่า “เมื่อไรกันที่เจ้าเคยแข็งได้นานกว่าหนึ่งก้านธูป?”
เผี่ยวตวนเตียวโกรธมาก “อะไร? ข้าจะเลิกยุ่งกับเจ้าจริง ๆ! เจ้าไม่เชื่อว่าข้าทำได้เหรอ!”
“ข้าไม่เชื่อเจ้า” เจียวซือกุนตอบ
“…” เผี่ยวตวนเตียวเงียบก่อนเปลี่ยนเรื่อง “เจ้าคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?”
“จะเป็นผู้หญิงอีกคนของพี่ซูหรือเปล่า?” เจียวซือกุนถามเบา ๆ
เผี่ยวตวนเตียวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าพี่ซูเป็นชายประหลาดหรืออะไรทำนองนั้น? คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่สวยงามอย่างยิ่งอยู่แล้ว เขาจะมีตาไว้มองสาวงามคนไหนได้อีก”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ผู้หญิงสวยสวมถุงน่องสีดำเย้ายวนได้เดินเข้ามา ท่าเดินของนางมีจังหวะพิเศษเต็มไปด้วยลูกเล่นและความสง่างาม ไม่เหมือนผู้หญิงในหอคณิกาหลวง เสียงส้นสูงที่กระทบพื้นตามจังหวะก้าวเดินดูเหมือนจะแทงทะลุหัวใจของทหารทั้งหมด
“นี่ เจ้าคิดว่าผู้หญิงคนนี้เดินมาเพราะนางชอบข้าไหม?” เผี่ยวตวนเตียวถามในขณะที่ยืดอกโดยไม่รู้ตัว
“ไร้สาระ เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่านางกำลังเดินมาทางข้า!” เจียวซือกุนโต้กลับทันที
ในไม่ช้าทั้งคู่ก็ตกตะลึง สาวงามผู้สวมถุงน่องสีดำเย้ายวนได้หยุดอยู่ตรงหน้าซูอัน
“ไม่เจอกันนานเลยนะ” สาวงามพูดขณะที่มองซูอัน มีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของนาง
“นานมากจนข้าโทรมไปหมด แต่อาจารย์ใหญ่เจียงยังคงดูน่าทึ่งมากเหมือนเดิม” ซูอันถอนหายใจด้วยความชื่นชม หากผู้หญิงคนนี้เคยอาศัยอยู่ในโลกที่แล้ว ผู้ชายทุกคนคงนึกภาพนางว่าเป็นสาวออฟฟิศสุดเซ็กซี่ หรือเลขาของประธานบริษัท…
เจียงลั่วฝูกางแขนซึ่งเน้นย้ำถึงรูปร่างที่โดดเด่น “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากในความคิดของข้า เจ้ายังพูดจาได้ไหลลื่นอยู่เลย”
ฉู่ชูเหยียนประหลาดใจและมีความสุขในขณะที่ถาม “อาจารย์ใหญ่เจียง ทำไมท่านถึงมาที่เมืองหลวงได้?”
เจียงลั่วฝูอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างอบอุ่นเมื่อมองฉู่ชูเหยียน นักศึกษาที่มีความสามารถมากที่สุดของสถาบันจันทร์กระจ่าง นางอธิบายว่า “ข้ารู้สึกเบื่อเมืองจันทร์กระจ่าง เนื่องจากสถาบันหลวงได้คัดเลือกนักศึกษาของสถาบันจันทร์กระจ่างเข้าศึกษาต่อ ข้าจึงตัดสินใจมาพร้อมกับพวกเขาและถือโอกาสกลับบ้านด้วยเลย”
ด้วยภูมิหลังของฉู่ชูเหยียน นางรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเจียงลั่วฝูกับเจียงป๋อหยางอย่างชัดเจน แต่นางอยากรู้เรื่องอื่นมากกว่าจึงถามต่อว่า “ข้าสงสัยว่านักศึกษาคนไหนที่โชคดีพอที่จะได้รับเลือกจากสถาบันหลวง?”
สถาบันหลวงเป็นสถานศึกษาที่ดีที่สุดในอาณาจักร ชั้นเรียนนภาของสถาบันจันทร์กระจ่างนั้นเต็มไปด้วยอัจฉริยะอยู่แล้ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอัจฉริยะของสถาบันหลวงที่ฉลาดที่สุดของทั้งอาณาจักรแล้ว ชั้นเรียนนภายังคงด้อยกว่ามาก
จำนวนนักศึกษาที่สถาบันหลวงรับเข้าไม่เคยเกินห้าคน หากโชคร้ายก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าไม่มีใครผ่านการทดสอบแม้แต่คนเดียว
“มันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังจริง ๆ” เจียงลั่วฝูกล่าว “เจ้าเป็นนักศึกษาที่ข้าหวังไว้มากว่าจะทำลายสถิติของสถาบันจันทร์กระจ่าง น่าเสียดายที่เจ้าหายตัวไปในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด แล้วใครจะรู้ว่าเพ่ยเหมียนหมานไปที่ไหน มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเจิ้งตานเช่นกัน หากไม่มีนักศึกษาที่ดีที่สุดเราคงเลือกผู้สมัครที่ดีไม่ได้ในครั้งนี้”
ฉู่ชูเหยียนกล่าวขอโทษ “มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าทำให้สถาบันจันทร์กระจ่างเดือดร้อนเพราะสถานการณ์ของตัวเอง”
เจียงลั่วฝูถอนหายใจ “เจ้าไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองมากเกินไป ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเจ้า เอาล่ะ มีอยู่สองคนที่พวกเจ้ารู้จักดีอยู่แล้วและพวกเขาก็ตามข้ามาเยี่ยมพวกเจ้าด้วย”
“พวกเขาเป็นใคร?” ฉู่ชูเหยียนถามด้วยความสงสัย ในเมืองหลวง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก เมืองจันทร์กระจ่างต่างหากเป็นบ้านที่แท้จริง
“อาจารย์ใหญ่ ไม่สนุกเลยจริง ๆ ข้ากำลังรอดูเลยว่าพี่ซูจะเดาได้ไหมว่าเราเป็นใคร?” เสียงหนึ่งดังขึ้น ประตูเปิดออก ชายหญิงที่มีรูปลักษณ์น่าดึงดูดใจได้เดินออกมา
ดวงตาของมู่หรงชิงเหอเบิกกว้างด้วยความตกใจ นางมองไปที่ชายคนนั้นแล้วมองไปที่ฉู่โหยวเจาข้าง ๆ มีผู้ชายอีกคนหนึ่งที่หล่อเหลาและสวยงามเหมือนพี่ฉู่? ไม่ ๆ! ข้าคิดว่าพี่ฉู่หล่อกว่านิดหน่อย!
แต่เผี่ยวตวนเตียวและราชองครักษ์คนอื่น ๆ เยาะเย้ยอยู่ในใจ หนุ่มหล่อจนเหมือนผู้หญิงจะไปมีค่าอะไร!
อย่างไรก็ตาม สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังหญิงสาวที่อยู่เคียงข้างชายหน้าสวยที่เพิ่งเดินลงมาจากรถม้า บุคลิกของนางแตกต่างไปจากบุคลิกที่เงียบสงบและเย็นชาของฉู่ชูเหยียนและท่าทางที่มีเสน่ห์ของเจียงลั่วฝู ผู้หญิงคนนี้มีกลิ่นอายของบัณฑิตและกิริยาที่นุ่มนวลทำให้คนอื่นรู้สึกใกล้ชิดกับนางมากกว่า
พวกเขาคิดกับตัวเองว่า ถึงแม้สาวงามจากหอคณิกาหลวงจะมีทักษะที่หลากหลาย แต่ดูเหมือนว่า พวกนางจะขาดคุณสมบัติของความรอบรู้และความนุ่มนวลเหมือนกับผู้หญิงคนนี้
หญิงสาวพยักหน้าทักทายฉู่ชูเหยียนก่อน “คุณหนูฉู่” จากนั้นเมื่อมองไปที่ซูอันนางยิ้มจาง ๆ “นายน้อยซู”
สีหน้าของทหารทั้งหมดเริ่มแปลก ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนมีความสัมพันธ์กับพี่ซูของเราด้วย?! สวรรค์ พี่ใหญ่ เรารู้ว่าท่านเจ๋ง! แต่ไม่จำเป็นต้องเหมาสาวงามสุดยอดเหล่านี้ไปหมดใช่ไหม? ช่วยทิ้งบางอย่างไว้ให้พวกเราที่เหลือได้ไหม?
แน่นอนว่าความคิดทั้งหมดได้ผ่านไปในพริบตา พวกเขารู้ดีว่าผู้หญิงเหล่านี้สูงเกินเอื้อม ยังคงเป็นสาวงามจากหอคณิกาหลวงที่มองเห็นและสัมผัสได้จริง
เหล่าทหารไม่สามารถทนต่อแรงกระตุ้นทางจิตใจเหล่านี้ได้อีกต่อไป พวกเขากล่าวคำอำลาทีละคนและมุ่งหน้าไปยังหอคณิกาหลวงด้วยศีรษะที่ลดต่ำลง
ซูอันหัวเราะ “พี่เซี่ย แม่นางเซี่ย คนบ้านเดียวกันมาเจอกันทั้งที เรามากอดต้อนรับกันดีกว่า!” เขาเดินเข้าไปหาพร้อมกับกางแขนออก
เซี่ยเต๋าอวิ๋นมองไปทางอื่นเพื่อซ่อนความอาย ส่วนเซี่ยซิวเพื่อปกป้องพี่สาวของเขา เขาทำได้เพียงบังคับตัวเองให้เดินมาข้างหน้าและกอดซูอัน “พี่ซูยังกระตือรือร้นเหมือนเดิม ฮ่า ๆ”
ในเวลาเดียวกัน เซี่ยซิวมีความขัดแย้งอยู่ภายในใจ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พวกรักร่วมเพศใช่ไหม?
เขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีเสน่ห์ เขาเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เขาเกลียดการสัมผัสทางร่างกายกับผู้ชายคนอื่น…
………………….