เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1040 เสน่ห์ท้าทายสวรรค์
บทที่ 1040 เสน่ห์ท้าทายสวรรค์
บทที่ 1040 เสน่ห์ท้าทายสวรรค์
สีหน้าของซูอันและองค์หญิงรัชทายาทเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกของจูเซี่ยฉือซิน พวกเขาทั้งสองตระหนักได้ทันทีว่าเกิดปัญหาใหม่ขึ้นแล้ว
องค์หญิงรัชทายาทรีบมองซูอันอย่างรวดเร็ว พวกเขาอาจต้องเสี่ยงหนีในขณะที่จูเซี่ยฉือซินยังอยู่ห่างออกไป แต่ซูอันส่ายหัว ระยะทางแค่นี้ไม่จัดว่าเป็นอุปสรรคสำหรับปรมาจารย์ การพยายามวิ่งหนีมันไม่มีความหมายเลย
องค์หญิงรัชทายาทกัดริมฝีปาก ตอนนี้นางกำลังตื่นตระหนกจริง ๆ แต่เมื่อเห็นว่าซูอันยังคงสงบอยู่ นางจึงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
จูเซี่ยฉือซินมาถึงต่อหน้าทั้งสองพร้อมกับลูกน้อง เขาโบกมือและพูดว่า “แยกกันสอบปากคำ!”
ทูตยุทธ์เสื้อแพรเข้าใจในทันทีว่าหมายถึงอะไร นี่เป็นสิ่งที่พวกเขามีประสบการณ์อย่างมาก การแยกสอบสวนอาชญากรมักจะให้การไม่ตรงกัน ซึ่งจะนำไปสู่ข้อเท็จจริงของเรื่องราวในท้ายที่สุด
หัวใจของซูอันและองค์หญิงรัชทายาทกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งในขณะนี้ พวกเขาไม่มีเวลานัดแนะข้อมูลให้ตรงกันเลย! หากทั้งสองให้การแตกต่างกันย่อมจะถูกเปิดโปงทันที
แต่ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ พวกเขาไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงให้ทูตยุทธ์เสื้อแพรนำพวกเขาสองคนมุ่งหน้าไปคนละทาง
จูเซี่ยฉือซินสอบปากคำซูอันเป็นการส่วนตัว “นางกำนัลคนนั้นมีชื่อว่าอะไร?”
ซูอันมีสีหน้าหม่นหมอง เขารู้ว่าองค์หญิงรัชทายาทกำลังถูกถามคำถามเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนไม่มีเวลามาใส่ใจกับรายละเอียดเหล่านี้
เขาคิดจะใช้ตราหยกครอบงำมดบนพื้นเพื่อติดต่อกับองค์หญิงรัชทายาท แต่ต้องล้มเลิกความคิดนั้นทันที แม้ว่าเขาจะตอบคำถามนี้ได้ถูกต้อง แต่จะตอบคำถามที่ยากขึ้นได้อย่างไร?
นอกจากนี้ ทูตยุทธ์เสื้อแพรยังเป็นบุคคลที่มีไหวพริบ ถ้าเขาใช้มดติดต่อกับองค์หญิงรัชทายาท อาจเป็นการกระตุ้นความสนใจได้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้น เขาคงใช้ไพ่ตายไปโดยเปล่าประโยชน์
สีหน้าของจูเซี่ยฉือซินมืดครึ้ม “อะไร? นี่เป็นคำถามที่ตอบยากเหรอ?” คลื่นพลังของเขาล็อกไว้ที่ซูอันแล้ว ราวกับว่าจะโจมตีทันทีหากซูอันพูดอะไรผิด
ซูอันตอบว่า “นางชื่อเทียนซิว”
ทว่าทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็วิ่งผ่านพวกเขาไป จูเซี่ยฉือซินจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร? เขาหันกลับไปและตะโกนทักทันที “ใคร? แสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
คนผู้นั้นไม่ตอบ แต่กลับวิ่งหนีต่อไป
“พาพวกเขาไปหาขันทีเหวิน! ทุกคนตามข้ามา!” จูเซี่ยฉือซินรีบไล่ตามร่างนั้น แม้ว่าทหารองครักษ์และนางกำนัลคนนี้จะน่าสงสัย แต่มันก็น่าสงสัยน้อยกว่าไอ้คนที่เพิ่งวิ่งหนีไปเพราะรูปร่างเค้าโครงเป็นผู้หญิง! หรือว่า? อวิ้นเจียนเยว่?
แต่เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เขาได้มอบหมายทูตยุทธ์เสื้อแพรอีกสองคนคุมตัวซูอันและปี่หลิงหลงซึ่งกำลังปลอมตัวอยู่ไปหาขันทีเหวินอย่างรอบคอบ โดยคิดว่าทูตยุทธ์เสื้อแพรสี่คนย่อมเพียงพอที่จะจัดการกับสถานการณ์ส่วนใหญ่ได้
จากนั้น เขาได้พาทุกคนไล่ตามผู้หญิงที่เพิ่งวิ่งหนีไปโดยไม่กล้าประมาท เนื่องจากผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นอวิ้นเจียนเยว่ หรือแม้กระทั่งองค์หญิงรัชทายาทก็ได้ เขาต้องหานางให้พบโดยเร็วที่สุดและตรวจสอบว่าซูอันทำอะไรกับนางหรือไม่
เมื่อกลุ่มของจูเซี่ยฉือซินจากไป ทูตยุทธ์เสื้อแพรอีกสี่คนที่เหลือก็พาซูอันและองค์หญิงรัชทายาทออกเดิน
องค์หญิงรัชทายาทเต็มไปด้วยความโล่งใจเมื่อมองไปที่ซูอัน คำถามแรกที่พวกเขาถูกถามเกือบจะเปิดโปงนางแล้ว แต่ความหวังริบหรี่ได้ปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดในที่สุด
ตอนนี้ซูอันไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะตอบสนองต่อนาง เขากำลังจดจ่ออยู่กับการควบคุมต๋าจี่เท่านั้น
ร่างที่วิ่งหนีไปดึงดูดความสนใจเมื่อครู่คือวีรสตรีที่เขาเรียกออกมา ต๋าจี่!
เขาไม่มีทางเลือกอื่นเหลือแล้ว จึงต้องใช้ต๋าจี่ดึงจูเซี่ยฉือซินออกไป แต่ต๋าจี่มีการบ่มเพาะเพียงระดับห้าเท่านั้น มันยากเกินไปที่นางจะหลบหนีการไล่ล่าของจูเซี่ยฉือซินได้ เขาใช้ตราหยกควบคุมสิ่งมีชีวิตโดยรอบให้สังเกตสถานการณ์เพื่อให้ต๋าจี่สามารถหลีกเลี่ยงอันตรายได้ทันท่วงที แต่ไม่ว่าเขาจะจัดการทุกอย่างได้ดีเพียงใด ความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันก็มากเกินไป
ในที่สุด ต๋าจี่ก็หนีไม่พ้น จูเซี่ยฉือซินคว้าไหล่ของนางไว้
จูเซี่ยฉือซินตกตะลึง ในโลกนี้มีหญิงงามขนาดนี้ด้วยเหรอ?
ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนเทพธิดาผู้พ้นวิสัยในโลกมนุษย์ ทั้งยังงดงามจนสามารถล่มบ้านล่มเมืองได้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าลักษณะพิเศษทั้งสองนี้จะปรากฏบนร่างของผู้หญิงคนเดียวกัน
ทูตยุทธ์เสื้อแพรคนอื่น ๆ ตกตะลึงยิ่งกว่า ทุกคนรู้สึกสงสารจับใจ พวกเขากำลังรุมรังแกผู้หญิงคนนี้งั้นเหรอ? แม้แต่อดีตสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงอวี้เหยียนลั่วก็ไม่น่าจะงดงามระดับนี้ใช่ไหม?
คงมีแต่จูเซี่ยฉือซินที่ยังคงตั้งสติได้ในที่สุด เแล้วพูดว่า “แม่นาง! เจ้าเป็นใคร?”
ต๋าจี่มองเขาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร จูเซี่ยฉือซินรู้สึกราวกับว่าเขาปฏิบัติต่อสาวงามผู้นี้อย่างหยาบคายเล็กน้อย เมื่อดวงตาของนางกวาดมองมา เขาก็ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ซูอันสามารถสัมผัสทั้งหมดนี้ได้และเกือบจะหัวเราะออกมา ใบหน้าของจูเซี่ยฉือซินนั้นดูเหมือนหญิงสาวมากจนซูอันเคยคิดว่าเขาเป็นสาวประเภทสอง ไม่คิดเลยว่าชายผู้นี้จะซาบซึ้งในความงามเหมือนคนทั่วไป
เมื่อไรกันที่เขาเคยปฏิบัติต่อศัตรูดีอย่างนี้? ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะว่าต๋าจี่งดงามเกินไปเหรอ?
อย่างไรก็ตาม จูเซี่ยฉือซินยังคงตั้งสติได้อีกครั้ง “ท่านหญิง ทำไมท่านจึงบุกรุกเข้ามาในพระราชวังหลวง?”
ต๋าจี่ยังไม่พูดอะไร ในความเป็นจริงนางไม่สามารถพูดได้
สีหน้าของจูเซี่ยฉือซินมืดลง “ถ้าท่านหญิงยังไม่ยอมพูด ก็อย่าโทษข้าที่หยาบคาย”
เขาเป็นคนที่แน่วแน่ในหน้าที่ มันแปลกเกินไปที่จู่ ๆ หญิงงามคนนี้ปรากฏตัวขึ้น ดังนั้นเขาจึงเอื้อมมือไปหานาง หมายจะกักตัวไว้ชั่วคราว
ต๋าจี่ต้องการหลบเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ แต่น่าเสียดายที่การบ่มเพาะของนางอยู่ระดับห้าเท่านั้น นางจะหลีกหนีจากคนที่ใกล้จะถึงระดับปราชญ์ได้อย่างไร?
จูเซี่ยฉือซินจับไหล่ของนางเอาไว้ แต่ด้วยความงดงามอันไม่มีใครเทียบได้ของต๋าจี่ ในใจของเขาจึงกังวลว่า เขาออกแรงจับนางมากไปหรือไม่ เขากลัวว่าจะทำให้นางบาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงใช้กำลังน้อยลงโดยไม่รู้ตัว “แม่นาง ข้าขออภัยล่วงหน้า!”
เขายังไม่ลืมหน้าที่ เตรียมที่จะโคจรพลังชี่เข้าไปในร่างกายของต๋าจี่เพื่อปิดผนึกการบ่มเพาะ
ทันใดนั้นก็มีแสงสีขาววาบขึ้นมาก่อนที่หญิงงามล่มเมืองจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
จูเซี่ยฉือซินหันไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงง เขามองดูลูกน้องของตัวเองแล้วถามทันที “เมื่อครู่มีผู้หญิงอยู่ที่นี่ใช่ไหม? พวกเจ้าเห็นแบบเดียวกับข้าถูกต้องหรือไม่?” ปฏิกิริยาเช่นนี้ของเขาเป็นเรื่องปกติ ด้วยการบ่มเพาะของจูเซี่ยฉือซิน แม้แต่อวิ้นเจียนเยว่ก็ไม่สามารถหลบหนีได้หลังจากถูกคว้าตัวไว้
แต่ผู้บ่มเพาะระดับห้ากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย? เป็นไปได้ไหมที่ผู้หญิงคนนี้ควบคุมธาตุมิติ? แต่หลังจากที่เขาจี้จุดชีพจรของนางแล้ว แม้แต่ผู้บ่มเพาะธาตุมิติก็ไม่สามารถหลบหนีได้! แล้วเมื่อครู่นี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?
ทูตยุทธ์เสื้อแพรคนอื่นยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน ทุกคนมองหน้ากันอย่างพิศวง
“ผู้บัญชาการ ข้าเห็นว่ามีผู้หญิงจริง ๆ”
“แถมยังสวยมาก ๆ ด้วย!”
“ข้าไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาก่อนในชีวิต!”