เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2010 การประลองคู่แรก
ตอนที่ 2,010 การประลองคู่แรก
แสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับปรากฏขึ้นในอากาศ
แล้วร่างของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน
เป็นอสูรที่มีรอยสักสีน้ำเงินเต็มตัว
อสูรตัวนี้มีความสูงเท่ากับตึกสามชั้น เขี้ยวแหลมงอกยาวออกมาจากปาก หน้าตาอัปลักษณ์และดุร้าย
พลังกดดันคุกคามออกมาจากร่างกายอย่างหนักหน่วง เห็นได้ชัดว่ามันอยู่ในขั้นจอมอสูรอนันต์
เมื่อภาพนี้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอถ่ายทอดสด ผู้ชมจำนวนมากก็อดเป็นห่วงแทนบุรุษหนุ่มผมขาวไม่ได้ เพราะการพบกับคู่ต่อสู้คนแรกเป็นอสูรใหญ่ยักษ์เช่นนี้ ไม่นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีสักเท่าไหร่
แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินเห็นโฉมหน้าของคู่ต่อสู้ เขาก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาทันที
“บัดซบ หน้าตาอัปลักษณ์ถึงเพียงนี้ ยังกล้ามาเข้าร่วมการประลองเพื่อเป็นคู่ครองขององค์หญิงอีกหรือ? เจ้าไม่อายตนเองบ้างหรือไง?”
หลินเป่ยเฉินกระโดดเข้าไปกระแทกฝ่ามือใส่อสูรยักษ์ตนนั้นจนถึงแก่ความตาย โดยที่อีกฝ่ายยังไม่มีเวลาได้เอ่ยชื่อของตนเองออกมาเลยด้วยซ้ำ
ร่างของอสูรยักษ์กลายเป็นกองเนื้อที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นทันที
การต่อสู้ยังไม่ทันเริ่มก็จบลงเสียแล้ว
ภาพเหตุการณ์นี้ได้รับการเผยแพร่ไปบนหน้าจอถ่ายทอดสดทำให้มีผู้รับชมจำนวนมหาศาล
“ให้ตายเถอะ บุรุษหนุ่มผมขาวผู้นี้ช่างดุร้ายเหลือเกิน…”
“ใครบอกเจ้า ข้าว่าอสูรตัวนั้นอ่อนแอเกินไปต่างหาก”
“อ่อนแอหรือ? เจ้าเห็นรอยสักที่อยู่บนตัวมันหรือไม่? นั่นเป็นรอยสักประจำตัวของรองผู้บังคับการกองทัพอสูรสีครามเชียวนะ มีขั้นพลังเทียบเท่ากับระดับจอมเทพอนันต์ของพวกเราแล้ว…”
“งั้นหมายความว่าคุณชายผมขาวผู้นั้นก็ต้องมีความแข็งแกร่งมากกว่ามันน่ะสิ? นี่เขาเอาชนะมันได้ด้วยมือเปล่าเลยนะ”
“เขาเองก็ต้องอยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์เช่นกัน”
“พวกเจ้านี่หลงประเด็นไปเรื่อย… ไม่เห็นหรือว่าคุณชายผมขาวท่านนี้มีรูปโฉมหล่อเหลาเพียงใด?”
“หล่อเหลาแล้วจะอย่างไร? มันไม่เกี่ยวกับการต่อสู้สักหน่อย”
“รับรองว่าโด่งดังแน่ ๆ”
“อะไรโด่งดัง?”
“คุณชายผมขาวท่านนี้ นอกจากจะมีฝีมือการต่อสู้แข็งแกร่งแล้ว เขาก็ยังมีรูปโฉมหล่อเหลาอีกด้วย หากสามารถผ่านเข้าไปรอบหลัง ๆ ได้ เขาก็จะต้องโด่งดังอย่างแน่นอน”
บรรดาผู้ชมต่างก็ตื่นเต้น
ในการประลองเช่นนี้ การปรากฏตัวของยอดฝีมือไร้ชื่อเสียงมักจะได้รับความสนใจของผู้คนเสมอ บัดนี้ ผู้ชมจำนวนไม่น้อยรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
ย้อนกลับขึ้นไปบนหอคอยนักรบ
หลินเป่ยเฉินจบการต่อสู้ของตนเองด้วยความพิศวง
เกิดอะไรขึ้น?
นี่เป็นการประลองไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมอีกฝ่ายไม่ตอบโต้เขาเลย?
แค่กระบวนท่าเดียวก็ตายแล้วเนี่ยนะ?
…
วันต่อมา
“องค์ชาย นี่คือรายงานการสอดแนมจากสายลับรหัส 91 ขอรับ”
องครักษ์ผู้หนึ่งนำศิลาบันทึกภาพการประลองที่หอคอยนักรบของหลินเป่ยเฉินเมื่อวานนี้มาส่งมอบ
องค์ชายหลงรับชมด้วยความพินิจพิเคราะห์ ก่อนยิ้มออกมาเล็กน้อย “นับว่ามีความแข็งแกร่งพอสมควรทีเดียว… สมแล้วที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์ จับตาดูเขาต่อไป… ว่าแต่ทางเผ่าอสูรสีครามมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง?”
“ท่านแม่ทัพใหญ่เต๋อกัวเดือดดาลมากเลยขอรับ เพราะอสูรที่ถูกฆ่าตายไปนั้นเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเขา นอกจากนี้อวี้เหวินซิวเซียนยังได้พูดจาเหยียดหยามเผ่าพันธุ์อสูรบนสังเวียนประลองอีกด้วย การประลองครั้งนี้มีคนจากเผ่าอสูรสีครามเข้าร่วมด้วยเป็นจำนวนหกชีวิต สองในหกคนนั้นมีพลังเทียบเท่ากับขั้นจอมเทพอนันต์ และพวกเขาต่างก็สาบานว่าหากตนเองได้พบกับอวี้เหวินซิวเซียนเมื่อไหร่ ก็จะลงมือแก้แค้นอย่างแน่นอน”
องครักษ์รายงาน
องค์ชายหลงโบกมือไล่
แล้วองครักษ์ก็ล่าถอยไปทันที
องค์ชายหลงก้มมองกองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะด้านหน้า
ศิลาบันทึกภาพจำนวนมากถูกวางเอาไว้บนโต๊ะ
การต่อสู้ของบรรดายอดฝีมือเมื่อวานนี้ต่างก็ถูกบรรจุอยู่ในศิลาบันทึกภาพเหล่านี้ครบถ้วน
องค์ชายหลงไล่ดูจนครบหมดทุกคน
ในบรรดายอดฝีมือเหล่านั้น อสูรเฒ่าต่วนซิง กงจักรนรกเฉินจิ้นเซิน ราชาทองคำจินโซว อสูรโลหิตทมิฬชิงอี้ ราชาฟ้ามืดเจี๋ยเซิง ราชาพายุคลั่งจูหร่งและราชันปริศนาไร้นาม ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือที่น่าจับตามองทั้งสิ้น
ผู้ที่จะได้เป็นคู่ครองของหลิงเฉินในท้ายที่สุด ก็คงเป็นหนึ่งในจำนวนนี้
ส่วนอวี้เหวินซิวเซียนน่ะหรือ…
องค์ชายหลงระเบิดเสียงหัวเราะ
ความสามารถเท่านี้คงถูกยอดฝีมือตัวจริงฆ่าตายได้ในกระบวนท่าเดียว แล้วจะไปสร้างความยิ่งใหญ่อันใดได้?
หากจะกล่าวกันตามความเป็นจริง การประลองในครั้งนี้ล้วนอยู่ในการควบคุมขององค์ชายหลงทั้งสิ้น ส่วนทุกคนนั้นเป็นเพียงหมากในกระดานของเขาเท่านั้น
“ไปเรียกตัวสายลับรหัส 91 ชินเซียนเฉิงมาเข้าพบข้าหน่อย”
องค์ชายหลงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะและออกคำสั่งอย่างช้า ๆ
องครักษ์รีบรับคำบัญชา
องค์ชายหลงมีสายลับที่เป็นคนสนิทอยู่ด้วยกันทั้งสิ้นหนึ่งร้อยคน
สายลับทุกคนล้วนถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดีจากผู้เข้ารับการทดสอบหลายพันชีวิต สายลับเหล่านี้นอกจากมีฝีมือแข็งแกร่งแล้ว ยังมีความซื่อสัตย์ต่อองค์ชายหลงสูงอีกด้วย ทุกคนจะได้รับการตั้งชื่อใหม่เป็นรหัสตัวเลขจากองค์ชายหลงโดยเฉพาะ
ไม่นานหลังจากนั้น สายลับรหัส 91 ชินเซียนเฉิงก็เดินเข้ามา
ชินเซียนเฉิงเป็นชายวัยกลางคนที่มีหน้าตาธรรมดาผู้หนึ่ง
เป็นชายวัยกลางคนร่างอ้วน
ไม่มีความเป็นสายลับ ไม่มีความเป็นยอดฝีมือ
แต่ในความเป็นจริงนั้น ชายวัยกลางคนร่างอ้วนผู้นี้มีฝีมือการต่อสู้ที่แข็งแกร่งและยังชำนาญเรื่องการหลบหนี ซ่อนตัว ปลอมตัว สะกดรอย ลอบสังหาร ขั้นพลังในปัจจุบันคือจอมเทพจักราระดับ 5
“ข้าอยากให้เจ้าสะกดรอยตามอวี้เหวินซิวเซียนและบันทึกภาพของเขาให้ได้ทุกอิริยาบถ จากนั้นก็นำภาพของเขาบนสังเวียนประลองมารวมกับภาพเหล่านั้น จัดการทำสำเนาลงศิลาบันทึกภาพก้อนอื่น ๆ และแจกจ่ายออกไปสู่สาธารณชน”
องค์ชายหลงออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“หืม… องค์ชายจะทำให้คนผู้นี้มีชื่อเสียงหรือขอรับ?”
สายลับรหัส 91 เข้าใจเจตนาของผู้เป็นนายท่านดี จึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความปลอดโปร่งใจ “องค์ชายไม่ต้องเป็นกังวล ผู้ต่ำต้อยชำนาญเรื่องนี้อยู่แล้ว อีกไม่นาน ผู้ต่ำต้อยจะทำให้บุรุษผมขาวผู้นี้โด่งดังไปทั่วเมือง… เพียงแต่ผู้ต่ำต้อยไม่ทราบว่าองค์ชายอยากจะให้ผู้ต่ำต้อยจัดการทำลายภาพลักษณ์บุรุษผมขาวในภายหลังหรือไม่? ผู้ต่ำต้อยจะได้เตรียมหาหลักฐานเอาไว้ก่อนขอรับ”
องค์ชายหลงชะงักเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “เตรียมไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย”
สายลับรหัส 91 ประสานมือคำนับด้วยความตื่นเต้น “ผู้ต่ำต้อยเข้าใจแล้วขอรับ ผู้ต่ำต้อยจะรีบไปปฏิบัติการเดี๋ยวนี้”
สีหน้าของชินเซียนเฉิงเป็นประกายด้วยความคึกคักแจ่มใส
เห็นได้ชัดว่านี่คืองานถนัดของเขา
และเป็นเรื่องที่เขาชำนาญ
องค์ชายหลงจ้องมองสายลับรหัส 91 เดินจากไปจนลับสายตา
ตอนแรกที่เขาคัดเลือกสายลับทั้งหนึ่งร้อยคนนี้ องค์ชายหลงจะเลือกแต่บุคคลที่มีความแปลกประหลาดผิดปกติทั้งสิ้น
หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น
แต่องค์ชายหลงรู้ดีว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญเป็นของตนเองและความชำนาญเหล่านั้นก็สามารถใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้ใหญ่หลวง
และบางที กลุ่มคนที่แปลกประหลาดพิสดารเหล่านี้อาจจะสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็เป็นได้!