เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1983 สายเรียกเข้า
ตอนที่ 1,983 สายเรียกเข้า
พี่หลินทำได้อย่างไรกันนะ มือกระบี่เมินฟ้าถึงได้ยอมกล่าววาจาเช่นนั้นต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก?
นี่คือเรื่องราวที่ทำให้เผ่ามนุษย์ทะเลทรายต้องเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง
ไม่เคยมีผู้ใดกระทำกับพวกเขาเช่นนี้มาก่อน
ในอาณาเขตเงาทมิฬเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
นั่นคือสิ่งที่เป็นปริศนาอย่างแท้จริง
ฮันซางเซียงอดมองไปที่หลินเป่ยเฉินด้วยความสงสัยไม่ได้
จังหวะนั้น หลินเป่ยเฉินก็กำลังหันมามองหน้านางอยู่เช่นกัน
“ข้ามีของขวัญจะให้ท่านด้วยล่ะ”
หลินเป่ยเฉินกล่าว
“อะไรหรือ?”
ฮันซางเซียงสบตามองหลินเป่ยเฉินแล้วหัวใจของนางก็เต้นไม่เป็นจังหวะ นางรู้สึกว่าตนเองกำลังใบหน้าแดงระเรื่อจึงต้องสูดหายใจลึก ๆ และแสร้งถามด้วยน้ำเสียงสงบสุขุมต่อไป “ท่านจะให้ของขวัญอะไรกับข้า?”
หลินเป่ยเฉินตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เดี๋ยวท่านก็รู้”
“อ้อ”
ฮันซางเซียงไม่มีทางเลือกนอกจากแกล้งทำหน้าเยือกเย็นต่อไป
นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่ฮันปู้ฟู่ผู้ยืนอยู่ด้านข้างส่งเสียงกระแอมไอขึ้นมาเล็กน้อย “โปรดสนใจที่การประลองก่อน การประลองคือสิ่งสำคัญที่สุด”
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้าผู้เป็นศิษย์พี่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “การประลองคู่ที่สาม ผู้ใดจะออกไปต่อสู้หรือขอรับ?”
“เรื่องนั้น…”
ฮันปู้ฟู่ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม ทันใดนั้น บนท้องฟ้าห่างไกลก็เกิดแสงสว่างวูบ
แล้วสีหน้าของฮันปู้ฟู่ก็แปรเปลี่ยนไป
แสงสว่างนั้นพุ่งเข้ามาหาฮันปู้ฟู่
ฮันปู้ฟู่ตวัดมือขึ้นคว้าจับ ปรากฏว่ามันเป็นลูกศรเงินดอกหนึ่ง
เขารีบหยิบกระดาษที่ติดมากับลูกศรดอกนั้นมาคลี่อ่านดู แล้วสีหน้าที่อยู่ภายใต้หมวกเหล็กของฮันปู้ฟู่ก็แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
หลินเป่ยเฉินรับทราบได้โดยทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ฮันปู้ฟู่โยนลูกศรเงินทิ้งไปและจ้องมองไปทางสังเวียนประลอง
บัดนี้ กลุ่มก้อนพลังสีทองคำกำลังระเบิดแสงสว่างเจิดจ้าอยู่เหนือเวทีประลอง
แล้วร่างของป่าเต๋อก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวที
ผู้บัญชาการกองทัพอสูรโลหิตจะออกมาต่อสู้เป็นคู่ที่สาม
ป่าเต๋อยืนนิ่งเงียบอยู่บนสังเวียนการประลอง พยายามกำชับกับตนเองอยู่ในใจว่าวันนี้มันจะพ่ายแพ้ให้แก่กองทัพเป่ยเฉินไม่ได้เป็นอันขาด เพราะนั่นหมายความว่าเผ่าพันธุ์อสูรจะต้องพ่ายแพ้ต่อหน้าพวกมนุษย์ทะเลทรายเช่นเดียวกับผู้รับชมการประลองอีกเป็นจำนวนมาก
ป่าเต๋อไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตนเองจะต้องมาเข้าร่วมการประลองอะไรเช่นนี้
หากรู้อย่างนี้ มันคงซื้อตำรา ‘การวางตัวต่อหน้าสาธารณะ’ มาอ่านนานแล้วเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของตนเองให้ดูดีมีสง่าราศีมากขึ้น
ในเวลาเดียวกันนี้ ฮันปู้ฟู่ก็แอบส่งพลังจิตสื่อสารกับหลินเป่ยเฉินว่า “สิ่งที่เจ้าพูดกับข้าเมื่อครั้งก่อน ข้ายังสามารถเชื่อถือได้อยู่หรือไม่?”
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินตอบรับกลับไปผ่านทางพลังจิตเช่นกัน “ศิษย์พี่ฮันไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับบุตรสาวของท่านแน่นอน”
ฮันปู้ฟู่รีบกล่าวสวนกลับมาว่า “ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น… ข้าหมายถึงเรื่องที่เจ้าบอกว่าเจ้ายังมีผู้ติดตามที่สามารถเข้าร่วมการประลองได้อีกหนึ่งคนน่ะ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะแหะ ๆ “อ้อ…สถานการณ์ของเราเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”
“พอดีเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย”
ฮันปู้ฟู่ตอบคำถามผ่านทางพลังจิต “จอมเทพอนันต์อีกสามคนที่ข้าเตรียมเอาไว้ไม่สามารถเข้าร่วมการประลองได้อีกแล้ว”
อ้าว…
ในห้วงคิดของหลินเป่ยเฉินกำลังนึกถึงคำทำนายในแอปพยากรณ์ดวงประจำวันขึ้นมาทันที
หลังจากนั้น ค่อยนึกถึงคำทนายโดยการเหวี่ยงนาฬิกาของฮันปู้ฟู่…
เห็นไหมล่ะ สิ่งที่ขัดแย้งกับกฎของนิวตันนั้นไม่สามารถเชื่อถือได้ แม้แต่แอปพลิเคชันพยากรณ์ดวงประจำวันในโทรศัพท์มือถือก็ยังมีความแม่นยำมากกว่ากันหลายเท่า
บัดนี้ เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นเสียแล้ว
หลินเป่ยเฉินกำลังจะส่งร่างแยกของราชาหินดำเข้าสู่สังเวียนการประลอง แต่แล้วในทันใดนั้นเอง แอปวีแชตก็ส่งสัญญาณแจ้งเตือนขึ้นมาว่ามีสายเรียกเข้า
หืม?
ใครกันนะ?
หลินเป่ยเฉินรีบนำโทรศัพท์ออกมาเปิดดูหน้าจอ
ปรากฏว่าเป็นสายเรียกเข้าจาก ‘เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง’
เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ นางยังจะมาก่อกวนอะไรเขาอีก?
หลินเป่ยเฉินกดปุ่มปฏิเสธการรับสายและหันไปมองหน้าฮันปู้ฟู่พลางกล่าวว่า “เกิดอะไรขึ้นกับยอดฝีมือที่ศิษย์พี่หามาหรือขอรับ ทำไมอยู่ดี ๆ พวกเขาถึงเข้าร่วมกันประลองไม่ได้แล้ว?”
ฮันปู้ฟู่ตอบกลับมาช้า ๆ ว่า “เป็นปัญหาภายในประการหนึ่ง”
หลินเป่ยเฉินถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
ศิษย์พี่ฮันหนอศิษย์พี่ฮัน เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านยังจะปิดบังข้อมูลจากข้าอยู่อีกหรือ?
เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด พูดผ่านทางกระแสจิตว่า “ไม่มีปัญหาขอรับ เดี๋ยวข้าจะส่งผู้ติดตามของข้าออกไปสู้เป็นคู่ที่สามนี้เอง แต่ว่า… ข้ารับประกันไม่ได้นะขอรับว่าจะชนะหรือไม่ สิ่งที่ข้าพอจะช่วยท่านได้ก็คือการถ่วงเวลาเท่านั้น หากผู้ติดตามของข้าชนะก็ดีไป แต่หากเขาพ่ายแพ้ขึ้นมา การประลองอีกสองคู่ที่เหลืออยู่ ท่านต้องหาทางแก้ปัญหาเองแล้ว”
ร่างแยกของราชาหินดำมีพลังต่ำต้อยกว่าผู้บัญชาการป่าเต๋อจากกองทัพอสูรโลหิต ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่ร่างแยกของราชาหินดำจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ส่วนร่างแยกของมือกระบี่เมินฟ้าก็ยังไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว
เพราะการเชื่อมต่อวิญญาณก็ยังไม่เสถียรสักเท่าไหร่
ถึงส่งออกไป หลินเป่ยเฉินก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่าจะชนะหรือไม่
ทันใดนั้น…
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
สัญญาณแจ้งเตือนสายเรียกเข้าจากเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงดังขึ้นอีกครั้ง
“หรือว่าจะมีเรื่องเร่งด่วน?”
ครั้งนี้ หลินเป่ยเฉินกดรับสายแล้ว
“ประเสริฐ เจ้าลูกเต่า กล้าดีอย่างไรถึงได้ไม่ยอมรับสายของข้า?”
เสียงพูดด้วยความโกรธเคืองของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงดังออกมาจากลำโพงโทรศัพท์
“มีอะไร?”
หลินเป่ยเฉินตอบด้วยเสียงห้วนสั้น “ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งอยู่กับการฆ่าคน ไม่มีเวลาว่างมาพูดคุยกับท่านหรอก”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพูดสวนกลับมาทันที “เจ้าต้องการจอมเทพอนันต์อีกสองคนไปเข้าร่วมการประลองไม่ใช่หรือ?”
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักและถามว่า “หืม? ท่านรู้ได้อย่างไร?”
เสียงหัวเราะของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงดังตอบกลับมาจากปลายสาย “ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร ก็ข้าเป็นมารดาของเจ้านี่นา”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “เข้าเรื่องได้แล้ว”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยังคงหัวเราะขณะกล่าวต่อไปว่า “ข้าขอถามเจ้า เจ้าต้องการกำลังเสริมหรือไม่?”
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินยิ่งเคร่งเครียดมากกว่าเดิม “คนของท่านสามารถเอาชนะจอมเทพอนันต์ได้หรือไม่?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบว่า “อย่างป่าเต๋อหรือราชาหยกขาวน่ะ ต้องพ่ายแพ้ให้กับคนของข้าอย่างแน่นอน”
ให้ตายสิ!
หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “ท่านรู้มากเกินไปแล้ว!”