เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1982 เปลี่ยนยอดฝีมือเป็นสุนัขรับใช้
ตอนที่ 1,982 เปลี่ยนยอดฝีมือเป็นสุนัขรับใช้
กล่าวตามความจริง นี่คือเหตุการณ์ที่ทุกคนสามารถรับชมได้โดยไม่รู้เบื่อ
เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เผ่ามนุษย์ทะเลทรายเป็นตัวแทนของผู้แข็งแกร่ง เป็นภาพลักษณ์ของผู้มีอำนาจ และเป็นชนชั้นสูงที่ผู้ใดก็แตะต้องไม่ได้เด็ดขาด
แต่บัดนี้ ภาพลักษณ์เหล่านั้นได้พังทลายลงแล้ว
ทุกคนได้เห็นกับตาว่ามือกระบี่เมินฟ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส และในการประลองเพียงพริบตาเดียว เขาก็ถึงกับยอมแพ้คู่ต่อสู้เพราะความรักตัวกลัวตาย
ประเสริฐ
นี่แหละสิ่งที่ผู้คนอยากเห็น
เพียงเท่านี้ก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว
ส่วนบรรดาคนใหญ่คนโตที่เป็นยอดฝีมือล้วนรู้สึกสงสัยใจยิ่งนัก
ในอาณาเขตเงาทมิฬเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจอมเทพอนันต์ผู้ดุร้ายจึงกลายเป็นสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์เยี่ยงนี้?
นี่คือคำถามที่แม้แต่ฮันปู้ฟู่กับป่าเต๋อก็อยากจะถามออกมาเช่นกัน
ฮันซางเซียงอ้าปากเหวอด้วยความตกตะลึงจนแทบจะยัดไข่ต้มเข้าไปได้ทั้งลูก
ขณะนี้ ราชาหยกขาวเข้าใจแล้วว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
“เจ้าทำอะไรกับเขา?”
เขาจ้องมองหลินเป่ยเฉินและถามย้ำทีละคำ “เจ้าใช้วิธีการบางอย่างควบคุมเขาอยู่ใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินผู้ยืนอยู่บนสังเวียนประลองไม่ตอบคำใด
การไม่ตอบคำถามคือการเหยียดหยามที่น่าเจ็บใจที่สุด
ชายเสื้อคลุมสีขาวปลิวไสวในอากาศ
ผมสีดำยาวสยายปลิวไสวในอากาศ
บนใบหน้าของหลินเป่ยเฉินปกปิดด้วยหน้ากากไร้หน้า ไม่มีหูตาจมูกปาก บางคนคาดเดาว่าใบหน้าที่แท้จริงของบุรุษผู้นี้คงอัปลักษณ์เป็นแน่ แต่ผู้คนจำนวนมากกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
พวกเขารู้สึกว่าบุรุษผู้นี้ต้องมีโฉมหน้าที่หล่อเหลามาก
หลินเป่ยเฉินหันหน้าไปทางราชาหยกขาว ก่อนจะยกมือขึ้น แล้วคว่ำนิ้วโป้งลง
ทุกคนล้วนทราบดีว่าท่าทางนี้หมายถึงอะไร
นี่เป็นการดูถูกกันอย่างร้ายกาจ
“เผ่ามนุษย์ทะเลทรายไม่เห็นจะน่ากลัวสมคำเล่าลือ”
หลินเป่ยเฉินกล่าวเสียงเรียบ
เส้นเลือดบริเวณลำคอของราชาหยกขาวปูดโปนขึ้นมาทันที
บ้าไปแล้ว
บรรดาผู้รับชมต่างก็ตื่นตกใจ
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าราชันจอมโจรเงาจะบังอาจดูหมิ่นเผ่ามนุษย์ทะเลทรายได้ถึงเพียงนี้
แต่คนผู้นี้เป็นสมาชิกของกองทัพเป่ยเฉิน เพราะฉะนั้น นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลดีแล้ว… เพียงแต่นี่เป็นพฤติกรรมที่ออกจะบ้าระห่ำเกินไปสักเล็กน้อย
“คุณชายผู้สูงส่ง ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ แต่ท่านไม่ควรควบคุมเขาเพื่อทำให้เผ่ามนุษย์ทะเลทรายต้องอับอายเช่นนี้”
ราชาหยกขาวกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
เขาพบเห็นความผิดปกติบางอย่าง
แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน
ไม่ว่ามือกระบี่เมินฟ้าจะถูกอีกฝ่ายควบคุมจริงหรือไม่ แต่ราชาหยกขาวก็ต้องพูดออกไปเช่นนี้
นี่เป็นเพียงวิธีเดียวในการกลบเกลื่อนความอับอายเท่านั้น
เขาจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ กล่าวว่า “ท่านมีนามว่าราชันจอมโจรเงาใช่หรือไม่? ข้าจะได้จดจำเอาไว้ ท่านอาจจะไม่รู้ว่าการกระทำเช่นนี้จะส่งผลให้เกิดสิ่งใดตามมา แต่อย่าห่วงไปเลย ข้าจะบอกท่านเอง… ท่านกำลังจะกลายเป็นผู้ร้ายอันดับหนึ่งที่เผ่ามนุษย์ทะเลทรายหมายหัว!”
เมื่อราชาหยกขาวกล่าวประโยคนี้ออกมา สีหน้าของผู้คนที่รับชมการประลองก็ต้องเปลี่ยนไปทันที
ราชันจอมโจรเงากำลังถูกหมายหัวโดยเผ่ามนุษย์ทะเลทรายอย่างเป็นทางการ!
นี่คือเรื่องที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่คนผู้หนึ่งจะพบเจอได้ในชีวิตนี้
ชีวิตของราชันจอมโจรเงากำลังจะเต็มไปด้วยการถูกตามล้างแค้น
แม้แต่บรรดายอดฝีมือระดับสูงก็ยังอดหวาดหวั่นแทนบุรุษหนุ่มไม่ได้
แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินได้ยินประโยคนั้น แทนที่เขาจะหวาดกลัว เขากลับหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“ปากเก่งจริง ๆ เลยนะ”
ครั้งนี้ เขาเงยหน้าขึ้นและระเบิดเสียงคำรามตอบกลับไป “เก่งจริงก็ลงมาสู้กันตัวต่อตัว อย่าดีแต่ปากให้มากนัก หากข้ากลัวการถูกตามล่าโดยเผ่ามนุษย์ทะเลทราย ข้าขอเกิดเป็นลูกสุนัขเสียยังดีกว่า”
ใบหน้าของราชาหยกขาวกระตุกด้วยความโกรธแค้น
ไม่มีผู้ใดเคยกล่าววาจาเช่นนี้กับเขามาก่อน
แต่ไม่ทันที่ราชาหยกขาวจะได้ตอบโต้ หลินเป่ยเฉินก็ชิงตะโกนตัดหน้าว่า “สมองของเจ้านี่มันเป็นสมองของหมูโง่จริง ๆ”
ทุกสายตาจ้องมองไปยังบุรุษผู้สวมใส่หน้ากากไร้หน้า ผู้กล่าววาจาหยาบคายไม่ต่างกับอันธพาลข้างถนนได้อย่างสง่างามยิ่งนัก ทุกคนรู้สึกว่าช่างเป็นโชคดีของตนเองเหลือเกินที่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ บรรยากาศกลับคืนสู่ความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ยิ่งราชาหยกขาวถูกด่าแรงมากเท่าไหร่ ผู้ชมก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินยังคงรักษาความสงบเยือกเย็นของตนเองเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
จากนั้นเขาก็เดินออกจากสังเวียนประลอง
“ข้าไม่สามารถเป็นศัตรูกับคุณชายผู้กล้าหาญได้อีกแล้ว เพราะฉะนั้น นับจากนี้ไป ข้ากับเผ่ามนุษย์ทะเลทรายไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันอีก”
มือกระบี่เมินฟ้าไม่ต่างไปจากสุนัขตัวหนึ่งที่พบว่ากำลังจะถูกเจ้าของทอดทิ้ง เขาร้องตะโกนไล่หลังหลินเป่ยเฉินก่อนที่ตัวคนจะพุ่งเป็นลำแสงหายวับไปยังกลุ่มดวงดาวที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า
ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างก็อธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก
บางคนรู้สึกตกตะลึง
บางคนรู้สึกขบขัน
แต่สิ่งที่พวกเขามองไม่เห็นก็คือ บัดนี้ มือกระบี่เมินฟ้าได้สลายพลังกดดันของตนเองลงและซ่อนตัวอยู่ในกองเรือเหาะของกองทัพเป่ยเฉินเสมือนไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
บัดนี้ บังเกิดเสียงโห่ร้องต้อนรับการกลับมาของหลินเป่ยเฉินดังอื้ออึง
บรรยากาศเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
นี่คือสิ่งที่นายทหารทุกคนในกองทัพเป่ยเฉินปรารถนามากที่สุด
หากชัยชนะของท่านแม่ทัพใหญ่ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ชัยชนะของราชันจอมโจรเงาผู้นี้ก็ทำให้แสงสว่างเหล่านั้นเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น
นับตั้งแต่ที่สงครามอุบัติขึ้น กองทัพเป่ยเฉินและเผ่ามนุษย์ทะเลทรายต้องเผชิญหน้ากันมานับครั้งไม่ถ้วน และนี่เป็นครั้งแรกที่กองทัพเป่ยเฉินกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างชัดเจน
คำด่าของหลินเป่ยเฉินที่ทิ้งท้ายกับราชาหยกขาวนั้น คือสิ่งที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนมาก
และนี่ยังแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของเขาอีกด้วย
หลินเป่ยเฉินได้สร้างตัวตนใหม่ของตนเองขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ราชันจอมโจรเงาสามารถเอาชนะใจผู้คนในกองทัพเป่ยเฉินได้สำเร็จแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าต้องการทำสิ่งใดในอนาคต ทุกอย่างก็ง่ายดายขึ้นมาก
เขาเดินไปหยุดยืนข้างกายฮันปู้ฟู่ ประสานมือคำนับและกล่าวว่า “โชคดีที่ข้าน้อยไม่ได้ทำให้ท่านแม่ทัพใหญ่ต้องขายหน้า”
ฮันปู้ฟู่พยักหน้าด้วยความสงบสุขุม “ขอบใจท่านมากแล้ว”
ฮันซางเซียงเฝ้ามองทั้งสองคนแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกันก็ต้องแอบอมยิ้มเล็กน้อย
บัดนี้ นางเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดบิดาถึงเชื่อมั่นในตัวพี่หลินมากมายถึงเพียงนี้
ใช่แล้ว!
นั่นเป็นเพราะว่าพี่หลินเป็นผู้ที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้จริง ๆ