เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1981 ข้าน้อยขอยอมแพ้
ตอนที่ 1,981 ข้าน้อยขอยอมแพ้
ฮันปู้ฟู่ชำเลืองมองไปยังบุตรสาวของตนเองและถอนหายใจเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ว่าจะเป็นการสู้รบในครั้งใด ท่านอาหลินของเจ้าก็ไม่เคยตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อยู่แล้ว”
ฮันปู้ฟู่กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นใจ
ฮันซางเซียงไม่ตอบรับคำใด
บิดาของนางเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
“ท่านพ่อ ดูเหมือนท่านจะเชื่อมั่นในตัวของพี่หลินมากเสียเหลือเกินนะเจ้าคะ”
นางอดกล่าวออกมาไม่ได้
ฮันปู้ฟู่ตอบเสียงเรียบว่า “นี่นับเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มากับเขา เจ้าไม่เคยรู้หรอกว่าท่านอาหลินเคยสร้างปาฏิหาริย์ใดเอาไว้บ้าง แต่พ่อเคยเห็นด้วยตาของตนเองมาแล้ว…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ในที่สุด บนสังเวียนประลองก็เกิดความเปลี่ยนแปลง
แสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ
แล้วร่างของคนสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นบนสังเวียน
ร่างหนึ่งใส่ชุดสีขาว
อีกร่างหนึ่งใส่ชุดสีแดง
นี่คือราชันจอมโจรเงากับมือกระบี่เมินฟ้า
ทั้งสองฝ่ายยืนเผชิญหน้ากัน
สายตาของผู้คนจำนวนมากจ้องมองไปที่คนทั้งสอง
การต่อสู้จบลงแล้วหรือ?
ผลแพ้ชนะเป็นอย่างไร?
เห็นได้ชัดว่าสภาพร่างกายของมือกระบี่เมินฟ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ต่างจากผู้ถูกรุมทำร้ายอย่างหนักหน่วง ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ลมหายใจรวยริน
“ราชันจอมโจรเงาแข็งแกร่งเหลือเกิน”
มือกระบี่เมินฟ้าแสดงสีหน้าสำนึกผิด
ก่อนที่เขาจะหันมาประสานมือคำนับหลินเป่ยเฉินด้วยความอ่อนน้อมพร้อมกับกล่าวเสียงดังว่า “วิชาอาณาเขตเงาทมิฬของท่านแข็งแกร่งเกินไป ข้าน้อยมิใช่คู่ต่อสู้ของท่านเลย ข้าน้อยไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของท่านแม้แต่น้อย คุณชายท่านนี้ไม่เพียงแต่มีฝีมือแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังมีจิตใจที่บริสุทธิ์และรักในความยุติธรรม ข้าน้อยไม่เคยพบเห็นผู้ใดมีความยิ่งใหญ่และสง่าผ่าเผยเช่นคุณชายมาก่อน ข้าน้อยมิบังอาจสู้หน้าคุณชายได้อีกแล้ว… ข้าน้อยขอยอมแพ้ขอรับ ข้าน้อยขอยอมแพ้”
คำพูดของมือกระบี่เมินฟ้านอกจากจะดังกังวานไปทั่วสนามประลองแล้ว ยังดังผ่านหน้าจอถ่ายทอดสดอีกด้วย… แต่หากจะกล่าวตามความจริง มือกระบี่เมินฟ้าพูดประโยคนั้นออกมาพร้อมกับระเบิดพลังปราณออกมาด้วย นั่นจึงทำให้แม้ผู้ที่ไม่ได้รับชมการถ่ายทอดสด ก็ยังได้ยินคำพูดเหล่านี้ไปโดยปริยาย
ท่านผู้คุมสภาจากสภาศักดิ์สิทธิ์ยกมือขึ้นปิดหูโดยไม่รู้ตัว
ฟางซื่อหลี่เบิกตาโตด้วยความพิศวง
องค์ชายหลิงขมวดคิ้วครุ่นคิด
ฟางซื่อหลี่พิศวงว่าตนเองอาจจะหูฝาดไป
องค์ชายหลิงกำลังคิดว่านี่คือพฤติกรรมที่เขารู้สึกคุ้นเคย
ในเวลาเดียวกันนี้
บรรดาผู้ชมรอบสังเวียนประลองเมื่อตื่นขึ้นจากภวังค์แล้ว พวกเขาก็ต้องลุกขึ้นยืนด้วยความตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ
ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นในอาณาเขตเงาทมิฬนั้น?
เหตุใดมือกระบี่เมินฟ้าจึงได้ขอยอมแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้?
ต่อให้ถูกราชันจอมโจรเงาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคอ มือกระบี่เมินฟ้าก็ไม่สมควรยอมแพ้ในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้เด็ดขาด เพราะนั่นหมายความว่าหลังจากนี้ มือกระบี่เมินฟ้าจะไม่สามารถสู้หน้าผู้คนได้อีกแล้ว
ให้ตายเถอะ
นี่เป็นการประลองระหว่างจอมเทพอนันต์จริง ๆ หรือ?
แต่ถึงกระนั้น บรรดาผู้คนที่ก่อนหน้านี้เรียกร้องให้มีการคืนค่าตั๋วเพราะไม่ได้เห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่าน พวกเขาก็เกิดความคิดเดียวกันว่าการได้เห็นมือกระบี่เมินฟ้าขอยอมแพ้อย่างไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้ ถือเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากและคุ้มค่าตั๋วแล้ว
บางคนถึงกับบันทึกภาพเหตุการณ์ในครั้งนี้เอาไว้
เมื่อกลับไปจากการประลองในครั้งนี้ พวกเขาก็สามารถนำไปคุยโวได้สิบวันสิบคืน
ณ เรือหอลำใหญ่ของกองทัพอสูร
ป่าเต๋อใช้กำปั้นทุบที่เท้าแขนของบัลลังก์ตนเองจนที่เท้าแขนนั้นแตกกระจาย
เต๋อกู่ขุนพลผู้ซื่อสัตย์ก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน แววตาของเขาบอกชัดถึงความสับสน ‘ก็เมื่อสักครู่นี้ท่านแม่ทัพบอกเองไม่ใช่หรือว่าการต่อสู้ในอาณาเขตปริศนานั้นดุเดือดมาก ไม่สามารถบอกได้เลยว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ แล้วทำไมผลการต่อสู้ถึงออกมาเป็นเช่นนี้ไปได้?’
มันหันไปมองหน้าผู้บังคับบัญชาของตนเองโดยไม่รู้ตัว
และเต๋อกู่ก็พบว่าท่านแม่ทัพป่าเต๋อก็กำลังมองหน้ามันอยู่เช่นกัน
ดวงตาของพวกมันประสานกัน
เต๋อกู่รีบก้มหน้าต่ำ ตอนแรกคิดอยากจะถามสอบบางอย่าง แต่เมื่อเห็นแววตาของผู้เป็นเจ้านาย มันก็ไม่กล้าถามอะไรอีกแล้ว
ส่วนปฏิกิริยาของผู้ดูแลสุสานอวี้ตี่ก็น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
นางนั่งอยู่บนบัลลังก์สำหรับผู้ที่มีสถานะสูงส่งเหนืออสูรธรรมดาเงียบ ๆ สีหน้าที่เคยเยือกเย็น บัดนี้กลับแสดงออกถึงความตื่นเต้นเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มคล้ายกับว่านางกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง
เมื่อแม่ทัพอสูรป่าเต๋อหันมามองหน้านาง อวี้ตี่ก็พยักหน้าตอบกลับไป เป็นการยืนยันให้ดำเนินการตามแผนเดิมไปก่อน เผ่าพันธุ์อสูรต้องรอคอยเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงต่อไป
ในกลุ่มผู้คนทั้งหมด ปฏิกิริยาตอบรับที่รุนแรงที่สุดย่อมมาจากราชาหยกขาว
จอมเทพอนันต์แห่งเผ่ามนุษย์ทะเลทรายซึ่งก่อนหน้านี้นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวพลันลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธแค้น
พลังกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาในขณะนี้ทำให้เก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เมื่อสักครู่ระเบิดกระจายเป็นฝุ่นผง แม้แต่บรรดาขุนพลอสูรอาวุโสที่อยู่รอบกายก็ยังตัวสั่นเทาและบางตัวก็ถึงกับร่างระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือด…
บัดนี้ ความตกตะลึงและความโกรธแค้นปรากฏขึ้นบนสีหน้าของราชาหยกขาวอย่างไม่อาจปิดบัง
ความเดือดดาลปะทุขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
เขากำลังรู้สึกอับอาย!
อับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!!
มือกระบี่เมินฟ้าเสียสติไปแล้วหรือไร?
เขากล้าดีอย่างไรถึงได้กล่าววาจาเช่นนั้นออกมา?
นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าความพ่ายแพ้ใด ๆ เสียอีก
นี่ไม่ต่างจากการยอมหมอบกราบแทบเท้าของราชันจอมโจรเงาและปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำย่ำยีได้ตามใจชอบ
เมื่อเรื่องราวนี้ได้รับการเผยแพร่ออกไป บรรดาผู้อาวุโสของเผ่ามนุษย์ทะเลทรายก็คงกลายเป็นตัวตลกให้ผู้คนหัวเราะเยาะไปทั่วเส้นทางดาราจักรแล้ว
ไม่มีสิ่งใดน่าอับอายมากไปกว่านี้
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับพวกเราเผ่ามนุษย์ทะเลทรายอีกแล้ว”
ราชาหยกขาวมีสิทธิ์ตัดสินใจ
เพราะนอกจากเขาจะเป็นผู้ดูแลการประลองครั้งนี้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นขั้นพลังของเขาหรือตำแหน่งในสภาทะเลทราย ราชาหยกขาวล้วนมีความสูงส่งมากกว่ามือกระบี่เมินฟ้าทั้งสิ้น
แต่ทว่า…
“หุบปาก ข้าไม่อยากได้ยินเสียงของเจ้า!”
มือกระบี่เมินฟ้าคำรามเสียงดังสนั่น
เขาหันกลับมาแผดเสียงใส่กองเรือเหาะของกองทัพอสูร หลังจากนั้น มือกระบี่เมินฟ้าก็จ้องมองไปที่ราชาหยกขาวและกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “ข้าเหลือทนกับเจ้าแล้ว เจ้าหมูโง่ เจ้ากล้าดีอย่างไร? คิดดูหมิ่นท่านราชันจอมโจรเงาอย่างนั้นหรือ? เจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่รอดอีกต่อไปแล้วกระมัง?”
ให้ตายเถอะ
เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ผู้คนจากทุกฝ่ายต่างก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
การต่อสู้ก่อนหน้านี้เป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังการต่อสู้ต่างหากที่น่าสนใจอย่างแท้จริง
ในขณะนี้ ผู้รับชมจำนวนมากต่างก็เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความตื่นเต้น ไม่มีความเบื่อหน่ายหรือความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนสีหน้าเลย
สู้กัน!
จงสู้กันเดี๋ยวนี้ เริ่มเปิดฉากสู้กันเลยเถอะ!!!
ผู้คนจำนวนมากต่างก็เรียกร้องอยู่ในใจ