เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1980 ชัยชนะหรือพ่ายแพ้
ตอนที่ 1,980 ชัยชนะหรือพ่ายแพ้
เกิดอะไรขึ้น?
นั่นคือความคิดสุดท้ายในชีวิตของมือกระบี่เมินฟ้า แล้วทุกสิ่งทุกอย่างในจิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
หลังจากนั้น…
ความมืดมิดกลืนกิน
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไป
ตุบ!
ร่างของมือกระบี่เมินฟ้าล้มลง
แต่หลินเป่ยเฉินเป็นคนที่ระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง เขาจึงไม่มีทางปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด เด็กหนุ่มควบคุมให้ร่างแยกของราชาหินดำเดินเข้าไปใช้กระบี่แทงศพของมือกระบี่เมินฟ้าอีกหลายครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายตายแล้วจริง ๆ
“ดูเหมือนสารเมทานอลจะใช้ได้ผลจริง ๆ แฮะ”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยความดีใจ
ก่อนหน้านี้ ราชาหินดำมีความปกติทางสมองอยู่แล้ว เมื่อดื่มไวน์ผสมสารเมทานอลเข้าไป สารพิษจึงออกฤทธิ์เร็วมากกว่าคนปกติ
แต่มือกระบี่เมินฟ้าไม่ได้มีความผิดปกติทางสมองจึงต้องใช้ไวน์ถึงสี่ขวดกว่าพิษจะออกฤทธิ์สำเร็จผล
หลินเป่ยเฉินไม่ทราบเลยว่าความจริงนั้น สารเมทานอลจะออกฤทธิ์อย่างช้า ๆ แต่ด้วยความที่มือกระบี่เมินฟ้าเป็นผู้ใช้สายเลือดผู้แปรธาตุ ร่างกายของเขาจึงดูดซับพิษเข้าไปเพื่อย่อยสลาย แต่นั่นกลับกลายเป็นว่ายิ่งเร่งระยะเวลาให้พิษออกฤทธิ์เร็วมากกว่าเดิม
ดังนั้น เพียงดื่มไวน์ผสมสารเมทานอลสี่ขวดเท่านั้น ระบบประสาทส่วนกลางก็ถูกทำลายหมดสิ้น
หากมือกระบี่เมินฟ้าไม่ได้ใช้วิชาการสลายพิษของตนเอง เขาก็อาจจะมีชีวิตอยู่ได้นานมากกว่านี้
นี่จึงเท่ากับว่ามือกระบี่เมินฟ้าฆ่าตัวตาย
หลินเป่ยเฉินทดสอบเก็บร่างของมือกระบี่เมินฟ้าเข้าสู่แอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์
สำเร็จ!
มือกระบี่เมินฟ้าตายแล้วจริง ๆ
กล่าวกันตามความเป็นจริง สารเมทานอลไม่ได้มีผลออกฤทธิ์เพียงทำลายระบบประสาทส่วนกลางเท่านั้น แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมันคือการทำลายวิญญาณของจอมเทพอนันต์ได้โดยสมบูรณ์
ด้วยวิธีนี้ ร่างกายของมือกระบี่เมินฟ้าจึงไร้วิญญาณและถูกนำมาใช้เป็นร่างแยกของหลินเป่ยเฉินได้อย่างรวดเร็ว
หลินเป่ยเฉินลองคำนวณเวลาอยู่ในใจ
ยังคงเหลือเวลาอีกหนึ่งก้านธูปกว่าที่เขาจะหมดเวลาในอาณาเขตสนธยา
ในเมื่อไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว หลินเป่ยเฉินจึงจัดการเชื่อมต่อวิญญาณเข้ากับร่างของมือกระบี่เมินฟ้าเสียเลย
เด็กหนุ่มเคยมีประสบการณ์เชื่อมต่อวิญญาณกับร่างของราชาหินดำมาแล้ว เขาจึงรู้จักขั้นตอนทุกอย่างเป็นอย่างดี
ไม่ถึงครึ่งก้านธูป หลินเป่ยเฉินก็มีร่างแยกระดับจอมเทพอนันต์ร่างใหม่ให้ใช้งานเรียบร้อย
“ในอดีต เจ้าเก็บศพภรรยาศิษย์พี่ฮันเอาไว้ บัดนี้ ข้าก็จะเก็บศพของเจ้าเอาไว้ใช้งาน ถือว่าเป็นการชดใช้บาปกรรมก็แล้วกันนะ”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองร่างของมือกระบี่เมินฟ้าที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยความดีใจ
เขารู้สึกว่ากลยุทธ์ของตนเองมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
ในอนาคต หากต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เขาก็แค่ต้องลากคู่ต่อสู้คนนั้นเข้ามาอยู่ในอาณาเขตสนธยาและนำร่างแยกของราชาหินดำกับมือกระบี่เมินฟ้าออกมารุมคู่ต่อสู้ผู้นั้นเท่านั้น เพียงเท่านี้ ชัยชนะก็ไม่มีทางหลุดรอดออกไปจากมือของเขาได้อีกแล้ว
แต่น่าเสียดายชะมัด
การประลองในครั้งนี้ หนึ่งคนมีสิทธิ์ประลองได้เพียงหนึ่งครั้ง
มิเช่นนั้น หลินเป่ยเฉินก็จะอาสาออกไปต่อสู้กับการประลองอีกสามรอบที่เหลืออยู่ แล้วเขาก็จะได้ร่างแยกมาใช้งานเพิ่มเติมไม่ใช่หรือ?
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเสียใจยิ่งนัก
แต่เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบกายเริ่มหนาวเย็นมากขึ้น
ไม่เป็นไร
ออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า
อยากรู้จริงว่าผู้คนจะประหลาดใจกันมากเพียงใด?
…
กาลเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าและรวดเร็ว
ผ่านไปได้หนึ่งก้านธูปแล้ว
บรรดาผู้รับชมการประลองต่างก็จ้องมองไปที่สังเวียนต่อสู้ บรรดาคนใหญ่คนโตที่อยู่บนเรือเหาะต่างก็มีสีหน้าตื่นเต้นตึงเครียด
และบางคนถึงกับรู้สึกเบื่อหน่าย
เพราะไม่มีการต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่านให้รับชม
ไม่ว่าพยายามเพ่งตามองสักเท่าไหร่ พวกเขาก็มองไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น
“คืนเงิน คืนเงินค่าตั๋วมาให้พวกเราเดี๋ยวนี้”
บางคนถึงกับยกมือขยี้ดวงตา ร้องไห้ออกมาเสียงดัง
ช่างเงียบเหงาจริง ๆ
ฟางซื่อหลี่เองก็รู้สึกตึงเครียดไม่ใช่น้อย
บนเรือเหาะจากคณะทูตของอาณาจักรเกิงจิน องค์ชายหลิงมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ส่วนผู้คุมสภาจากสภาศักดิ์สิทธิ์นั้นเพียงแต่มีสีหน้าพิศวงสงสัยราวกับไม่แน่ใจในอะไรบางอย่าง
…
ทิศตะวันตก
กองเรือเหาะของกองทัพอสูรโลหิต
ราชาหยกขาวผู้เป็นหนึ่งในตัวแทนจากเผ่ามนุษย์ทะเลทราย บัดนี้กำลังขมวดคิ้วขบคิดอะไรบางอย่าง
ส่วนผู้บัญชาการกองทัพอสูรโลหิตอย่างป่าเต๋อก็มีดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ ดูเหมือนมันจะมองเห็นสิ่งที่ผู้อื่นมองไม่เห็น บางครั้งป่าเต๋อก็จะผงกศีรษะ บางครั้งก็จะแสดงสีหน้าประหลาดใจคล้ายกับเข้าใจทุกเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น…
บรรดาอสูรทั้งหลายต่างก็จ้องมองผู้บัญชาการของพวกมันด้วยความเคารพเลื่อมใส
สิ่งที่ผู้อื่นมองไม่เห็น แต่แม่ทัพของพวกมันสามารถมองเห็น
นี่สิถึงจะเรียกว่าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง
“นายท่านเห็นอะไรหรือขอรับ?”
เต๋อกู่ผู้ติดตามคนสนิทของป่าเต๋อโน้มกายเข้ามากระซิบถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ไม่ทราบว่าผลการต่อสู้เป็นอย่างไร ผู้ใดชนะหรือขอรับ?”
ป่าเต๋อยกมือขยี้ตา หันกลับมามองหน้าคนสนิทของตนเองและตอบเสียงเรียบว่า “นี่เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก ไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะ…”
ผู้ดูแลสุสานอวี้ตี่หันมาชำเลืองมองป่าเต๋อ
อสูรสาวมีสีหน้าแปลกประหลาดเล็กน้อย
แต่นางก็ไม่ได้พูดคำใดออกมา
อวี้ตี่มีขั้นพลังสูงล้ำกว่าป่าเต๋อ แต่นางก็ยังมองไม่เห็นเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบนสังเวียนประลองกันแน่ เพราะฉะนั้น ป่าเต๋อจึงไม่มีทางมองเห็นเด็ดขาด
นี่จึงหมายความว่าป่าเต๋อเพียงกำลังเสแสร้งเท่านั้น
…
ทิศตะวันออก
ฮันปู้ฟู่จ้องมองไปยังสังเวียนประลองด้วยสายตาที่สงบสุขุมราวกับทะเลสาบพันปี
ด้านหลังเขามีบรรดาขุนพลระดับสูงของกองทัพเป่ยเฉินยืนอยู่
ทุกคนต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
เพราะเมื่อจบการประลองคู่นี้ ก็ยังมีการประลองรอคอยอยู่อีกสามคู่
แต่ถึงอย่างนั้น การประลองคู่ที่สองถือเป็นการประลองที่สำคัญที่สุด มันเป็นการประลองที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของกองทัพเป่ยเฉิน เพราะตราบใดที่พวกเขาสามารถเอาชนะการประลองได้สองคู่แรก โอกาสที่กองทัพเป่ยเฉินจะเป็นผู้ชนะในการประลองวันนี้ก็มีสูงมาก
ความกดดันก็จะลดน้อยลง
“ท่านพ่อ…”
ฮันซางเซียงส่งเสียงเรียกด้วยความวิตกกังวล
ฮันซางเซียงเป็นเพียงไม่กี่คนที่รับทราบตัวตนที่แท้จริงของหลินเป่ยเฉินและนางก็รู้สึกวิตกกังวลจนทนไม่ไหว ต้องแอบมายืนอยู่ด้านหลังบิดาและส่งเสียงถามผ่านทางพลังจิตว่า “ท่านมองเห็นการต่อสู้หรือไม่?”
ฮันปู้ฟู่ส่ายศีรษะเป็นคำตอบ
“ถ้าอย่างนั้น… เขา… พวกเราจะชนะหรือไม่?”
ฮันซางเซียงถามออกมาอีกครั้ง
ในสภาวะกดดันที่แท้จริง เห็นได้ชัดว่านางไม่สามารถรักษาความสงบสุขุมให้ใกล้เคียงกับผู้เป็นบิดาได้เลยแม้แต่น้อย