เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1972 ความวิตกกังวล
ตอนที่ 1,972 ความวิตกกังวล
ครึ่งวันต่อมา
อวี้เหวินซิวเซียนถูกล้อมรอบด้วยเรือเหาะลาดตระเวนของกองทัพอสูรโลหิต
“เจ้าเป็นใคร?”
หัวหน้ากลุ่มกองทัพอสูรสอบถาม “เจ้ามีนามว่าอันใด?”
อวี้เหวินซิวเซียนประสานมือคำนับและบอกชื่อที่ตนเองเตรียมเอาไว้นานแล้ว “ข้าน้อยเป็นเพียงพ่อค้าพเนจรที่ผ่านทางมาเท่านั้น ข้าน้อยกำลังจะนำสินค้าไปส่งให้แก่เผ่ามนุษย์ทะเลทราย ข้าน้อยมีนามว่าหลินเป่ยเฉิน”
อวี้เหวินซิวเซียนรู้สึกสุขใจเป็นอย่างยิ่ง
หลินเป่ยเฉินเอ๋ยหลินเป่ยเฉิน เตรียมรอรับเคราะห์กรรมให้ดีก็แล้วกัน
“เจ้าโกหก”
หัวหน้ากลุ่มอสูรหัวเราะเยาะ “เผ่ามนุษย์ทะเลทรายไม่เคยใช้งานสินค้าจากผู้อื่น เจ้าต้องเป็นสายลับจากเผ่าพันธุ์มนุษย์แฝงตัวมาแน่ ๆ …พวกเราฆ่ามัน”
อวี้เหวินซิวเซียนถึงกับพูดคำใดไม่ออกอีกแล้ว
อยู่ดี ๆ อสูรเหล่านี้ก็ฉลาดขึ้นมาเสียอย่างนั้น?
หลังจากต่อสู้กันอยู่พักใหญ่ ฝ่ายอสูรโลหิตก็ต้องพ่ายแพ้
หัวหน้ากลุ่มของพวกมันถูกสังหาร บรรดาผู้ติดตามบาดเจ็บสาหัสและรีบหลบหนีไปอย่างหัวซุกหัวซุน
“หลินเป่ยเฉินคือฆาตกร”
อวี้เหวินซิวเซียนข้อความเลือดไว้บนผืนธงประจำเรือเหาะของเผ่าอสูรโลหิต
หลังจากนั้นจึงเดินทางจากมา
…
กาลเวลาผ่านไป
เพียงพริบตาเดี๋ยวก็ผ่านมาได้สิบห้าวันแล้ว
พื้นที่ซึ่งถูกจัดให้เป็นอาณาเขตของการประลองปลดปล่อยพลังกดดันจนผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้
การสร้างสังเวียนต่อสู้สำหรับผู้อยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์ยังคงดำเนินต่อไป
ตัวแทนจากกองทัพเป่ยเฉิน กองทัพอสูรโลหิตและเผ่ามนุษย์ทะเลทรายต่างก็ร่วมมือกันตรวจสอบสังเวียนเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เปรียบและเสียเปรียบกัน
สังเวียนต่อสู้ถูกสร้างขึ้นบริเวณท่าเทียบเรือหมายเลข 60
เมื่อการก่อสร้างเสร็จสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
นอกจากมีสังเวียนต่อสู้แล้ว ยังมีป้อมปราการถูกสร้างขึ้นมารอบทิศทางอีกด้วย
และยังมีการติดตั้งระบบถ่ายทอดสดขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้คนได้รับชมการถ่ายทอดสดอย่างใกล้ชิด
เพราะการปะทะกันระหว่างยอดฝีมือขั้นจอมเทพอนันต์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก
ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนอยากรับชมการประลองในครั้งนี้
นอกจากนี้ตั๋วเข้าชมการประลองยังขายหมดเกลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นขุนนางใหญ่หรือยอดฝีมือชื่อดังจากสำนักต่าง ๆ พวกเขาต่างก็ไม่ปล่อยให้โอกาสดีหลุดมือไป ทุกคนยอมจ่ายเงินก้อนโต เพื่อให้มีโอกาสได้เข้ามานั่งรับชมการประลองระหว่างจอมเทพอนันต์ในระยะติดขอบสังเวียน
ในช่วงเวลาระหว่างนี้ หลินเป่ยเฉินใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเฉียนเจินในสุสานกษัตริย์
ส่วนเวลาว่าง เขาก็จะเอาเวลาไปช่วยเยว่เว่ยหยาง หวังซินอวี่ มี่หรู่หยานและคนอื่น ๆ ฝึกวิชา
และหลินเป่ยเฉินยังแบ่งเวลามาคอยควบคุมการออกกำลังกายของนายทหารจากกองทัพเซียนกระบี่ทั้งหมื่นคนอีกด้วย
รวมถึงหลินเป่ยเฉินยังแบ่งเวลามาเตรียมตัวสำหรับการเลื่อนขั้นพลังของตนเอง
ทางด้านพวกของเซียวปิง ฉู่เหินและบรรดาบุรุษคนอื่น ๆ หลินเป่ยเฉินไม่มีเวลาไปใส่ใจดูแล เขาเพียงโยนทุกคนเข้าไปในเกม Lost Castle เพื่อให้ฝึกวิชาผ่านการฆ่าสัตว์ประหลาด…
นี่คือชีวิต
โชคดีที่ในช่วงเวลาระหว่างนี้ อาการของเฉียนเจินดีขึ้นแล้ว
ทารกในครรภ์ของนางยังคงดูดซับพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ตอนนี้จะยังไม่คลอดออกมา แต่ทารกในครรภ์ก็มีพลังเกือบอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิแล้ว
และอีกไม่ถึงสามเดือนเท่านั้น
หากการเติบโตเป็นเช่นนี้ต่อไป…
ทารกก็จะถือกำเนิดเกิดออกมาในขั้นจอมเทพจักราโดยทันที
การวินิจฉัยของรุ่ยเอ๋อนั้นถูกต้อง
ยิ่งทารกในครรภ์เติบโตขึ้นมากเท่าไหร่ การดูดซับพลังก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เฉียนเจินเริ่มผอมซูบลงอย่างเห็นได้ชัด และพลังในร่างกายก็ลดน้อยลงอย่างน่าใจหาย
หลินเป่ยเฉินไม่กล้าเมินเฉยต่อเรื่องนี้ เขารีบหายาบำรุงกำลังทุกชนิดมาให้เฉียนเจินทาน
มีตั้งแต่สมุนไพรวิเศษในเส้นทางดาราจักร จนถึงรังนกที่ซื้อหามาจากในอินเทอร์เน็ต
และเขาก็ทำทุกวิถีทางเพื่อเพิ่มพลังและความแข็งแรงให้แก่เฉียนเจิน
อาการโดยรวมของนางจึงดีขึ้นชั่วคราว
แต่ก็ยังปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าร่างกายของเฉียนเจินเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
“หากวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล…”
หลินเป่ยเฉินแอบคิดอยู่ในใจ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้แล้ว
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตของเฉียนเจินต้องมาก่อนเสมอ
อีกห้าวันก็จะถึงกำหนดการประลองระหว่างจอมเทพอนันต์
ภารกิจความรุ่งเรืองของกองทัพเซียนกระบี่ Part 2 ยังคงดำเนินต่อไป
ดูจากอัตราความเร็วในปัจจุบัน ภารกิจสมควรเสร็จสิ้นในอีกสามวันข้างหน้า
จิตใจของหลินเป่ยเฉินไม่ได้อยู่ที่เรื่องนั้นเลย
เขาพยายามสงบจิตใจและทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการประลอง
แต่สมาธิเกือบทั้งหมดของเด็กหนุ่มกลับมุ่งไปที่ความผิดปกติในร่างกายของเฉียนเจิน
แม้ว่าเขาจะให้นางรับประทานยาบำรุงกำลังและถ่ายเทพลังปราณเข้าสู่ร่างกายเรื่อย ๆ แต่ร่างกายของเฉียนเจินก็ยังคงซูบผอมลงอย่างไม่หยุดยั้ง
ร่างกายที่เคยมีน้ำมีนวลบัดนี้ผอมหนังหุ้มกระดูก แขนขาบอบบางไม่ต่างจากกิ่งไม้ที่พร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ สวนทางกับหน้าท้องที่โป่งนูนออกมา เฉียนเจินมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิ แต่ทำได้เพียงนั่งสมาธิหรือนอนหลับพักผ่อนเกือบตลอดเวลาเท่านั้น
เหตุผลสำคัญก็คือทารกในครรภ์เติบโตรวดเร็วมากเกินไป
นี่คือสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว
รุ่ยเอ๋อและคนอื่น ๆ ก็วุ่นวายอยู่กับการดูแลเฉียนเจินตลอดทั้งวันเช่นกัน
“นายท่าน ข้าน้อยไม่เป็นไร นายท่านอย่าได้เป็นกังวลไปเลย”
เฉียนเจินนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่ซีดขาวและร่างกายที่ซูบผอม นางจับมือหลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “ข้าเองก็สัมผัสได้เช่นกันว่าเจ้าตัวน้อยให้ในครรภ์มีพลังแข็งแกร่งมาก เมื่อเจ้าตัวน้อยรู้สึกหิวก็จะดูดซับพลังเกือบทั้งหมดไปจากร่างกายของข้าน้อย หากข้าน้อยต้องการให้ทารกอยู่รอด ข้าน้อยก็ต้องอดทนให้ได้เจ้าค่ะ”
หลินเป่ยเฉินจูบหน้าผากของนางอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวข้าจะจัดการทุกอย่างเอง”
เขาฝากความหวังไว้ที่ภารกิจความรุ่งเรืองของกองทัพเซียนกระบี่ Part 2 ของแอปพลิเคชัน Keep
อีกสามวันหลังจากนี้ หากภารกิจสำเร็จลงด้วยดี เฉียนเจินก็จะได้เลื่อนขอบเขตพลังเช่นกัน
นางจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตจอมเทพจักรา
เมื่อถึงตอนนั้น พลังชีวิตและพลังปราณในร่างกายเฉียนเจินก็จะเพิ่มมากขึ้น
และน่าจะเพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์
นอกจากนี้ หลินเป่ยเฉินยังได้ซื้อหนังสือเกี่ยวกับการทำคลอดมาอ่าน เช่นเดียวกับซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ทั้งหมดมาเตรียมพร้อมเอาไว้
หากวิธีการที่พวกเขาเตรียมเอาไว้ใช้ไม่ได้ผลจริง ๆ ก็มีแต่ต้องผ่าทารกออกมาจากในครรภ์เท่านั้น
แม้ว่าเฉียนเจินจะยังไม่ถึงกำหนดระยะเวลาทำคลอด แต่นอกจากวิธีนี้ หลินเป่ยเฉินก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว
อีกอย่าง ทารกในครรภ์มีความแข็งแรงถึงเพียงนั้น ต่อให้ถูกผ่าคลอดออกมาก่อนกำหนด ก็น่าจะมีชีวิตอยู่รอดได้ไม่ใช่หรือ?
เพื่อการนี้ หลินเป่ยเฉินจึงต้องเตรียมพร้อมให้มากที่สุด