เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1957 เสมือนตื่นจากความฝัน
ตอนที่ 1,957 เสมือนตื่นจากความฝัน
มือกระบี่เมินฟ้าหัวใจกระตุกวูบ
นอกจากพลังปราณของฝ่ายตรงข้ามจะย้ำชัดว่าอยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์ มันก็ยังเป็นพลังกดดันที่ทำให้เขาตื่นกลัวอีกด้วย
“ท่านผู้อาวุโส คือว่าเรื่องนี้…”
“ข้าบอกให้ส่งมาไงเล่า!”
“ท่านผู้อาวุโสขอรับ…”
“ไม่ส่งมาเจ้าต้องตาย”
หลินเป่ยเฉินแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดและไม่เปิดโอกาสให้เจรจา
นั่นยิ่งทำให้มือกระบี่เมินฟ้าลนลานมากขึ้น
เขาไม่มีความกล้าหาญที่จะต่อรองกับฝ่ายตรงข้ามผู้แย่งชิงกระบี่ของตนเองไปอีกแล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเด็กหนุ่มผู้นี้มีผู้ช่วยเหลือเป็นจอมเทพอนันต์ผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพัน
หากทั้งสองผนึกกำลังร่วมมือกัน มือกระบี่เมินฟ้าก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น
หลังจากลังเลเล็กน้อย เขาก็ส่งสิ่งที่เหลืออยู่จากมารดาของฮันซางเซียงออกมา
สิ่งของเหล่านั้นประกอบไปด้วยชุดเกราะสีเงินที่ทำจากกระดูกขาวซึ่งประดับแพรวพราวด้วยทองคำ อัญมณีและแร่หินหายากอีกหลายชนิด นี่เป็นชุดเกราะที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความประณีต ยามจ้องมองในครั้งแรก จึงให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากสาวงามที่กำลังหลับใหล
เมื่อเห็นชุดเกราะชุดนั้น น้ำตาของฮันซางเซียงก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ข้าหลงเหลือสิ่งของจากนางอยู่เพียงเท่านี้ ส่วนซากศพของนางได้แหลกสลายไปนานแล้ว”
“งั้นเจ้าก็ไสหัวไปซะ”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นโบกไล่ “เห็นแก่ที่เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เช่นกัน ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้กลับตัวใหม่สักครั้ง”
ร่างแยกของราชาหินดำค่อย ๆ หลีกทางไป
วูบ!
มือกระบี่เมินฟ้าพุ่งตัวเป็นลำแสงหายวับไปในพริบตา
จนกระทั่งเขาหลบหนีไปไกลมากพอจึงส่งเสียงตะโกนกลับมาว่า
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าเอาไว้แน่”
เสียงคำรามของมือกระบี่เมินฟ้าดังกังวานไปทั่วแผ่นฟ้า “ข้าจะต้องกลับมาทวงคืนกระบี่ของข้าให้ได้”
บรรดานายทหารจากกองทัพเป่ยเฉินที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของฮันซางเซียงจ้องมองท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ด้วยความพิศวงงงงวย พวกเขาไม่สามารถหาคำอธิบายที่เหมาะสมสำหรับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้เลยแม้แต่คำเดียว
ฮันซางเซียงกัดฟันกรอดและไม่พูดคำใดอีก
คำถามใหญ่ปรากฏขึ้นในหัวใจของนาง ‘คุณชายอวี้เหวินซิวเซียนก็เป็นยอดฝีมือขั้นจอมเทพอนันต์เช่นกันหรือ?’
หวังเฟิงหลิวและพรรคพวกถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หวังจงยกมือลูบหนวดเคราสามแฉกของตนเองและพยักหน้าด้วยความพอใจ ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
โดยเฉพาะเมื่อจ้องมองไปยังกระบี่ที่อยู่ในมือหลินเป่ยเฉิน ดวงตาของพ่อบ้านชราก็ยิ่งเป็นประกายแวววาวมากกว่าเดิม
“จี๊ด!”
อากวงกระโดดโลดเต้นด้วยความคึกคัก
เซียวปิงเห็นเช่นนั้นจึงกระโดดเป็นเพื่อน
ก่อนที่พวกเขาจะได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะ! ปรากฏว่าดาดฟ้าเรือเกิดรอยแตกร้าวจากการกระโดดของอากวงและเซียวปิง
เมื่อเห็นเช่นนั้น หวังเฟิงหลิวก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมา
ในขณะนี้
หลินเป่ยเฉินสลายพลังของตนเองด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้าเล็กน้อย
การระเบิดพลังที่เทียบเท่ากับขั้นจอมเทพอนันต์นั้นทำให้เขาต้องสูญเสียพลังปราณไปอย่างมหาศาล
โชคดีที่พลังปราณในร่างกายของเขามีเพียงพอ
หากเขาไม่สามารถระเบิดพลังได้เช่นนี้ ทุกอย่างคงไม่จบลงอย่างง่ายดาย
นับว่าการข่มขู่ก็เพียงพอแล้วจริง ๆ
แม้แต่มือกระบี่เมินฟ้าผู้ก้าวร้าวหยาบคายและไม่กลัวสิ่งใดก็ยังต้องหลบหนีไปด้วยความตื่นตระหนก
ในความเป็นจริง หากให้หลินเป่ยเฉินกับร่างแยกของราชาหินดำร่วมกันรับมือมือกระบี่เมินฟ้า หลินเป่ยเฉินก็ไม่แน่ใจเลยว่าตนเองจะสามารถรับมือไหวหรือไม่
ส่วนกระบี่ที่อยู่ในมือเขานั้น…
นี่เป็นกระบี่ยาว บนสันกระบี่แบ่งแยกขวาซ้ายเป็นสีขาวครึ่งหนึ่งและสีดำครึ่งหนึ่ง
ด้ามจับกระบี่มีโกร่งที่ถูกสร้างให้เป็นลักษณะปีกมังกร ตัวด้ามจับมีลักษณะเป็นเกล็ดมังกร ส่วนตัวกระบี่นั้นมีความคมกริบอย่างร้ายกาจ
สมแล้วที่เป็นอาวุธคู่กายของผู้มีระดับพลังขั้นจอมเทพอนันต์
แม้จะไม่แน่ใจเลยว่าขั้นพลังของตนเองในขณะนี้อยู่ขอบเขตใดกันแน่ แต่สำหรับหลินเป่ยเฉินผู้ขาดแคลนอาวุธคู่กายที่มีประสิทธิภาพ การได้รับกระบี่ปลิดปลิวจึงไม่ต่างจากผู้คนที่ได้พบถ่านไฟในกองหิมะ
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณจากตัวกระบี่
นี่หมายความว่ากระบี่มีวิญญาณเป็นของตนเอง
และนั่นก็หมายความว่ากระบี่เล่มนี้เลือกที่จะทรยศต่อมือกระบี่เมินฟ้าผู้เป็นอดีตเจ้านายของมัน และเปลี่ยนฝ่ายมาเป็นอาวุธคู่กายให้แก่เขาแทน
“ว่าแต่เราจะควบคุมกระบี่เล่มนี้ได้จริง ๆ หรือเปล่าวะ?”
หลินเป่ยเฉินได้แต่ถามตนเองอยู่ในใจ
วันนี้ เขาใช้งานมันได้ไม่มีปัญหา
แต่หากกระบี่ปลิดปลิวมีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง แล้วเกิดวันข้างหน้ามันคิดทรยศเขาขึ้นมาล่ะ?
ดูเหมือนคงต้องลองใช้งานบ่อย ๆ ซะแล้วสิ
หลินเป่ยเฉินลองควงกระบี่ร่ายรำกระบวนท่า
แล้วลำแสงกระบี่ก็พุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ลำแสงกระบี่นั้นพุ่งไปอย่างไร้จุดหมายสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น
แต่ปรากฏว่าพื้นที่บริเวณนั้นมีพวกอสูรโลหิตแอบเฝ้าดูอยู่พอดีและพวกมันบางส่วนก็ต้องถูกลำแสงกระบี่ระเบิดร่างสาดกระจายเป็นม่านหมอกเลือด
“พวกเรารีบหนี”
เต๋อหลุนร้องตะโกนด้วยสีหน้าตื่นกลัว
แต่ลำแสงกระบี่อีกสายก็ไล่หลังตามมาติด ๆ
รถม้าของเต๋อหลุนพลันระเบิดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ม่านหมอกเลือดสาดกระจายในอากาศ ไม่หลงเหลืออสูรผู้ใดที่สามารถหลบหนีได้อีกแล้ว
เต๋อหลุนหนึ่งในแม่ทัพอสูรระดับผู้บัญชาการถูกลำแสงกระบี่ระเบิดร่างจนไม่เหลือแม้แต่เศษกระดูกสักชิ้น
“นับเป็นกระบี่ที่ประเสริฐนัก”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาทันใด
เมื่อมีกระบี่ปลิดปลิวอยู่ในมือ เขาก็ไม่ต้องหวาดกลัวผู้ใดอีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินมีความมั่นใจในการต่อสู้กับผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์มากขึ้น
“หวังว่าครั้งหน้าเราคงได้เจอมือกระบี่เมินฟ้าอีกนะ”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็เก็บร่างแยกของราชาหินดำและเก็บกระบี่ปลิดปลิวเข้าไปในแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ ซึ่งมีพื้นที่จัดเก็บใกล้เต็มแล้ว
แล้วร่างของเขาก็เคลื่อนไหววูบ
หลินเป่ยเฉินมาปรากฏตัวบนป้อมปราการลอยฟ้าของฮันซางเซียง
“คารวะคุณชายอวี้เหวินซิวเซียน”
นายทหารทุกคนได้สติ ก่อนจะรีบประสานมือแสดงความเคารพหลินเป่ยเฉิน
ฮันซางเซียงเสมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับขณะจ้องมองหลินเป่ยเฉิน