เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1948 เข้าร่วมสงคราม
ตอนที่ 1,948 เข้าร่วมสงคราม
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นอย่างใช้ความคิด
ทันใดนั้น เขาก็พบว่านี่เป็นประโยชน์สำหรับตนเองอย่างยิ่ง
ถึงตามหลักทฤษฎี เขาจะเป็นเพียงจอมเทพอนันต์ตัวปลอม แต่ตราบใดที่ไม่มีผู้คนล่วงรู้ นั่นก็เท่ากับว่าเขาเป็นตัวจริง
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มก็ตั้งใจนั่งหลอมรวมพลังให้คงที่
“เฮ้อ เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย การที่เราแข็งแกร่งถึงระดับนี้มาจากโชคช่วยเพียงหนึ่งส่วนและที่เหลือเป็นเพราะการทำงานหนักของเราทั้งนั้น เพราะฉะนั้น เราต้องมุ่งมั่นทำงานหนักต่อไป จะขี้เกียจไม่ได้เป็นอันขาด”
หลินเป่ยเฉินอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
แต่เมื่อนั่งหลอมรวมพลังได้สักครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกขี้เกียจ
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็สวมเสื้อผ้าและเปิดประตูมิติกลับออกไปจากแผ่นดินตงเต้า
แผ่นดินแห่งนี้เพิ่งฟื้นฟู ระหว่างที่เขานั่งหลอมรวมพลัง หลินเป่ยเฉินอาจระเบิดพลังทำลายล้างออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจอีก
หลินเป่ยเฉินจึงไม่อยากทำลายโลกที่กำลังสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยมือของตนเอง
และอีกอย่าง หลินเป่ยเฉินก็ไม่อยากทิ้งเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับตนเองเอาไว้มากเกินไปนัก
…
อาณาจักรซือเว่ย
หอบัญชาการประจำเขตกำแพงเมืองฝั่งเหนือ
“คารวะท่านแม่ทัพใหญ่”
เมื่อรองผู้บัญชาการโจวเทียนอวิ๋นพบเห็นหลินเป่ยเฉิน เขาก็ต้องยิ้มออกมาด้วยความดีใจและรีบประสานมือทำความเคารพด้วยความนอบน้อม
ท่าเรือที่ถูกก่อสร้างขึ้นมาใหม่แห่งนี้กลายเป็นฐานบัญชาการของกองทัพเซียนกระบี่ และกลายเป็นสถานที่สำคัญที่สุดของอาณาจักรซือเว่ยไปเรียบร้อยแล้ว
“ที่ผ่านมาต้องลำบากพี่โจวแล้ว”
หลินเป่ยเฉินช่วยประคองโจวเทียนอวิ๋นลุกขึ้นยืนด้วยสองมือและกล่าวว่า “ท่านกับข้าก็คนกันเองทั้งนั้น เคยเชือดไก่เผากระดาษเงินกระดาษทองมาด้วยกันแท้ ๆ เหตุใดต้องมากพิธีการด้วย”
โจวเทียนอวิ๋นรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อไปว่า “ที่ข้ากลับมาครั้งนี้ก็เพราะอยากจะสอบถามท่านเรื่องหนึ่ง”
“ท่านแม่ทัพได้โปรดบอกมา”
โจวเทียนอวิ๋นรีบกล่าวด้วยความกระตือรือร้น
หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “ในอาณาจักรเทียนอวี่ มีการทำสงครามระหว่างกลุ่มกองกำลังที่เรียกว่ากองทัพเป่ยเฉินกับกองทัพอสูรและเผ่ามนุษย์ทะเลทราย บัดนี้ สถานการณ์ของกองทัพเป่ยเฉินไม่สู้ดี ข้าจึงอยากจะมาถามพี่โจวว่า กองทัพเซียนกระบี่ของพวกเรามีคุณสมบัติดีพอที่จะเข้าร่วมสงครามนี้ได้แล้วหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินอยากจะนำกองทัพเซียนกระบี่ของตนเองออกไปสร้างความยิ่งใหญ่ในเส้นทางดาราจักร
เขาไม่อยากให้ศิษย์พี่ฮันต้องต่อสู้เพียงลำพัง
และในเมื่อนี่เป็นสงครามที่อุบัติขึ้นเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ เพราะฉะนั้น มนุษย์ทุกคนจึงต้องมีส่วนร่วมด้วยช่วยกัน
หากกองทัพเซียนกระบี่ต้องการจะเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง พวกเขาก็สมควรก้าวเท้าออกจากอาณาจักรเล็ก ๆ และออกไปเผชิญหน้ากับสนามรบที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทายและอันตรายนานาชนิด
โจวเทียนอวิ๋นตอบรับอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “กราบเรียนท่านแม่ทัพใหญ่ พวกเรามีคุณสมบัติดีพอแล้ว”
กองทัพเซียนกระบี่ยังขาดอะไรอีกหรือ?
พวกเขามีชนชั้นยอดฝีมือ
พวกเขามีนายทหารผู้กล้า
พวกเขามีนายทหารที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดี
ต่อให้เผชิญหน้ากับสุดยอดขุมกำลังแห่งเส้นทางดาราจักรก็ไม่มีหวาดหวั่น
“ปัญหาเดียวที่เรามีในขณะนี้ก็คือขาดเรือเหาะสำหรับการเดินทางระยะไกลขอรับ การลำเลียงกำลังพลจึงเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด”
โจวเทียนอวิ๋นบ่งบอกปัญหาที่ตนเองกำลังพบเจอ “หรือต่อให้เราลำเลียงกำลังพลได้สำเร็จ แต่ไม่สามารถขนส่งเสบียงได้ทันตามกำหนด ปัญหาใหญ่ก็จะตามมาในภายหลัง ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของกองทัพเซียนกระบี่ลดน้อยลง และหากปัญหานี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของการสู้รบ นั่นก็อาจจะนำมาสู่ความพ่ายแพ้ในที่สุด”
“เรื่องนั้นพี่โจวหายห่วงได้เลย ปัญหาเรื่องการขนส่งกำลังพลและเสบียงนั้นแก้ไขได้ไม่ยาก”
หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยความมั่นใจ “แต่สิ่งที่ข้าเป็นกังวลมากที่สุดก็คือฝีมือในการต่อสู้ของพวกเรามากกว่า ไม่ทราบว่านายทหารของพวกเรานั้นจะสามารถรับมือกับพวกยอดฝีมือในเส้นทางดาราจักรได้หรือไม่?”
สำหรับโจวเทียนอวิ๋น ความเป็นกังวลของหลินเป่ยเฉินนั้น ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลย
โจวเทียนอวิ๋นตอบคำถามด้วยความมั่นใจ
บัดนี้ กองทัพเซียนกระบี่มีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว
เพราะนายทหารเกือบทุกคน โจวเทียนอวิ๋นเป็นผู้ควบคุมการฝึกสอนด้วยตนเอง
แม้บางคนจะยังมีอายุไม่มาก แต่ก็ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาจากโจวเทียนอวิ๋นโดยตรง
ในฐานะที่เคยเป็นทหารเก่าผู้ควบคุมกองทัพมาก่อน การสร้างกองทัพขึ้นมาใหม่จึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นสำหรับโจวเทียนอวิ๋น และยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องการฝึกฝนนายทหารในกองทัพเซียนกระบี่ ซึ่งโจวเทียนอวิ๋นลงมาดูแลด้วยตนเองตั้งแต่แรก
หลินเป่ยเฉินซักถามรายละเอียดทั้งหมดจนมีความสบายใจมากขึ้น
และเขาก็ถามต่ออีกครั้ง “แล้วรูปแบบการฝึกวิชาที่ข้าสั่งให้เฉียนเหมยมอบให้ท่านดูแลนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินเป่ยเฉินกำลังหมายถึงภารกิจความรุ่งเรืองของกองทัพเซียนกระบี่ Part 2 จากแอปพลิเคชัน Keep ซึ่งจำเป็นต้องใช้ผู้เข้าร่วมภารกิจถึงหมื่นคน
“กำลังดำเนินการอยู่ขอรับ”
โจวเทียนอวิ๋นตอบกลับมา
นับตั้งแต่ที่เขาได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาดูแลกองทัพเซียนกระบี่ บุคลิกที่เรื่อยเปื่อยเฉื่อยชาของโจวเทียนอวิ๋นก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง บัดนี้ เขาคือท่านแม่ทัพผู้เคร่งขรึมจริงจังและมีความมุ่งมั่น แม้โจวเทียนอวิ๋นจะไม่เข้าใจเนื้อหาในการฝึกวิชาของหลินเป่ยเฉินเลย แต่ในเมื่อนี่เป็นคำสั่งของนายน้อย เขาก็ปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อกังขา
“งั้นรบกวนพี่โจวช่วยจัดกำลังพลเตรียมพร้อมสำหรับการออกรบด้วย”
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็กลับมามีน้ำเสียงเป็นงานเป็นการอีกครั้ง “ข้าวางแผนการรบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อการฝึกวิชาตามรูปแบบของข้าเสร็จสิ้น กองทัพเซียนกระบี่จะต้องออกเดินทางไปช่วยเหลือกองทัพเป่ยเฉินโดยทันที”
โจวเทียนอวิ๋นประสานมือรับคำสั่งด้วยความกระตือรือร้น
“คงต้องลำบากพี่โจวอีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
โจวเทียนอวิ๋นยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบว่า “ข้าดีใจเหลือเกินที่จะได้กลับลงสู่สนามรบของเส้นทางดาราจักรอีกครั้ง นี่คือเรื่องที่ข้ารอคอยมานานแล้วขอรับ”
หลินเป่ยเฉินสะดุดหูกับคำพูดของโจวเทียนอวิ๋น
แต่เขาก็ไม่ได้ไต่ถามอะไร
ทุกคนย่อมมีความลับเป็นของตนเอง
เมื่อการสนทนายุติลง หลินเป่ยเฉินก็ออกมาจากหอบัญชาการของกองทัพเซียนกระบี่
ได้เวลาพักผ่อนแล้ว
หลินเป่ยเฉินรีบตรงไปที่สุสานกษัตริย์อย่างไม่รอช้า
“นายท่าน ในที่สุดนายท่านก็กลับมาแล้ว”
เฉียนเหมยสวมใส่ชุดเกราะสีแดง ในมือถือค้อนเหล็กที่ด้ามจับได้รับการออกแบบให้ยาวเป็นพิเศษ นางกำลังเป็นผู้นำในการฝึกฝนของนายทหารประจำกองทัพเซียนกระบี่
เมื่อเห็นหลินเป่ยเฉินปรากฏตัวขึ้น เฉียนเหมยก็โยนค้อนในมือทิ้งไป ก่อนจะกางแขนออกกว้างและวิ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน “ไม่ทราบว่านายท่านลืมข้าน้อยแล้วหรือไม่?”
นี่คือความรู้สึกที่แท้จริง
หลินเป่ยเฉินรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงอ้าแขนโอบกอดเฉียนเหมยอย่างแนบแน่น
“แล้วนี่เฉียนเจินอยู่ที่ไหนหรือ?”
หลินเป่ยเฉินกวาดสายตามองรอบตัวและไม่เห็นแม้แต่เงาของสาวรับใช้อีกคน ดังนั้นเขาจึงอดถามออกมาไม่ได้