เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1912 หลอมรวมพลังวิญญาณ
ตอนที่ 1,912 หลอมรวมพลังวิญญาณ
ตุบ! ตุบ!
หลี่เซินเจี๋ยพลันคุกเข่าลงเบื้องหน้าหวังเฟิงหลิว
หวังเฟิงหลิวขมวดคิ้วจ้องมองด้วยความสนใจ
หลี่เซินเจี๋ยกล่าวเสียงดังว่า “ข้าน้อยเป็นเพียงบัณฑิตจากชนชั้นต่ำต้อย ข้าน้อยเป็นความหวังของสำนักเฉินซิง เมื่อครึ่งปีก่อน สำนักของข้าน้อยต้องยากลำบากมากนักกว่าจะส่งข้าน้อยมาถึงที่นี่ได้ ข้าน้อยเพียงอยากจะศึกษาหาความรู้และไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับความวุ่นวายเหล่านี้อีก แต่รู้ตัวอีกที ข้าน้อยก็เข้าไปเกี่ยวพันกับความขัดแย้งระหว่างสำนักศึกษาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น… แต่หากท่านผู้กล้าช่วยให้ข้าน้อยเข้าสอบในวันพรุ่งนี้ได้สำเร็จ บุญคุณครั้งนี้ ข้าน้อยจะไม่ลืมเลือนไปชั่วชีวิต”
หวังเฟิงหลิวยกมือขึ้นเล็กน้อย
คลื่นพลังแผ่ออกไปดันตัวหลี่เซินเจี๋ยให้ลุกขึ้นยืน
“นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าอย่าได้คุกเข่าให้ผู้ใดง่าย ๆ เช่นนี้อีก”
องครักษ์ผู้เป็นบ่าวรับใช้ขี้ประจบยามอยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “มนุษย์เราสมควรมีศักดิ์ศรี มีบัณฑิตที่ไหนกันคุกเข่าขอร้องผู้อื่นเช่นนี้บ้าง? อย่าให้ผู้อื่นดูถูกเจ้าเช่นนี้ได้อีก”
…
ยามราตรี
จวนที่พักของผู้คนจากสำนักต่าง ๆ อยู่ในความสงบ
แต่ในความเงียบสงบนั้นเอง
เสียงกรีดร้องกลับดังขึ้นเป็นระยะ
ในไม่ช้า ข่าวที่น่าตกตะลึงก็แพร่สะพัดไปทั่วสำนักศึกษาฉิวจื่อ
เฉาซูอี้จากหอตำราซางฉีถูกลอบสังหารเสียชีวิต
เขาตายอย่างน่าอนาถอยู่บนเตียงนอน ดวงตาถูกควัก เช่นเดียวกับอวัยวะภายในที่ถูกคว้าน เส้นเอ็นถูกตัดขาด โลหิตไหลเต็มที่นอน... นับเป็นความตายที่น่าสยดสยองยิ่งนัก!
เห็นได้ชัดว่าเฉาซูอี้ถูกทรมานจนถึงแก่ความตาย
นี่คือข่าวที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงได้อย่างแท้จริง
หอตำราซางฉีมีขุมกำลังไม่ต่ำต้อย
แม้จะเทียบไม่ได้กับสำนักศึกษาฉิวจื่อ แต่พวกเขาก็จัดอยู่ในระดับเดียวกับสำนักไทปิง สำนักตงหลิน สำนักชูซานและสำนักใหญ่อื่น ๆ อีกมากมาย
ส่วนตัวของเฉาซูอี้ก็นับเป็นยอดอัจฉริยะผู้หนึ่ง คัมภีร์วิญญาณประจำตัวอยู่ในระดับคัมภีร์ทองคำ นอกจากนี้ เขายังมีเครื่องรางป้องกันระดับสูงที่ทางสำนักศึกษาต้นสังกัดมอบให้ แม้แต่จอมเทพจักราก็ไม่น่าจะโจมตีเขาได้ แต่สุดท้าย เฉาซูอี้ก็ยังต้องถูกทรมานจนตายอยู่ดี
และยังมีสิ่งที่น่าประหลาดมากไปกว่านั้น
เฉาซูอี้ไม่เพียงแต่ถูกทรมานจนถึงแก่ชีวิต
เครื่องรางป้องกันตัวที่เป็นวัตถุเล่นแร่แปรธาตุระดับ 55 ก็ยังได้หายไปด้วย
มือสังหารไม่ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลย
หอตำราซางฉีแทบจะบ้าคลั่งแล้ว
ความตายของเฉาซูอี้ทำให้ความหวังของหอตำราซางฉีพังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี
เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หอตำราซางฉีทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดให้แก่เฉาซูอี้
รองอาจารย์ใหญ่ของพวกเขาคือเฉาชางชุน ซึ่งมีสถานะเป็นท่านอาของเฉาซูอี้ได้รีบติดต่อให้ทางหอตำราซางฉีส่งยอดฝีมือมาสืบสวนหาตัวฆาตกรโดยเร็วที่สุด
และข่าวที่น่าตกตะลึงยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้
บรรดาหัวหน้าศิษย์จากสำนักต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นซือเหรินเฉินจากสำนักเซวี่ยไห่ โจวเฉิงเฉิงจากสำนักศึกษาเซวียนเติ้งและคนอื่น ๆ ต่างก็ถูกลอบสังหารและได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่หลี่กวงอวี้ก็ยังต้องเกือบสูญเสียแขนไปหนึ่งข้างและได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง…
นี่คือข่าวที่สั่นสะเทือนภูเขาเหวินเต้า
ทุกคนล้วนตกตะลึง
สำนักศึกษาฉิวจื่อย่อมมีการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนารัดกุม ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางกำลังคนและการสร้างค่ายอาคม นั่นคือเหตุผลที่ไม่ควรเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาเด็ดขาด
แต่ถึงกระนั้น บรรดาหัวหน้าศิษย์จากสำนักต่าง ๆ กลับถูกลอบสังหารและเสียชีวิตไปหลายคน
ผู้ใดเป็นคนทำ?
สำนักศึกษาระดับสูงหลายแห่งอยู่นิ่งเฉยไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อข่าวแห่งการลอบสังหารแพร่สะพัดออกไป ผู้คนก็มารวมตัวกันที่หน้าสำนักศึกษาฉิวจื่ออีกครั้ง
โดยเฉพาะกลุ่มของรองอาจารย์ใหญ่และอาจารย์อาวุโสจากสำนักศึกษาที่คนของตนเองต้องเสียชีวิต พวกเขาเรียกร้องให้กงซานอิ๋งเฉวี่ยนอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาฉิวจื่อออกมาแสดงความรับผิดชอบหาตัวฆาตกร ฆ่าชายชราชุดดำ เพื่อแก้แค้นให้แก่ผู้ที่เสียชีวิต
และในเวลาเดียวกันนี้ ทุกคนก็ได้รับทราบข่าวใหม่ล่าสุด
ในค่ำคืนแห่งการลอบสังหารนี้ มีผู้ใดที่ไม่ถูกลอบสังหารบ้างหรือไม่?
ย่อมมีอยู่
เป็นผู้ใดหรือ?
เป็นชินเหลียนเซินกับเฉียวฟู่
…
สำนักตงหลิน
ในห้องลับ หลี่กวงอวี้ผู้ที่กำลัง ‘รักษาอาการบาดเจ็บ’ มีแสงสว่างสีฟ้าเข้มเรืองรองออกมาจากร่างกาย
รอบร่างกายของเขารายล้อมด้วยดวงวิญญาณกึ่งโปร่งแสงของมนุษย์ห้าคนที่กำลังร้องไห้ ดิ้นรน ร้องตะโกน และสาปแช่ง…
หนึ่งในวิญญาณเหล่านั้นคือวิญญาณของเฉาซูอี้จากหอตำราซางฉี
แสงสว่างสีฟ้าเข้มที่เรืองรองออกมาจากร่างกายของหลี่กวงอวี้นั้น มีหน้าที่หลอมรวมวิญญาณทั้งห้าตนให้กลายเป็นคลื่นพลังไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของหลี่กวงอวี้ ซึ่งแม้ว่าดวงวิญญาณเหล่านั้นจะพยายามดิ้นรนขัดขืนเพียงใด แต่สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์
พลังวิญญาณทั้งห้าดวงหลอมรวมเข้าสู่ร่างกายของหลี่กวงอวี้สำเร็จเสร็จสิ้น
“สำเร็จแล้ว”
หลี่กวงอวี้ร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจ
นี่เป็นการหลอมรวมพลังวิญญาณตามแนวทางของคัมภีร์กลั่นวิญญาณ
พลังวิญญาณทั้งห้าดวงนั้นจะถูกหลอมรวมเข้าสู่คัมภีร์วิญญาณประจำตัวของหลี่กวงอวี้และนั่นก็ทำให้เขาได้รับความรู้ความสามารถจากดวงวิญญาณทั้งห้าดวงนั้นมาเป็นของตนเอง
นี่ทำให้หลี่กวงอวี้มีความแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
การหลอมรวมวิญญาณครั้งนี้มอบประโยชน์ให้แก่หลี่กวงอวี้อย่างไม่มีจุดสิ้นสุด
มันทำให้สายเลือดในร่างกายของเขาเปลี่ยนไป
หลี่กวงอวี้ลืมตาและลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น
แทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ทดสอบระดับสายเลือดอีกครั้ง
หลี่กวงอวี้นำอุปกรณ์สำหรับตรวจสอบสายเลือดออกมา จากนั้นเขาจึงนำเลือดหยดหนึ่งของตนเองหยดลงไปบนอุปกรณ์ทดสอบ
ติ๋ง!
แล้วผลการตรวจสอบก็ปรากฏออกมา
หลี่กวงอวี้กลั้นหายใจ หัวใจเต้นรัวเร็ว ใบหน้าประดับรอยยิ้มแห่งความสุข
“สายเลือดระดับสูง ฮ่า ๆๆ ฮ่า ๆๆ ในที่สุด ข้าก็มีสายเลือดระดับสูงเสียที”
หลี่กวงอวี้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
สำหรับผู้คนโดยทั่วไป การมีสายเลือดระดับสูงนับว่าเป็นวาสนาแห่งชีวิต ไม่มีผู้ใดต้องการสายเลือดที่สูงส่งมากไปกว่านี้ เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขาจะมีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการฝึกวิชาในแนวทางต่าง ๆ มากมาย
การหลอมรวมวิญญาณผ่านไปอย่างราบรื่น
วิญญาณทั้งห้าดวงทำให้หลี่กวงอวี้แข็งแกร่งขึ้น
การสอบในวันพรุ่งนี้ หลี่กวงอวี้มั่นใจว่าตนเองต้องชนะ… เป็นอันดับหนึ่งร่วม!
ทันใดนั้น ความเกลียดชังก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของหลี่กวงอวี้
หากไม่ใช่เพราะว่าชินเหลียนเซินมีความยอดเยี่ยมมากเกินไป ครั้งนี้ เขาคงกลายเป็นอันดับหนึ่งเพียงผู้เดียว
เกียรติยศทั้งหมดที่ควรจะเป็นของเขากลับถูกนางแย่งชิงไป
แต่ไม่เป็นไรหรอก นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด
ชินเหลียนเซินนางมารร้ายผู้นั้นจะมีชีวิตอยู่รอดได้อีกไม่นาน เดี๋ยวนางก็ต้องหายสาบสูญไปจากโลกนี้แล้ว
ตำแหน่งลูกศิษย์สายตรงของอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาฉิวจื่อต้องตกเป็นของเขาเท่านั้น
เมื่อถึงตอนนั้น เรื่องราวทุกอย่างก็จะดำเนินไปอย่างราบรื่นเหมือนกับที่ได้วางแผนเอาไว้ตั้งแต่ต้น
อีกไม่นาน สำนักศึกษาฉิวจื่อจะต้องตกมาอยู่ในกำมือของหลี่กวงอวี้โดยสมบูรณ์!!