เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 847 ตอนพิเศษ พี่น้อง 2
- Home
- All Mangas
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 847 ตอนพิเศษ พี่น้อง 2
บทที่ 847 ตอนพิเศษ พี่น้อง 2
ฮ่องเต้แย้มสรวล ลูกชายของเขาช่างโง่เขลานัก
เหตุใดสวี่เจวี๋ยถึงได้รู้เรื่องนี้ได้ หากไม่ใช่เว่ยจื่ออั๋งไปเล่าให้เขาฟัง?
เว่ยจื่ออั๋งดูอ่อนโยนไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนโฉดไม่น้อย หลายปีที่ผ่านมา ฮ่องเต้ทรงแยกชายหนุ่มสองคนนี้ออกมานานแล้ว ผู้หนึ่งวางตัวทำท่าเป็นคนดี ส่วนอีกผู้หนึ่งเป็นคนโหดร้าย ทั้งสองคนช่วยเขาแก้ปัญหามากมายร่วมกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทรงเป็นหนี้ทั้งสองคนในการช่วยเหลือเขาปกครองแคว้นต้าโจว
เขาโชคดีที่มีขุนนางสองคนนี้ข้างกาย
“ท่านอาจารย์เว่ยเก่งมาก” อาตงยังคงปกป้องพระอาจารย์ของเขา แม้แต่เสด็จพ่อก็ห้ามพูดไม่ดีถึงอาจารย์เว่ย
“ใช่แล้วอาจารย์เว่ยดีต่อเจ้ามาก” ฮ่องเต้ทรงบีบจมูกเล็กของอาตง เด็กน้อยอารมณ์ดี ในใจของเขา ท่านอาจารย์เว่ยเก่งที่สุด ดีที่สุด ท่านพ่อก็ต้องรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา
วันถัดมา
เมื่อเว่ยจื่ออั๋งเข้ามาในวังอีกครั้ง อาตงเกาะติดกับตัวเขา มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ติดอยู่ที่ร่างกายของอาจารย์
“อาจารย์..” เด็กน้อยเรียกเขา เอนร่างกายพิงตัวอาจารย์ เว่ยจื่ออั๋งพูดกับเขาเสียงเบาๆ อาตงตอบรับอย่างอารมณ์ดี
“อาจารย์ เมื่อวานนี้อาตงเขียนหนังสือไปเยอะมากเลย มือของอาตงเจ็บมาก..” เขาครวญพลางยกมือที่อวบอ้วนชูขึ้นให้เว่ยจื่ออั๋งดู
เว่ยจื่ออั๋งงจับมือน้อยๆ ของเขาแล้วเป่าให้เบาๆ
“หายเจ็บหรือยัง?”
“อืม…” อาตงอดไม่ได้พึมพำบ่นเสียงเบา
“ท่านอาจารย์สวี่โหดร้ายมาก อาตงกลัวเขา” เว่ยจื่ออั๋งยิ้มไม่ตอบอะไร
“อาจารย์ อาตงอยากไปเล่นที่บ้านอาจารย์ได้หรือไม่?” เด็กน้อยมองเขาอย่างอ้อนวอน
นับตั้งแต่ได้พบกับเว่ยถัง[1]ในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในวังหลวง เด็กชายตัวน้อยก็หลงรักเว่ยถัง เขาเอาแต่วิ่งไล่ตามเรียกพี่สาวอยู่ตลอดเวลา
ถ้าเขาอยากไปจวนสกุลเว่ยนั่นหมายความว่าเขาอยากไปเล่นกับเว่ยถังนั่นเอง ท่าทางออดอ้อนของเด็กน้อยทำให้เว่ยจื่ออั๋งใจอ่อน เขาจึงได้ตอบตกลง
เด็กน้อยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“ท่านอาจารย์ท่านใจดีจริงๆ” ในช่วงบ่ายหลังจากที่ทูลขอพระราชทานอนุญาตจากฮ่องเต้แล้ว เขาก็พาเจ้าตัวเล็กไปจวนสกุลเว่ย
ทันทีที่มาถึงอาตงกะพริบตาหันไปมองรอบๆ เขากำลังหาพี่ถังถัง
“ให้อาจารย์พาไปหาพี่ถังถังหรือไม่?” เว่ยจื่ออั๋งถาม
เด็กน้อยมีความสุขชึ้นมาในทันที
“อาจารย์ ท่านใจดีจริงๆ” เว่ยจื่ออั๋งจับมือเด็กชายตัวน้อยเดินเข้าไปข้างใน บังเอิญมีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินสวนออกมา เด็กตัวน้อยยืดตัวขึ้น กลอกตามองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง
สวี่เจวี๋ยมองเว่ยจื่ออั๋งแล้วยิ้ม ทั้งคู่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เขาเป็นขุนนางในราชสำนักพร้อมกัน ในช่วงสิบปีที่ผ่านมามีการขัดแย้งโต้เถียงกันบ้าง แต่พวกเขาเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันมาตลอด เมื่อสวี่เจวี๋ยมองอาตง สีหน้าเขาพลันจริงจังขึ้นมา เขาถามคำถามอาตงเกี่ยวกับการบ้านสองสามข้อ อาตงตอบเขาอย่างเชื่อฟัง เมื่อสวี่เจวี๋ยหยุดถาม อาตงถึงกับถอนหายใจ เดิมทีอาตงคิดว่าอาจารย์ถามเสร็จแล้วจะออกไป แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาตามอาตงและอาจารย์เว่ยเดินไปหาพี่ถังถังด้วยกัน อาตงระวังตัวอยู่ตลอด จนกระทั่งเขาพบกับพี่ถังถังเขาจึงได้โล่งใจ
เว่ยถังนั่งเล่นอยู่ที่สนาม นางใส่ชุดสีขาวยังดูท่าทางเกียจคร้านเช่นเดิม ใบหน้ายังคงเป็นเด็กน้อยอยู่ แต่ดูจากใบหน้าที่ละเอียดอ่อนประณีตเช่นนี้ ก็รู้แล้วว่านางจะงามล่มเมืองสักเพียงไหนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
เมื่ออาตงเห็นเว่ยถัง เขาวิ่งไปหานางด้วยขาสั้นๆ ของตนเอง เขาชวนนางคุยอย่างร่าเริง คิ้วของเว่ยถังยังคงแสดงความขี้เกียจออกมา นางจ้องมองเขาอย่างเบื่อหน่าย นานๆ ครั้งค่อยตอบว่าใช่สักทีหนึ่ง
“เจ้าเด็กเหลือขอ” สวี่เจวี๋ยหัวเราะ
เว่ยจื่ออั๋งยิ้มออกมา “ช่วยไม่ได้ ใครๆ ก็ชอบถังเป่ากันทุกคน”
“มู่เป่าอยู่ไหนหรือ?”
“เจ้าเด็กคนนั้นไปตกปลาที่ไหนสักแห่ง”
“เขาไม่ไปเรียนหนังสือหรือ?”
“เขามีท่านพ่อคอยดูแล”
“พวกเราทำอะไรเขาไม่ได้หรอก”
มู่เป่าและถังเป่าเป็นฝาแฝดกันแต่พวกเขามีนิสัยแตกต่างกันคนละขั้ว คนหนึ่งร่าเริง อีกคนเงียบขรึม พวกเขาจะคุยเรื่องเป็นงานเป็นการกันยามที่อยู่ในห้องหนังสือ แต่จะพูดจาสบายๆ กันยามที่อยู่ข้างนอก
วันนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ พวกเขานั่งอยู่ที่ลานบ้าน ดวงอาทิตย์ส่องแสงลงมาพร้อมกับลมอุ่นๆ ที่พัดผ่านใบหน้าทำให้สดชื่นไม่น้อย
หลังจากเข้าร่วมในสภาขุนนางและยุ่งกับกิจการในราชสำนักที่วุ่นวาย จึงหาได้ยากที่พวกเขาจะได้มียามบ่ายที่ผ่อนคลายเช่นนี้
อาตงตามติดเว่ยถังตลอด ในขณะที่นางเกียจคร้าน อาตงก็นั่งเงียบๆ ข้างกายนางอย่างเชื่อฟัง ไม่ว่าเว่ยถังจะต้องการอะไร อาตงจะรีบกุลุกุจอเอาอกเอาใจทำให้นางราวลูกหมาจรจัดขี้ประจบทันที
“จำตอนที่พวกเรายังเป็นเด็กๆได้ไหม?” สวี่เจวี๋ยมองเด็กน้อยสองคนที่กำลังเล่นกันอยู่ไกลๆ
เว่ยจื่ออั๋งพยักหน้า เขาย่อมจำได้ไม่ลืม
ตอนที่เขาพบสวี่เจวี๋ย เขาอายุมากกว่าอาตงตอนนี้ เวลานั้นพวกเขานอนเตียงเดียวกัน เว่ยจื่ออั๋งไม่คิดเลยว่าโชคชะตาของพวกเขาจะเป็นเช่นวันนี้ได้ พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน เข้าโรงเรียนพร้อมกัน สอบหน้าพระที่นั่งด้วยกัน เป็นขุนนางในราชสำนักพร้อมกัน และคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาจนทุกวันนี้
“สวี่เจวี๋ย ขอบคุณที่ช่วยข้า” เว่ยจื่ออั๋งพูดออกมา
เมื่อเข้าไปยังราชสำนัก หลายครั้งหลายหนที่สวี่เจวี๋ยสกัดขวางลูกธนูจากที่ลับและบุคคลที่ประสงค์ร้ายให้เขา เว่ยจื่ออั๋งรู้ดีว่าสวี๋เจวี๋ยช่วยเขาทางอ้อมกี่ครั้งกันแล้ว
เขาไม่ได้โง่ แต่ก็อดดีใจที่มีสวี๋เจวี๋ยคอยปกป้องตนเองไม่ได้
“ข้าไม่อยากให้เจ้าขอบคุณข้าเลย” สวี่เจวี๋ยพูดตรงๆ เขาตัดสินใจตั้งแต่ที่เข้าไปในราชสำนักแล้ว ที่นั่นซับซ้อน ผู้คนคาดเดาไม่ได้ ล้วนเต็มไปด้วยกลอุบายต่างๆนานา เว่ยจื่ออั๋งไม่ชอบเล่ห์เหลี่ยมและกลอุบายที่สกปรก จึงเป็นหน้าที่ที่เขาสมควรทำ เป็นเรื่องที่เต็มใจ เขาไม่ชอบคำพูดขอบคุณของเว่ยจื่ออั๋งเลย
“ข้าไม่พูดแล้ว เจ้าอย่าเสียใจเลย” เว่ยจื้ออั๋งเอื้อมมือมาดึงหน้าเขา สวี่เจวี๋ยอดใจไม่ไหวต้องยิ้มออกมา
พระอาทิตย์ยังคงส่องแสงลงมาที่พวกเขา แม้จะอยู่กันมาหลายปีแล้วก็ตามแต่รอยยิ้มและสีหน้าที่พวกเขามีให้กันคงบริสุทธิ์เหมือนครั้งแรกที่เจอกันเช่นเดิม
ต่อมาเว่ยจื่ออั๋งจึงได้พาอาตงกลับไปยังวังหลวง
“พี่ถังถังอีกสองวัน อาตงจะมาเล่นกับพี่ใหม่นะ” เด็กน้อยไม่เต็มใจที่จะแยกจากถังเป่า
เว่ยถังพยักหน้ารับราวกับราชินีตัวน้อย อาตงดีใจที่ได้รับคำตอบ เขาหันหลังขึ้นรถม้าจากไป อาตงดีใจเมื่อเห็นพระอาจารย์สวี่ไม่ได้ขึ้นรถม้ามาด้วย เขาจึงนั่งพิงเว่ยจื่ออั๋ง
“อาจารย์ อาจารย์สวี่โหดร้ายมาก” เขากระซิบ
“เขาไม่ได้โหดร้าย” เว่ยจื่ออั๋งกล่าว
“เขาเข้มงวดกับท่านเพื่อผลประโยขน์ของตัวท่านเอง” อาตงทำท่าเข้าใจ เขาพยักหน้ารับ
“อาจารย์ ท่านรู้จักกับอาจารย์สวี่มานานแล้วหรือ?” อาตงถามอย่างสงสัย เขารู้ว่าทั้งคู่สนิทสนมกันมาก แต่เขาเคยได้ยินเสด็จพ่อตรัสว่าเขาเป็นพี่น้องกัน
เหตุใดเขาถึงไม่ได้ใช้แซ่เดียวกัน? หัวเล็กๆ ของอาตงขบคิด
“นานมากแล้ว..” เว่ยจื่ออั๋งกล่าว
ความทรงจำของเขาย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ยังหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในภูเขา ตอนนั้นเขายังเป็นเด็กตัวเล็กๆ มารดาพาขอทานน้อยสกปรกผู้หนึ่งกลับมาบ้าน เขาพูดว่า
“เจ้านอนกับข้าได้” นั่นคือจุดเริ่มต้นชะตากรรมของพวกเขา
“พวกเราเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนสนิทกัน” เว่ยจื่ออั๋งว่า
เว่ยจื่ออั๋งคิดว่าเป็นโชคดีของเขาที่ได้พบกับสวี่เจวี๋ยในชีวิตนี้
……………………………..
[1] ถังเป่า