cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Prev
Next

เคล็ดมารสยบภพ - ตอนที่ 7 นายน้อยเสวียนจิ้ง

  1. Home
  2. All Mangas
  3. เคล็ดมารสยบภพ
  4. ตอนที่ 7 นายน้อยเสวียนจิ้ง
Prev
Next

เฉินเสวี่ยวางหยกประดับประจำตระกูลเฉินของตนลงในกล่องไม้หอมบนโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนใหญ่ นางไม่อยากพกสิ่งของที่แสดงฐานะตัวตนเดิมเช่นนี้ติดกายเอาไว้ให้ผู้อื่นเกิดความสงสัย จึงเก็บมันเอาไว้ที่นี่ซึ่งนั้นย่อมปลอดภัยอย่างที่สุด

จากนั้นนางก็แขวนหยกประดับสีม่วงอ่อนรูปผีเสื้อที่แกะเป็นลวดลายสมจริงราวกับมีชีวิตลงบนสายรัดเอวของตน หยกสีม่วงอ่อนชิ้นนี้เป็นของล้ำค่าหายากในโลกภายนอก เพราะมันสามารถแผ่ไอปราณธาตุน้ำให้แก่ผู้ที่พกติดตัวเอาไว้ได้ ไอปราณจากหยกชิ้นนี้ถึงจะเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวของการใช้เคล็ดจันทราพิสุทธิ์ดูดซับไอปราณจากธรรมชาติ แต่ก็ยังให้ไอปราณได้มากกว่าการฝึกยุทธ์โดยวิธีธรรมดาทั่วไปในโลกภายนอกอยู่ดี

นางอดยิ้มขำในความร่ำรวยของตนไม่ได้ ดูเหมือนว่า ไม่ว่าตนจะหยิบฉวยสมบัติชิ้นใดแบบส่งๆ มาจากกองสมบัติที่อยู่ในตำหนักมารแห่งนี้ ก็ล้วนเป็นของที่ล้ำค่าหายากทั้งสิ้น เสื้อผ้าชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนปักดิ้นสีเงินยวงที่นางสวมใส่อยู่นี่ก็เช่นกัน นอกจากจะสวยงามหรูหราแล้วยังทอจากผ้าไหมเกราะวารีซึ่งมีคุณสมบัติบางเบาแต่ทนทานแข็งแกร่งขนาดที่สามารถทำหน้าที่เป็นชุดเกราะต้านพลังยุทธ์ระดับปรมาจารย์ยุทธ์เจ็ดถึงแปดดาวได้ด้วย

น่าเสียดายอยู่เรื่องเดียวคือ ทั่วทั้งตำหนักมารหลังนี้หามีเงินตราสะสมเอาไว้ไม่ แต่ถึงจะมี นางก็คงไม่อาจนำเงินของยุคเมื่อหมื่นกว่าปีที่แล้วมาใช้ในปัจจุบันได้อยู่ดี นางจึงได้แต่กอบเม็ดทองคำขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวกำหนึ่งกรอกใส่ถุงเงินขนาดเล็กแล้วห้อยมันเอาไว้ข้างเอวเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายแทนเงินตรา ตั้งใจว่า ในอนาคตคงต้องหาเวลาเอาพวกมันไปแลกเป็นตั๋วเงินมาเก็บไว้บ้างแล้ว จะได้สะดวกกว่านี้

เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เฉินเสวี่ยก็ใช้มือแตะที่แหวนมิติสีดำบนนิ้วตนแล้วเคลื่อนย้ายตนเองออกไปสู่โลกภายนอก

นางพบว่าตนกลับมาอยู่ที่ตีนภูเขาที่เคยเป็นที่ตั้งของสุสานเทพยุทธ์มารจันทราวารี แต่ตัวซากโบราณสถานได้หายไปหมดสิ้นแล้ว ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยว่ามันจะเคยมีสิ่งก่อสร้างใดๆ อยู่ที่นี่มาก่อน หากมิใช่ว่าตนจดจำรูปร่างแนวสันเขาบริเวณนี้ได้เป็นอย่างดีแล้วละก็ นางคงจะคิดว่าตนมาโผล่ยังสถานที่อื่นเป็นแน่

คิ้วเรียวงามของเฉินเสวี่ยขมวดมุ่นเมื่อเขม้นมองป่าสนยามราตรีที่ทับถมไปด้วยหิมะหนารอบตัว แหวนมิติวงนี้คงจะส่งนางออกมาได้เฉพาะจากตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่นางจะเข้าไปในแหวนสินะ แล้วแบบนี้นางมิต้องใช้เวลาเดินเท้าหลายสัปดาห์เพื่อกลับไปยังเมืองหลวงหรอกหรือ เสียเวลาชะมัด!

เฮ้อ…ช่างเถอะ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นแค่การฆ่าเวลาระหว่างรอคอยให้ดวงจันทร์ที่เว้าแหว่งกลับมาเป็นจันทร์นูนอีกครั้ง ว่าแล้วร่างเล็กก็ค่อยๆ ออกเดินอย่างยากลำบากไปบนผืนหิมะที่หนาวเย็น ยังดีที่การเป็นผู้มีปราณธาตุน้ำสามารถทนต่อความหนาวเย็นได้เป็นอย่างดี การเดินเท้าในสภาพอากาศที่เลวร้ายครั้งนี้จึงไม่ถึงกับทำให้นางล้มป่วยไปเสียก่อน

ทุกครั้งยามที่ต้องเผชิญอันตรายจากสัตว์ดุร้ายหรือพบเจอกับสภาพอากาศที่เลวร้ายมากๆ เฉินเสวี่ยจะหลีกเลี่ยงอันตรายเหล่านั้นแบบง่ายๆ โดยแค่พาตัวเองกลับเข้าไปพักผ่อนในแหวนมิติชั่วคราว รอให้เวลาผ่านไปสักพัก เมื่อคิดว่าอันตรายเหล่านั้นผ่านพ้นไปแล้วจึงค่อยกลับออกมาใหม่ การเดินทางจึงราบรื่นปลอดภัยแต่ก็ใช้เวลายาวนานกว่าปกติมาก

ขณะที่กำลังเดินมุ่งลงใต้เป็นวันที่สาม จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงต่อสู้ปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างสัตว์อสูรหมีน้ำแข็งกับอะไรบางอย่างอยู่ไม่ไกลนัก เสียงระเบิดกึกก้องจนแผ่นดินสะเทือนผสานไปกับเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดของหมีน้ำแข็งสะท้อนไปทั่วทั้งหุบเขา ความอยากรู้อยากเห็นทำให้นางอดไม่ได้จึงค่อยๆ ย่องเข้าไปแอบดู นางพบว่ามีบุรุษกลุ่มหนึ่งกำลังทำการล้อมจับสัตว์อสูรหมีน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สูงกว่าสามเมตรอยู่หน้าปากถ้ำอันเป็นถิ่นอาศัยของมัน คนกลุ่มนี้มีด้วยกันเพียงหกคน แต่ว่าแต่ละคนล้วนมีฝีมือเข้าขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ 4 ดาวขึ้นไปทั้งสิ้น สองในหกคนนั้นยังเป็นถึงปรมาจารย์ยุทธ์ 6 ดาวเสียด้วย

เฉินเสวี่ยเบิกตากว้างด้วยความสงสัย ยอดฝีมือเหล่านี้โผล่มาจากที่ใดกัน ปกติแล้วทั่วทั้งแคว้นเทียนซานมีปรมาจารย์ยุทธ์ 4 ดาวรวมกันทั้งสิ้นเพียงสามคนเท่านั้น หนึ่งคือบิดาของนาง สองคือขันทีเฒ่าจูสวี และสามคือฮวาไหนไหน่เจ้าตำหนักบุปผา และไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดในแคว้นมีฝีมือสูงกว่าปรมาจารย์ยุทธ์ 4 ดาวเลยสักคน คงเป็นไปไม่ได้ที่อยู่ๆ จะมีคนจำนวนมากทะลวงด่านขึ้นเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ช่วงกลางกะทันหันในชั่วเวลาไม่กี่วันนี้หรอกกระมัง ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากว่าคนกลุ่มนี้มาจากต่างถิ่น

สัตว์อสูรหมีน้ำแข็งตัวนี้เป็นสัตว์อสูรธาตุน้ำระดับแปด ปกติสัตว์อสูรสายพันธุ์นี้ก็จัดว่าเป็นสัตว์อสูรที่มีความแข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรทั่วไปหลายเท่านัก ผู้ฝึกยุทธ์ในแคว้นเทียนซานไม่เคยมีใครคิดจะเฉียดเข้าไปใกล้พื้นที่หากินของสัตว์อสูรสายพันธุ์นี้มาก่อน เพราะมันเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรระดับแปดที่มีร่างกายแข็งแกร่งสามารถต่อกรกับปรมาจารย์ยุทธ์ห้าดาวได้สบายๆ แต่เจ้าสัตว์อสูรที่ร้ายกาจตัวนี้เมื่อโดนยอดฝีมือกลุ่มนี้ผลัดกันจู่โจมด้วยวรยุทธ์ธาตุดินคนละไม่กี่สิบกระบวนท่ากลับถูกปราบจนลงไปนอนหมอบแทบเท้าพวกเขาอย่างง่ายดาย

ขณะที่เฉินเสวี่ยกำลังแอบดูพวกเขาช่วยกันจับสัตว์อสูรที่ถูกปราบมัดเอาไว้บนหลังสัตว์อสูรวิหคสีน้ำตาลดำขนาดใหญ่ยักษ์สายพันธุ์ที่นางไม่รู้จักตัวหนึ่งอยู่นั้นเอง คอเสื้อด้านหลังของนางก็ถูกคนหิ้วสูงขึ้นจนตัวนางไปลอยคว้างอยู่ในอากาศ

“นายน้อย ดูนี่สิขอรับ ข้าจับแม่นางน้อยที่มาแอบถ้ำมองพวกเราได้คนหนึ่ง หึๆ ๆ” ผู้ที่หิ้วคอเสื้อของเฉินเสวี่ยกล่าวกลั้วหัวเราะเสร็จก็โยนร่างเล็กๆ ของนางเข้าไปกลางวงล้อมของยอดฝีมือกลุ่มนั้น

“โอ้ กู่เช่อ เจ้าเก็บได้ของดีแล้วล่ะ” บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ทั้งกลุ่มพากันมามุงดูเฉินเสวี่ยที่ยังคงนั่งแหมะอยู่กับพื้น ต่างก็พากันหันไปกล่าวหยอกล้อเจ้าคนที่โยนเฉินเสวี่ยเข้ามากลางวงคนละคำสองคำ

บัดซบ! นึกจะโยนก็โยนกันเลยนะ ก้นของบิดากระแทกพื้นจนเจ็บระบมไปหมดแล้ว เฉินเสวี่ยแอบสบถด่าพวกเขาในใจ ถลึงตาจ้องตอบคนทั้งกลุ่มที่กำลังมองมาที่ตนด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

ถ้ารวมเจ้าคนที่ชื่อกู่เช่อที่จับนางโยนเข้ามาตรงนี้ด้วยอีกคน คนทั้งกลุ่มก็มีด้วยกันทั้งหมดเจ็ดคน ทุกคนเป็นบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่มีตั้งแต่ที่อายุประมาณสิบแปดสิบเก้าปี ไปจนถึงอายุยี่สิบปลายๆ คนที่แต่งตัวดีที่สุดซึ่งดูน่าจะเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้เป็นบุรุษรูปร่างผอมสูงคะเนอายุน่าจะประมาณ 21-22 สองปีเท่านั้น แต่เขากลับเป็นถึงปรมาจารย์ยุทธ์ 6 ดาวแล้ว เขาสวมเสื้อผ้าสีดำปักลายกิเลนทอง ช่วงไหล่กว้าง เอวสอบ บวกกับดวงตาดอกท้อ จมูกโด่งเป็นสัน และคิ้วดกดำที่พาดเฉียงทำให้เขาดูเป็นคนหล่อเหลาเสเพลอย่างยิ่งคนหนึ่ง

“จะเอาอย่างไรกับนางดีขอรับคุณชายน้อย” หนึ่งในคนกลุ่มนั้นหันไปถามบุรุษชุดดำ

บุรุษชุดดำกวาดตามองประเมินทั้งตัวรอบหนึ่ง เห็นว่ารูปร่างหน้าตาและเสื้อผ้าอาภรณ์ของนางดูแล้วน่าจะเป็นคุณหนูในตระกูลใหญ่ อีกทั้งนางยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวบรวมปราณ 2 ดาวด้วย ถึงแม้ว่าด้วยวัยขนาดนี้เพิ่งจะฝึกได้แค่ขั้นรวบรวมปราณ 2 ดาวจะไม่อาจนับว่ามีพรสวรรค์อันใดแต่ดูจากสภาพแวดล้อมในแคว้นเล็กๆ ที่ทั้งห่างไกลความเจริญและแสนจะยากจนข้นแค้นแห่งนี้ ฝึกได้ถึงระดับนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ไม่รู้ว่าคุณหนูลูกผู้ดีมีตระกูลเช่นนี้ออกมาเดินอยู่ในภูเขาหิมะคนเดียวแบบนี้ได้อย่างไร เขาก้มหน้าลงมาถามนางด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “เด็กน้อย เจ้าเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และในกลุ่มของเจ้ายังมีใครอีกบ้าง”

เฉินเสวี่ยถูกถามออกมาเป็นชุดจนต้องใช้เวลาคิดอยู่นานว่าจะตอบคำถามแต่ละข้ออย่างไรไม่ให้ดูน่าสงสัย

“เอ่อ…ข้าชื่อ… เฮยเยว่ เป็นชาวเมืองหลวงแคว้นเทียนซาน ข้าพลัดหลงกับบิดามารดา เดินวนเวียนอยู่ในป่านี่หลายวันแล้ว ได้ยินเสียงต่อสู้จึงรีบรุดมาดูเพราะคิดว่าเป็นบิดามารดา” นางไม่อาจบอกชื่อจริงให้ใครสงสัยขึ้นมาได้ จึงจำเป็นที่จะต้องโกหกชื่อปลอมมาใช้ชั่วคราว ในเมื่อตนจำต้องอยู่ในร่างของผู้หญิงแบบนี้ทุกๆ ครั้งที่ดวงจันทราอับแสง ก็ใช้ชื่อว่าเฮยเยว่ไปเสียเลยเถอะ

“ข้าตรวจสอบไม่พบผู้อื่นในบริเวณร้อยลี้นี้แล้วนอกจากนาง นางน่าจะพูดความจริงไม่ได้โกหกขอรับนายน้อย และถ้าข้าจำไม่ผิดแซ่เฮยนี่รู้สึกว่าจะเป็นแซ่ของตระกูลพ่อค้าผ้าไหมที่ร่ำรวยมากๆ ตระกูลหนึ่งในทวีปอุดรขอรับ” กู่เช่อกล่าวให้นายน้อยของตนฟัง

“นายน้อย หากท่านไม่คิดจะเก็บนางเอาไว้ก็ยกให้ข้าเถอะ รับรองว่าเลี้ยงไว้อีกไม่กี่ปีนางต้องกลายเป็นโฉมงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างแน่นอน” หนึ่งในบุรุษที่ยืนล้อมเฉินเสวี่ยอยู่กล่าวออกมาด้วยแววตาหื่นกระหาย

ผู้ที่ถูกเรียกว่านายน้อยตวัดตามองคนพูดด้วยสายตาดุดันแวบหนึ่งเป็นการปรามแล้วหันมากวักมือเรียกเฉินเสวี่ย

“แม่นางน้อย เจ้าไปกับข้า”

ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กสาวนางนี้มีความงามที่ชวนตื่นตะลึงจริงๆ แต่เขาก็คิดอกุศลกับเด็กที่ยังไม่เติบโตเต็มที่เช่นนางลงได้อย่างไร แต่ถ้ารอจนนางโตกว่านี้อีกสักปีสองปีก็ไม่แน่ เขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้

“พวกท่านจะไปที่ใด” เฉินเสวี่ยลุกขึ้นยืนหันมาถามคนกวักมือเรียกตนแต่ไม่ได้เดินเข้าไปหาเขา นางใช้มือปัดกระโปรงตรงบริเวณก้นสองสามที ถึงจะไม่ได้ให้ความสนใจบุรุษกลุ่มนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ติดสอยห้อยตามพวกเขาไปจนถึงเมืองหลวงของแคว้นเทียนซาน ก็คงจะช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากไปได้เยอะเลย

“พวกเรามากจากทวีปมัชฌิม เจ้าก็ตามข้ากลับไปที่นั่นเถิด ท่านแม่ข้าน่าจะชอบเด็กน้อยน่ารักเช่นเจ้า” บุรุษชุดดำกอดอกมองมาที่เฉินเสวี่ยยิ้มๆ หวนนึกถึงมารดาของตนที่เคยปรารถนาจะมีลูกสาวมาตลอดชีวิตแต่กลับคลอดออกมาแต่ลูกชายอย่างพวกเขา หากเขานำเด็กน้อยนี้กลับไปฝากนาง นางคงจะดีใจและรับเด็กคนนี้เป็นธิดาบุญธรรมในทันทีเลยกระมัง

“ข้าไม่ไป ข้าจะกลับบ้านของข้า” เฉินเสวี่ยปฏิเสธคำชวนนั้นแบบไร้เยื่อใยในทันที หากนางยังแก้แค้นไม่สำเร็จ นางไม่คิดจะไปไหนทั้งสิ้น

“นี่ แม่นางน้อย นายน้อยไม่ได้ถามความเห็นของเจ้าสักหน่อย หึๆ ๆ” กู่เช่อกล่าวกลั้วหัวเราะ แล้วผลักร่างเล็กของนางจนปลิวเข้าสู่อ้อมแขนของบุรุษชุดดำ

เฉินเสวี่ยถูกเขาอุ้มขึ้นแนบอกแล้วเดินไปยังเจ้านกยักษ์ นางทั้งเตะและถีบเท้าวุ่นวายแต่ไม่อาจสู้แรงของอีกฝ่ายได้เลย ดวงตากลมโตกลอกไปมาอย่างใช้ความคิด หากตนถูกคนพวกนี้จับไปจริงๆ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจึงจะได้กลับมาแก้แค้น นางไม่มีวันยอมไปกับคนพวกนี้เด็ดขาด!

เมื่อไร้หนทางจะหลุดรอดไปจากวงแขนแข็งแกร่งที่รัดช่วงเอวของตนเอาไว้จนแน่นได้ นางจึงตัดสินใจหายตัวกลับเข้าสู่ห้วงมิติที่อยู่ภายในแหวนเสียเลย พอกลับมายืนอยู่ในห้องนอนของตนในตำหนักมารตามเดิมได้นางก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผากกลมมนของตนด้วยความหวาดเสียว หวังว่าคนพวกนั้นคงไม่อยู่ตามหานางในบริเวณนั้นนานนักกระมัง รอเวลาภายนอกผ่านไปสักสามสี่วันแล้วนางค่อยกลับออกไปใหม่ก็แล้วกัน

ที่โลกภายแหวนมิติ เสวียนจิ้งที่กำลังอุ้มร่างเล็กที่นุ่มนิ่มหอมกรุ่นอยู่แนบอกเพื่อพาไปขึ้นหลังวิหคทรายเวหน อยู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อร่างของเด็กน้อยที่ตนแบกหายวับไปกับตา ผู้ติดตามทุกคนของเขาต่างก็พากันอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปตามๆ กัน

“หรือว่านางจะเป็นภูตผีปีศาจขอรับ” หนึ่งในผู้ติดตามของเสวียนจิ้งกล่าวด้วยใบหน้าเลิกลัก

เสวียนจิ้งก้มลงมองอ้อมแขนและมือของตนที่เคยสัมผัสกับร่างของเด็กสาวลึกลับ ยังจำได้ว่าร่างกายของนางอบอุ่นเหมือนมนุษย์ปกติ แถมบนตัวนางยังมีกลิ่นหอมหวานประหลาด แถมยังเป็นกลิ่นกระตุ้นกำหนัดที่มอมเมาให้คนลุ่มหลงจนลืมไม่ลงอีกด้วย ขนาดเขาที่ปกติไม่เคยคิดอะไรกับเด็กที่ยังไม่โตเต็มสาวดีแบบนางยังอดมีจิตใจหวั่นไหวไม่ได้ ไม่รู้ว่าเด็กน้อยเช่นนางจะรู้ตัวหรือไม่ว่าเครื่องหอมที่ตนใช้มีสรรพคุณอะไร เขาหรี่ตาครุ่นคิดแล้วกล่าวออกมายิ้มๆ

“ข้าว่านางไม่ใช่ภูตผีหรอก เพียงแต่นางอาจจะมีของวิเศษอันใดที่ช่วยในการเคลื่อนย้ายระยะไกลอยู่กับตัว จึงใช้ออกเพื่อหลบหนีไปจากพวกเรา หึๆ ๆ ช่างเป็นเด็กน้อยที่งดงามและปราดเปรียวนัก ข้าชักจะสนใจนางขึ้นมาจริงๆ เสียแล้วสิ”

“ถ้าอย่างนั้น หมายความว่านายน้อยจะไปตามจับตัวนางมาให้ได้ใช่ไหมขอรับ” กู่เช่อถามยิ้มๆ เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับนายน้อยท่านนี้ มีหรือจะไม่รู้นิสัยที่ว่า หากหมายตาสิ่งใดแล้วนายน้อยก็ไม่เคยเลยสักครั้ง ที่เขาจะเอามาครอบครองเป็นของตนไม่สำเร็จ…

เมื่อเฉินเสวี่ยจำเป็นต้องเก็บตัวรอเวลาอยู่ในห้วงมิติแห่งนี้อีกหลายวันเพื่อให้แน่ใจว่าบุรุษกลุ่มนั้นจะจากไปแล้วอย่างแน่นอน เฉินเสวี่ยจึงคิดจะสำรวจตำหนักมารหลังนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ก่อนอื่นเลย นางคงต้องเดินไปดูจิ้งจอกมายาบรรพกาลที่ตนล่ามเอาไว้บนเตียงในห้องอาบน้ำเสียก่อน เพราะนางไม่คิดว่าจิ้งจอกที่ถูกล่ามเอาไว้แบบนั้นนานๆ จะเป็นเรื่องที่ดี ถึงอย่างไรตนก็ควรจะถนอมจิ้งจอกตนนี้สักนิด จะได้ใช้งานนางได้นานๆ หน่อย

เฉินเสวี่ยพบว่าตอนนี้จิ้งจอกมายาบรรพกาลย่อยสลายกากพลังปราณที่ถูกถ่ายเข้าไปในร่างจนหมดเกลี้ยงแล้ว และพลังฝีมีของนางก็ขยับสูงขึ้นอีกเล็กน้อย ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าพอใจ เพราะต่อไปตนจะได้มีลูกสมุนที่แข็งแกร่งเอาไว้ใช้งาน

เฉินเสวี่ยนั่งลงบนเตียงข้างจิ้งจอกที่นอนมองมาที่นางด้วยสายตาสงสัยปนหวาดกลัว

“เจ้ามีชื่อหรือไม่” เฉินเสวี่ยถาม

“…” จิ้งจอกไม่ตอบ แต่พยักหน้าน้อยๆ ร่างสั่นเทาเพราะความหวาดกลัว แม้จะเห็นว่าเด็กสาวนางนี้มีรูปร่างหน้าตาที่เป็นคนละคนกับเด็กหนุ่มที่ทำร้ายนาง แต่สัญชาตญาณของนางกลับบอกว่าทั้งสองคือคนคนเดียวกัน

“ดี เจ้าชื่อว่าอะไร”

“สัตว์อสูรตนอื่นเรียกข้าว่าเจ้าแดงแห่งหุบเขาอัคคีมายา” นางกล่าวเสียงเบา

เฉินเสวี่ยพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นจากนี้ไปข้าเรียกเจ้าว่าเจ้าแดงด้วยก็แล้วกัน”

เมื่อถามชื่อจิ้งจอกมายาบรรพกาลเสร็จ เฉินเสวี่ยก็จัดการเก็บร่างของนางเอาไว้ในแหวนมิติ ด้วยหวังว่าการแช่แข็งนางเอาไว้ในมิติที่เวลาหยุดนิ่ง น่าจะช่วยยืดอายุขัยของจิ้งจอกตนนี้ให้มีชีวิตที่ยืนยาวกว่าเดิมได้อีกสักหน่อย

หลังจากจัดการกับจิ้งจอกมายาบรรพกาลเสร็จเรียบร้อย เฉินเสวี่ยก็เดินกลับไปที่ห้องหนังสือของตำหนักมารและรื้อค้นม้วนตำราต่างๆ ที่อยู่บนชั้นทุกชั้นในห้องลงมาอ่านดูว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง นางค้นพบว่าม้วนตำราเหล่านั้น มีที่เป็นทักษะยุทธ์ธาตุน้ำ ชั้นดินและชั้นฟ้ามากถึงยี่สิบกว่าม้วน หากตนฝึกฝนทักษะยุทธ์เหล่านี้ร่วมกับเคล็ดจันทราวารี ก็น่าจะช่วยเสริมจุดด้อยเรื่องที่เคล็ดจันทราวารีไม่มีท่าร่างสำหรับการต่อสู้ได้พอดี นอกจากม้วนตำราที่เป็นทักษะยุทธ์แล้ว ที่นี่ยังเก็บรวบรวมสรรพวิชาอันแปลกพิสดารเอาไว้อีกมากมายหลายแขนง มีตั้งแต่วิชาพยากรณ์ต่างๆ วิชาปรุงยา วิชาปรุงพิษ ตำราความรู้เกี่ยวกับพืชพันธุ์หายากและสัตว์หายาก วิธีปลูกสมุนไพรล้ำค่าหายากต่างๆ วิชาแปลงโฉม วิชาวางค่ายกล วิชาสร้างกับดักและกลไก วิชาฝึกสัตว์อสูร ตำรารวบรวมความรู้เกี่ยวกับการก่อสร้าง มีแม้กระทั่งสมุดภาพชุนกงหลายสิบเล่มซึ่งวาดออกมาได้อย่างสมจริงเสียยิ่งกว่าเล่มใดๆ ที่เฉินเสวี่ยเคยเห็นมา นางพลิกดูไปไม่ก็หน้าก็หน้าแดงไปหมด ต้องรีบโยนมันทิ้งไปไว้ตรงมุมห้อง

ดูจากสภาพความเก่าแก่ที่ไม่เท่ากันของตำราแต่ละแขนงแล้ว คาดว่าตำราเหล่านี้ถูกรวบรวมเอาไว้โดยจอมมารหลายรุ่น แต่ละรุ่นคงจะมีความชอบความสนใจที่แตกต่างกันไปจึงมีตำรามากมายหลากหลายขนาดนี้ ในเวลาหกวันสั้นๆ เฉินเสวี่ยเพียงสามารถเปิดดูตำราทั้งหมดอย่างคร่าวๆ เท่านั้น ยังไม่มีเวลาจะอ่านแต่ละเล่มอย่างละเอียดก็หมดเวลาเสียแล้ว

เมื่อนางกลับออกไปยังโลกภายนอกอีกครั้งก็พบว่าบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่แล้ว คิดว่าหลังจากหาร่องรอยของนางไม่เจอกว่าสามวันพวกเขาก็คงจะถอดใจและจากไปในที่สุด นางยิ้มและออกเดินทางต่อ การเดินทางเป็นไปอย่างเชื่องช้าแต่นางไม่ได้กังวลสักเท่าไหร่ แค่เดินไปๆ ให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่เท้าเล็กๆ นี้จะพาไปได้ถึงก็พอ เพราะถึงอย่างไรนางก็คงจะเดินทางไปไม่ถึงเมืองหลวงก่อนที่จะคืนร่างกลับไปเป็นบุรุษแน่นอนอยู่แล้ว และตอนที่ได้คืนร่างกลับเป็นบุรุษ นางก็ไม่คิดจะมาเสียเวลาเดินทางอยู่แบบนี้ เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่นางสามารถพัฒนาพลังฝีมือให้รุดหน้าได้อย่างรวดเร็ว

ทุกๆ คืน นางจะคอยแหงนมองดูดวงจันทร์บนท้องฟ้า รอคอยเวลาให้ดวงจันทร์ที่เว้าแหว่งกลับมาเป็นจันทร์นูนอีกครั้ง หลังจากผ่านไปอีกแปดเก้าวัน เมื่อเห็นว่าดวงจันทร์คืนกลับมาเป็นจันทร์ครึ่งดวงแล้ว เฉินเสวี่ยก็กลับเข้าไปในแหวนมิติของตนเพื่อรอเวลาในการคืนร่างเดิมของตน

ครั้งนี้ก็รู้สึกรวดร้าวจนแทบทนไม่ไหวแต่กลับไม่ได้หมดสติไปเช่นครั้งแรก การกลายร่างแต่ละครั้งมันกินเวลายาวนานประมาณสิบกว่านาทีเท่านั้น แต่ความเจ็บปวดที่ลึกล้ำไปถึงแกนกระดูกทำให้นางรู้สึกราวช่วงเวลาสิบกว่านาทีนั้นยาวนานเป็นร้อยปีก็ไม่ปาน กว่าจะกลับคืนร่างบุรุษดังเดิม เฉินเสวี่ยก็ได้แต่นอนแน่นิ่งหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่พักใหญ่ การที่ต้องมีร่างกายผิดไปจากความเคยชินเดิมๆ ของตนนี่มันช่างน่ากระอักกระอ่วนใจนัก พอได้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมแล้วค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

เขาไม่รอช้า รีบเดินไปยังห้องอาบน้ำและทำการแช่กายในสระน้ำเพื่อใช้เคล็ดจันทราพิสุทธิ์ดูดซับพลังปราณจากธรรมชาติทันที ตอนนี้เขาพอจะทราบแล้วว่าตนมีเวลาในการดูดซับพลังปราณเช่นนี้ประมาณสามสิบวันในห้วงมิตินี้ก่อนที่จะต้องกลายร่างไปเป็นหญิงอีกครั้ง เขาจึงวางแผนที่จะยกระดับพลังฝีมือของตนเองให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายในระยะเวลาที่จำกัดนี้ หวังว่าเมื่อออกไปยังโลกภายนอกครั้งหน้า ตนจะมีระดับขั้นรวบรวมปราณ 4 หรือ 5 ดาวได้สำเร็จ

เขาใช้เวลายี่สิบกว่าวันก็สามารถเลื่อนขึ้นมาได้อีกสองดาว กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวบรวมลมปราณ 4 ดาวได้แล้ว

ที่ไม่อาจเลื่อนขั้นให้ได้เร็วกว่านี้ ก็เพราะว่าเขาพบว่าตนถูกบีบด้วยข้อจำกัดที่สำคัญยิ่งอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ร่างกายของจิ้งจอกมายาบรรพกาลไม่อาจทนรับการถ่ายเทกากพลังปราณได้ในระยะเวลาอันสั้นแบบติดๆ กันหลายครั้งได้ เพราะทุกครั้งที่เฉินเสวี่ยเลื่อนระดับเพิ่มขึ้นแต่ละดาว เขาก็พบว่าภายในร่างตนมีกากพลังปราณปริมาณสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน และพอถ่ายกากพลังปราณเหล่านั้นเข้าสู่ร่างของจิ้งจอกมายาบรรพกาลทั้งหมด สภาพร่างกายที่ถูกแช่แข็งของนางก็จะยิ่งดูเลวร้ายหนักขึ้นและต้องใช้เวลาในการย่อยสลายกากพลังปราณนานยิ่งขึ้นทุกครั้ง หากเขายังคงยืนยันจะดูดซับพลังปราณเพื่อเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วกว่านี้ต่อไปเรื่อยๆ จิ้งจอกมายาตนนี้คงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่เดือนเป็นแน่

ตอนนี้เฉินเสวี่ยมีทางเลือกแค่สองทางคือ หนึ่ง ชะลอการฝึกยุทธ์ของตนให้ช้าลง หรือ สอง ไปหาเตาบำเพ็ญที่จะใช้รองรับกากพลังปราณมาเพิ่ม เพื่อกระจายกากพลังปราณออกไป จิ้งจอกมายาจะได้ไม่ต้องแบกรับการถ่ายเทกากพลังปราณทั้งหมดแต่เพียงตนเดียว

แต่ฝีมือแค่ระดับรวบรวมปราณ 4 ดาวเช่นนี้ ไม่มีทางที่จะไปต่อกรกับสัตว์อสูรขั้น 10 ที่กลายร่างเป็นคนแบบตรงๆ ได้เลย หากออกไปจับสัตว์อสูรแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ดีไม่ดีอาจจะตกตายลงด้วยน้ำมือสัตว์อสูรระดับสองหรือระดับสามเสียด้วยซ้ำ

Prev
Next
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "ตอนที่ 7 นายน้อยเสวียนจิ้ง"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved