cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Prev
Next

เคล็ดมารสยบภพ - ตอนที่ 11 สัตว์อสูรผมสีเงิน

  1. Home
  2. All Mangas
  3. เคล็ดมารสยบภพ
  4. ตอนที่ 11 สัตว์อสูรผมสีเงิน
Prev
Next

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเสวี่ยมีบาดแผลฉกรรจ์และโลหิตไหลท่วมร่างนับแต่รับสืบทอดเคล็ดจันทราวารีมา เนื่องจากเสียโลหิตในปริมาณมากนางจึงหัวสมองมึนงง รู้สึกหน้ามืดจนแทนจะขยับตัวไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังคนพบเรื่องประหลาดเกี่ยวกับตนเองเพิ่มขึ้นมาอีกประการหนึ่ง นั่นก็คือโลหิตของนางหาได้มีกลิ่นคาวเหมือนสนิมเหล็กเช่นเดียวกับแต่ก่อน แต่มันกลับมีกลิ่นหอมหวานคล้ายกลิ่นดอกท้อผสมกับกลิ่นหอมบางอย่างที่มีฤทธิ์มอมเมาและปลุกเร้ากำหนัด ขนาดตัวนางเองได้กลิ่นยังอดรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวไม่ได้

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ฟ้าเริ่มมืดแล้วและอากาศก็เย็นลง เฉินเสวี่ยยังคงกัดฟันนอนนิ่ง รอคอยให้กระดูกในร่างกายค่อยๆ ประสานและเชื่อมกลับเข้าหากันทีละเล็กละน้อย แม้จะทั้งอ่อนเพลียและเจ็บปวดแต่นางก็ไม่กล้าหลับแม้แต่อึดใจเดียว เพราะเกรงว่าระหว่างหลับจะมีสัตว์ร้ายตนใดผ่านมาพบแล้วคาบตนไปกินเป็นอาหารมื้อค่ำเสียก่อน

ดึกสงัด ป่าทั้งป่าเงียบวังเวง ไอหมอกลอยอ้อยอิ่งอยู่ตามพื้น เฉินเสวี่ยที่ผล็อยหลับไปวูบหนึ่งอยู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเบากริบเดินใกล้เข้ามายังบริเวณที่ตนนอนอยู่ นางลืมตาโพลง แม้จะมองเห็นได้ชัดในที่มืดแต่เจ้าของเสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามากลับเดินเข้ามาจากทางด้านทิศหัวนอนของนาง ทำให้นางไม่อาจเงยหน้าขึ้นไปมองดูได้ว่ามันเป็นสัตว์อสูรชนิดใดกันแน่ นางได้แต่คาดเดาจากเสียงฝีเท้าว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นสัตว์อสูรระดับสูงแล้ว เพราะเป็นเสียงเดินสองเท้ามิใช่สี่เท้า

เฉินเสวี่ยตั้งท่าเตรียมพร้อมว่าหากเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้เดินเข้ามาพบนาง นางจะรีบจับมันยัดเก็บเข้าไปในแหวนมิติทันทีก่อนที่มันจะทันได้จับนางไปกินเป็นอาหาร

เสียงฝีเท้าเดินๆ หยุดๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นางยังได้ยินเสียงสูดจมูกเพื่อดมกลิ่นดังฟุดฟิดเบาๆ เป็นระยะๆ เจ้าสัตว์อสูรตนนี้คงจะได้กลิ่นเลือดของนางแล้วเป็นแน่

เฉินเสวี่ยนอนกลั้นหายใจรอคอยอยู่ไม่กี่อึดใจ ในที่สุดนางก็เห็นศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีเงินยวงชะโงกหน้าจากด้านบนศีรษะนาง ดวงตาสีคมกริบที่สว่างเรืองในความมืดก้มลงมาสบตากับนางในระยะใกล้แค่คืบ

“อ๊ะ เจอแล้ว!” สัตว์อสูรตนนั้นอุทานแล้วฉีกยิ้มกว้าง มันเป็นสัตว์อสูรเพศชายรูปร่างสูงใหญ่ปราดเปรียว ใบหน้าหล่อเหลาแบบดิบเถื่อน ท่อนบนไม่สวมเสื้อ แต่ท่อนล่างสวมกางเกงที่ทำมาจากหนังสัตว์สีเข้ม แผงอกของมันเต็มไปด้วยมัดกล้ามแลดูทรงพลัง ดวงตาที่จ้องลงมาสบกับดวงตาของเฉินเสวี่ยสะท้อนเรืองในความมืดเป็นสีเขียวมรกต ดูลึกลับอย่างประหลาด

เฉินเสวี่ยเผลอตกตะลึงกับรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายไปชั่วครู่ นางดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นสัตว์อสูรสายพันธุ์ใดกันแน่ อาจเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรยุคบรรพกาลที่นางไม่รู้จัก และดูเหมือนว่าจะเป็นสัตว์อสูรระดับสูงมากๆ เพราะนางถึงกับจำแนกพลังฝีมือของอีกฝ่ายไม่ออกแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าสัตว์อสูรร่างสูงใหญ่นั้นกำลังยื่นมือเข้ามาหาตน นางก็รีบคว้าจับมือข้างนั้นไว้แล้วจับร่างสูงใหญ่ของเขายัดลงไปในแหวนมิติ แต่ใครจะทราบว่านางถึงกับยัดร่างของเขาเข้าไปในแหวนมิติไม่สำเร็จ!

นางหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ อย่าบอกนะว่าแหวนมิติเต็ม? นางรีบกวาดร่างของวานรเมฆาหลายสิบตัวจากด้านในแหวนมิติออกมาโยนทิ้งอย่างรวดเร็วแล้วพยายามดึงร่างของสัตว์อสูรที่ตนจับมือเอาไว้ใส่ลงไปในแหวนมิติอีกครั้ง แต่ก็พบว่าครั้งนี้ก็ยังคงล้มเหลว เฉินเสวี่ยเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าตนไม่อาจจับสัตว์อสูรตนนี้เก็บเข้าไปในแหวนมิติได้

เพ้ย! ไอ้จอมมารรุ่นสิบสี่บัดซบ ไหนบอกว่าแหวนมิตินี้สามารถใส่ทุกอย่างลงไปได้ยกเว้นตนเองเท่านั้นอย่างไรเล่า ถ้านางกลับไปที่ตำหนักมารได้อีกครั้งเมื่อไหร่ นางจะไปขุดกระดูกของมันขึ้นมาเฆี่ยนตีสักพันครั้งให้หายแค้น!

แม้ว่าในใจของเฉินเสวี่ยจะกำลังขุดบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของจอมมารรุ่นก่อนหน้าตนออกมาด่าอย่างสาดเสียเทเสีย แต่ภายนอกเฉินเสวี่ยก็ได้แต่กลืนน้ำลายดังเอื๊อก ส่งยิ้มแหยๆ ให้กับเจ้าของมือที่ตนจับอยู่ แล้วค่อยๆ ปล่อยมือที่ตนจับเอาไว้ด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจ

สัตว์อสูรผมสีเงินกะพริบตามองดูการกระทำของนางด้วยความสงสัย เขาหันไปมองร่างที่กำลังหลับอุตุของพวกวานรเมฆาที่นางโยนออกมาจากแหวนมิติด้วยความประหลาดใจแล้วหันกลับมาจ้องหน้าสบตากับนางอีกครั้ง

“เอ่อ… ถ้าเจ้าหิว ก็กินเจ้าวานรพวกนั้นรองท้องไปก่อนดีหรือไม่ ข้าตัวเล็กนิดเดียว คงไม่พอเติมเต็มกระทั่งซอกฟันของเจ้าหรอก แหะๆ ๆ” เฉินเสวี่ยกล่าวพลางพยักพเยิดไปทางร่างของพวกวานรเมฆาที่อยู่ข้างๆ นาง

“ข้าไม่ชอบกลิ่นสาบของพวกวานร” สัตว์อสูรผมสีเงินเหยียดปากด้วยความรังเกียจ เขาก้มลงมาดมใบหน้าของเฉินเสวี่ย จมูกของเขาปัดไปตามแก้มของนางโดยไม่รังเกียจความสกปรกมอมแมมของนางแม้แต่น้อย ดมไปดมมายังถึงกับแลบลิ้นสากระคายเลียไปทั่วราวกับต้องการลิ้มชิมรสเลือดเนื้ออันหอมหวานของนางอีกด้วย

“เจ้าตัวหอมยิ่งนัก ข้าชอบ” เสียงแหบต่ำของเขากระซิบที่ข้างหูของนางเบาๆ

เฉินเสวี่ยตัวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ความหวาดกลัวแล่นจับไปถึงหัวใจ นึกเจ็บใจที่ตนยังไม่ทันได้แก้แค้นก็กลับจะต้องมาเป็นอาหารของสัตว์อสูรตนนี้เพราะความประมาทของตนเองแท้ๆ

“ดะ… ได้โปรด ปล่อยข้าไปเถอะ หากเจ้าชอบกินอะไรข้าจะหามาให้เจ้าทุกอย่างเลย อย่ากินข้าเลยนะ” เฉินเสวี่ยต่อรองเสียงสั่น น้ำตาไหลเป็นทาง แม้จะผ่านความเป็นความตายมาแล้วหลายครั้ง แต่พอถึงเวลาที่คิดว่าตนจะต้องตายจริงๆ ก็ยังอดที่จะกลัวไม่ได้ ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นเพียงเด็กอายุสิบสี่เท่านั้น

สัตว์อสูรผมสีเงินไม่สนใจคำต่อรองของเฉินเสวี่ยแม้แต่น้อย เขายกร่างของนางขึ้นมาจากกองใบไม้บนพื้นแล้วแบกร่างของนางพาดบ่าเพื่อพานางเดินกลับไปยังที่พักของเขา

เฉินเสวี่ยหลับตาตั้งสติ พยายามจัดระเบียบความคิดในหัวที่ยังสับสนมึนงงให้เข้าที่เข้าทางเพื่อหาทางรอด ครู่หนึ่งนางก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตนยังสามารถกลับออกไปยังโลกภายนอกได้อยู่นี่นา นางรีบย้ายตนเองออกมาจากห้วงมิติในแหวนทันที เมื่อพบว่าตนเองกลับออกมานอนอยู่ในห้องฝึกยุทธ์เล็กๆ ของตนในโลกภายนอกอย่างปลอดภัยอีกครั้ง นางก็ถอนหายใจโล่งอก รู้อย่างนี้นางออกมาซะตั้งแต่ตอนที่กำลังตกจากหน้าผาก่อนจะลงมากระแทกพื้นเสียก็ดี ถ้าตอนนั้นคิดได้คงไม่ต้องมานอนเจ็บเจียนตายอยู่แบบนี้หรอก ทำไมตอนนั้นคิดไม่ได้นะ โง่จริง! เฮ้อ…

คราวนี้เฉินเสวี่ยนอนหลับได้อย่างสบายใจแล้ว เพราะไม่ต้องกลัวว่าจะโดนสัตว์อสูรตนใดผ่านมาคาบนางไปกินระหว่างที่นอนหลับอยู่ เมื่อตื่นมาอีกครั้ง นางก็พบว่าบาดแผลทั่วร่างหายสนิทดีแล้ว แต่กระดูกขาที่แตกละเอียดของนางยังสมานตัวไปเพียงครึ่งเดียว ถึงนางจะยังขยับตัวท่อนล่างไม่ได้แต่ก็สามารถคลานด้วยแขนไปยังประตูห้องได้แล้ว

เฉินเสวี่ยเปิดประตูห้องออกแล้วชะโงกหน้าไปตะโกนเรียกสาวใช้ของตน

“หรูอี้ๆ เตรียมน้ำร้อนให้ข้าอาบที” นางทนนอนจมกองเลือดผสมกับเศษดินและเศษใบไม้ที่บัดนี้แห้งกรังเหนียวเหนอะแทบไม่ไหวแล้ว อย่างน้อยก็ขออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวสักหน่อยเถอะ

“อ๊ะ คุณหนูออกจากการกักตนแล้วหรือเจ้า…. กรี๊ด!…” หรูอี้ที่กำลังวิ่งมาหาเฉินเสวี่ยด้วยความดีใจกรีดร้องออกมาเสียงหลงเมื่อเห็นสภาพเลือดท่วมตัวของเฉินเสวี่ย

เสียงกรีดร้องของนาง ทำเอาบ่าวรับใช้ทั้งบ้านต่างรีบรุดมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น พอทุกคนเห็นสภาพของเฉินเสวี่ยต่างก็พากันตกใจจนหน้าซีดตัวสั่นไปตามๆ กัน

“พวกเจ้าไม่ต้องตกใจ ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก ใครมีงานอะไรก็ไปทำต่อเถอะ” เฉินเสวี่ยโบกมือไล่พวกเขา

หรูอี้กับป้าโจวไม่เชื่อคำพูดของเฉินเสวี่ยแม้แต่น้อย พวกนางร้องไห้ด้วยความตกใจและรีบเข้ามาพลิกตัวเฉินเสวี่ยเพื่อตรวจหาบาดแผลไปทั่ว

“โอ๊ย! เบาๆ หน่อยสิ ข้าไม่ได้มีแผลอะไร แต่กระดูกขาข้าขังร้าวอยู่เลย ขืนพวกเจ้าจับตัวข้าพลิกไปพลิกมาไม่เลิกอยู่แบบนี้ กระดูกข้าคงได้หักอีกรอบ” เฉินเสวี่ยโวยวายหน้ามุ่ย

สาวใช้ทั้งสองเห็นนางไร้ซึ่งบาดแผลภายนอกก็ถอนหายใจโล่งอก

“ข้าจะให้ตาเฒ่าไปตามหมอมาตรวจดูนะเจ้าคะ” ป้าโจวบอกเฉินเสวี่ยและหันไปทำท่าจะสั่งลุงโจวให้เร่งไปตามหมอมา

“ไม่ต้องๆ ข้าบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ ร่างกายของข้า ข้าย่อมรู้ดีที่สุด พวกเจ้าไปต้มน้ำมาให้ข้าอาบก็พอแล้ว” เฉินเสวี่ยรีบห้ามเอาไว้ ขืนให้หมอมาตรวจ ความลับของนางอาจจะแตกได้

“…เจ้าค่ะ” ทั้งสองคนยอมทำตามอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าใดนัก

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเสวี่ยยอมเผยร่างกายตอนเป็นผู้หญิงของตนต่อหน้าผู้อื่นเห็น นางไม่อาจขยับตัวท่อนล่างได้จึงจำใจเรียกใช้ให้หรูอี้และป้าโจวมาช่วยกันอาบน้ำให้ตน

“เลือดพวกนี้ช่างน่ากลัวนัก คุณหนูกักตัวฝึกวิชาอยู่แต่ในห้อง บาดแผลก็ไม่มีแต่ทำไมทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบเลือดเช่นนี้เล่าเจ้าคะ แถมเสื้อผ้ายังมีแต่รอยฉีกขาดไปทั่วอีก” ป้าโจวถามออกมาแกมบ่นขณะช่วยเฉินเสวี่ยถอดเสื้อผ้า

เฉินเสวี่ยขมวดคิ้ว รู้สึกว่าบ่าวรับใช้ผู้นี้ดูจะจุ้นจ้านเรื่องของเจ้านายมากไปหน่อยหรือไม่

หรูอี้เห็นสีหน้าเฉินเสวี่ยกระด้างลงก็รีบหันไปขยิบตาปรามป้าโจวไม่ให้ถามมากความ ก่อนหน้านี้นางเคยนึกเป็นห่วงคุณหนูจึงได้ย่องมาแง้มประตูเพื่อแอบดูว่าเฉินเสวี่ยที่เอาแต่เก็บตัวฝึกยุทธ์อยู่แต่ในห้องโดยไม่กินไม่ดื่มหลายวันจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่นางกลับพบเพียงห้องที่ว่างเปล่า นางจึงเดาว่าเฉินเสวี่ยน่าจะแอบออกไปข้างนอกโดยใช้ข้ออ้างว่ากักตัวฝึกวิชาอยู่แต่ในห้องเพื่อไม่ให้ใครรู้ คุณหนูของตนคงจะมีความลับบางประการที่ไม่อยากเปิดเผยให้ใครทราบกระมัง และนางก็หัวไวพอจึงไม่เคยปริปากถามเรื่องเหล่านี้ออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ก็เจ้านายที่ไม่เรื่องมาก ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว และนานๆ จะกลับมาอยู่บ้านเสียทีแบบนี้ มิใช่หาได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่

“โอ้โฮ ผิวพรรณและรูปร่างของคุณหนูช่างงามจริงๆ ทั้งขาวทั้งนุ่มนิ่มราวกับเต้าหู้ อีกไม่กี่ปีบ้านนี้คงมีแม่สื่อแวะเวียนมาเยือนวันละหลายสิบคนเป็นแน่” หรูอี้ชวนเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างแนบเนียน

“คิกๆ จริงของเจ้า คุณหนูของพวกเรางามมากจริงๆ ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยเห็นใครงามเท่านี้มาก่อนเลย” ป้าโจวหัวเราะคิกคักเห็นด้วยกับหรูอี้

หัวคิ้วของเฉินเสวี่ยค่อยๆ คลายลง นางหลับตาพริ้มปล่อยให้บ่าวขี้ประจบทั้งสองช่วยอาบน้ำให้นางไปพลางพูดยกยอปอปั้นนางไปพลาง โชคดีที่นางมีเงินเหลือเฟือ ทำให้ยังสามารถซื้อหาบ่าวรับใช้มาคอยดูแลปรนนิบัติตนให้อยู่ได้อย่างสบายแทบไม่ต่างจากเมื่อสมัยก่อน

เมื่อนึกได้ว่าเงินทองที่ตนนำมาใช้จ่ายส่วนตัวในทุกวันนี้และเงินที่ใช้เป็นค่าจ้างให้พวกบ่าวไพร่ในบ้านนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเงินที่ตกทอดมาจากจอมมารรุ่นก่อนทั้งสิ้น นางก็เบ้ปากเล็กน้อย ถือเสียว่าครั้งนี้นางจะทำตนเป็นคนใจกว้างยอมละเว้นไม่ขุดกระดูกจอมมารรุ่น 14 ขึ้นมาเฆี่ยนตีสักครั้งก็แล้วกัน

สามวันให้หลัง เฉินเสวี่ยก็กลับมาเดินเหินได้อย่างปกติอีกครั้ง นางเห็นว่าเวลาก็ผ่านมาหลายวันแล้ว อีกทั้งเวลาในแหวนมิติก็น่าจะผ่านไปนานยิ่งกว่าโลกภายนอก เจ้าสัตว์อสูรผมสีเงินตนนั้นคงจะไปหากินที่อื่นเสียนานแล้ว นางจึงลองกลับเข้าไปในแหวนมิติอีกครั้ง

เฉินเสวี่ยโผล่กลับเข้ามายังหุบเขาที่เดิมที่ตนตกลงมาบาดเจ็บและได้พบกับสัตว์อสูรผมสีเงิน นางรีบหันซ้ายแลขวาไปรอบๆ เพื่อดูว่าแถวนี้มีสัตว์อสูรร้ายกาจตนใดอยู่หรือไม่ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้อง นางก็รีบจ้ำกลับไปยังเส้นทางกลับตำหนักมารของตนทันที ขอสาบานกับตนเองเลยว่าหากยังไม่บรรลุขั้นปรมาจารย์ยุทธ์เก้าดาว นางจะไม่ย่างกรายออกมาสำรวจห้วงมิตินี้อีกเด็ดขาด ขืนนางเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ไม่อาจเก็บใส่เข้าไปในแหวนมิติได้แบบเจ้าตัวผมเงินนั่นอีกครั้ง นางอาจจะต้องจบชีวิตไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัวก็เป็นได้

ตลอดทางกลับตำหนักมาร เฉินเสวี่ยรู้สึกเสียวสันหลังอย่างประหลาด เหมือนมีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่ตนตลอดเวลา แต่นางกลับไม่อาจจับสัมผัสถึงสิ่งมีชีวิตใดๆ ได้เลย ป่าที่เคยเต็มไปด้วยสัตว์น้อยใหญ่ชนิดที่ว่าก่อนหน้านี้เดินสักสิบก้าวก็ต้องมีอย่างน้อยกระรอกป่ากระโจนตัดหน้าไปสักตัว มาบัดนี้กลับเงียบเชียบและวังเวงราวกับสุสานร้าง

เฉินเสวี่ยรีบเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้นจนแทบจะกลายเป็นวิ่งแล้ว นางมองเห็นหลังคาตำหนักมารอยู่ลิบๆ แต่กลับรู้สึกราวกับว่ามันอยู่ไกลคนละฟากทวีป ตอนนี้นางค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าตนต้องกำลังโดนสัตว์อสูรร้ายกาจตนหนึ่งสะกดรอยตามมาอย่างเงียบๆ อย่างแน่นอน สัตว์อื่นๆ จึงพากันหวาดกลัวและหลบหนีไปจนหมดสิ้น

ความคิดในหัวของเฉินเสวี่ยแล่นเร็วรี่ หรือว่านางควรจะกลับออกไปที่โลกภายนอกอีกสักครั้งเพื่อที่จะได้สลัดให้หลุดจากการตามล่าครั้งนี้ดีนะ ขณะที่กำลังคิดไม่ตกอยู่นั้นเอง ร่างของนางก็พลันถูกร่างสูงใหญ่กำยำร่างหนึ่งกระโจนเข้าใส่จากด้านหลัง จนนางล้มกลิ้งไปพร้อมกับมัน

เมื่อกลิ้งไปสี่ห้าตลบจนในที่สุดก็หยุดนิ่งแล้วเฉินเสวี่ยก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าผู้ที่กระโจนเข้ามากอดตนจนล้มกลิ้งที่แท้ก็คือสัตว์อสูรผมสีเงินตนนั้นนั่นเอง เขากอดรัดนางแน่นมากจนนางเกือบจะหายใจไม่ออก

“ไปทางนั้นไม่ได้” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันขณะก้มหน้าลงมาสบตากับเฉินเสวี่ย

เฉินเสวี่ยถึงกับมึนงง ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงเรื่องอันใด แต่แล้วก็เหมือนจะเข้าใจได้กลายๆ พวกสัตว์อสูรในห้วงมิตินี้คงจะรู้สินะว่าพวกมันไม่อาจเข้าใกล้ตำหนักมารได้ เฉินเสวี่ยฉีกยิ้มกว้างแล้วหายวับไปจากอ้อมกอดแกร่งของสัตว์อสูรตนนี้ในพริบตา

สัตว์อสูรผมสีเงินกะพริบตาด้วยความงุนงงอีกครั้งที่อยู่ๆ ร่างเล็กก็หายตัวไปจากอ้อมกอดของตนเป็นครั้งที่สอง เขาลุกขึ้นยืนและมองหาไปรอบๆ พยายามสูดดมกลิ่นของนาง แต่นอกจากกลิ่นหอมอันเจือจางที่บ่งบอกว่าครั้งหนึ่งนางเคยอยู่ที่นี่แล้ว ก็ไม่สามารถจับสัมผัสถึงตัวตนในปัจจุบันของนางได้เลยแม้แต่น้อย เขาเดินวนเวียนอยู่ในบริเวณนั้นโดยไม่ยอมจากไป คราวก่อนนางก็ปรากฏตัวกลับมาตรงจุดที่นางหายตัวไป คราวนี้ก็อาจจะเป็นเช่นเดียวกัน

แล้วพริบตาเดียวเฉินเสวี่ยก็ปรากฏตัวออกมาที่จุดเดิมจริงๆ เสียด้วย นางคิดเพียงว่าวิ่งอีกแค่ไม่กี่ก้าวตนก็จะเข้าสู่เขตค่ายกลที่ล้อมรอบตำหนักมารได้แล้ว นางจึงไม่อยากจะเสียเวลาหลบอยู่ที่โลกภายนอกให้เสียเวลานานนัก

พอนางปรากฏตัวออกมา สัตว์อสูรผมสีเงินที่กำลังยืนหันหลังให้นางอยู่ก็หันขวับกลับมาทันทีราวกับมีดวงตางอกอยู่ด้านหลัง เฉินเสวี่ยรีบวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อกลับเข้าไปที่เขตแดนค่ายกล สังหรณ์ใจว่าหากนางมัวแต่ชักช้าต้องโดนเจ้านั่นจับตัวได้อีกแน่ แต่แล้วนางก็ยังเทียบความเร็วกับสัตว์อสูรตนนั้นไม่ได้อยู่ดี เขากระโจนเพียงครั้งเดียวก็เกือบจะรวบตัวนางเอาไว้ได้อีก เฉินเสวี่ยผลุบหายออกไปนอกแหวนมิติ แล้วผลุบกลับมาใหม่ในทันที เพราะกะว่าอีกฝ่ายเมื่อพลาดจากการกระโจนเข้าใส่นาง ก็น่าจะเสียหลักพุ่งเลยตำแหน่งของนางไป นางคิดว่าเจ้านี่น่าจะรู้แล้วว่ายามนางกลับเข้ามาในแหวนจะต้องกลับมาที่ตำแหน่งเดิมทุกครั้ง หากปล่อยให้เขาตั้งตัวได้ทัน นางคงไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมมือเขาได้แน่

และก็จริงอย่างที่นางคิด ยามที่นางโผล่กลับเข้ามาที่เดิมนั้น สัตว์อสูรผมสีเงินก็ได้พุ่งถลำเลยตำแหน่งนั้นไปแล้ว นางจึงมีเวลาอีกหนึ่งอึดใจที่จะวิ่งต่อไปได้จนถึงแนวค่ายกลจนสำเร็จ

เฉินเสวี่ยยืนงอตัวยันเข่าหายใจด้วยความเหนื่อยหอบอยู่ในแนวชายขอบของค่ายกลแล้วหันมามองจ้องตากับเจ้าสัตว์อสูรผมสีเงินที่กำลังมองมาที่นางด้วยความงุนงงสงสัย เขาเอียงคอเหมือนไม่เข้าใจอะไรบางอย่างแล้วเดินมุ่งหน้ามาหานาง

“บัดซบ! เจ้าคิดจะตามติดข้ายิ่งกว่าเจ้านายน้อยกอเอี๊ยะหนังสุนัขนั่นอีกรึ” นางตะโกนด่าออกไปพร้อมกับถอยหลังกรูดเมื่อเห็นเขาทำท่ายื่นมือมาเหมือนจะคว้าตัวนางอีกครั้ง แต่แล้วนางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจเมื่อเห็นว่าทันทีที่ปลายนิ้วของสัตว์อสูรผมเงินแตะเข้ากับชายขอบของค่ายกล ร่างสูงใหญ่ของเขาก็ถูกพลังงานไร้รูปดีดกระเด็นออกไปไกลนับสิบเมตร

“…เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเองนะ” เฉินเสวี่ยแลบลิ้นใส่ร่างที่กำลังนอนกระอักเลือดอยู่บนพื้นไม่ไกลจากตนนัก จากนั้นก็สะบัดหน้าเดินกลับเข้าไปในตำหนักมารของตนโดยไม่เหลียวหลัง

Prev
Next
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "ตอนที่ 11 สัตว์อสูรผมสีเงิน"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved