เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 602 เจ้าอยากรู้อดีตของข้าหรือไม่
- Home
- All Mangas
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 602 เจ้าอยากรู้อดีตของข้าหรือไม่
บทที่ 602 เจ้าอยากรู้อดีตของข้าหรือไม่
ชางฉีได้ยินดังนั้น เขากลับไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่ซูตี๋หย่าจินตนาการเอาไว้ เขาเพียงแค่ตอบกลับอย่างเย็นชาว่า “เรื่องของข้ากับพี่สาวเจ้า เจ้ารู้ดีเพียงใดกัน”
ซูตี๋หย่าถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เพื่อผู้หญิงต้าจิ้นคนนั้น เจ้าถึงกับปฏิเสธความสัมพันธ์ในช่วงนั้นกับพี่หญิงของข้าอย่างนั้นหรือ?”
ชางฉีไม่ใช่คนที่ชอบอธิบายให้คนอื่นฟัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่เขาไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ฟังเช่นนี้
“หากเจ้าอยากรู้เรื่องของอูหลุนจู เจ้าก็กลับไปถามพี่ชายของเจ้าดู”
ชางฉีเอ่ยจบก็กำลังจะจากไป
ทว่าซูตี๋หย่ากลับกอดแขนของเขาเอาไว้แน่น “หากวันนี้เจ้าไม่รับปากข้า ข้าก็จะไม่ไปที่ใดทั้งนั้น! ชางฉี ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ถึงความมุ่งมั่นของข้า ข้าต้องการเป็นผู้หญิงของเจ้า!”
ชางฉีสะบัดมือของนางออก “ซูตี๋หย่า อยู่ให้ห่างจากข้าด้วย
อีกอย่าง ผู้หญิงต้าจิ้นที่เจ้าพูดถึงคือเค่อตุนของถู่เจีย และนางมีสิทธิ์ตัดสินความเป็นความตายของเจ้าในราชสำนักแห่งนี้ ทางที่ดีเจ้าระวังปากของเจ้าไว้จะดีกว่า อย่าให้ข้าได้ยินคำดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ของเจ้าอีก”
ทว่าวันนี้ซูตี๋หย่าอดทนมามากพอแล้ว ดังนั้นเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็รู้สึกเหมือนได้รับความอัปยศ
“เจ้าคิดว่าข้าสู้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
ดวงตาของชางฉีแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “วันนี้หลังจากกลับไปแล้ว เจ้าจงออกไปจากราชสำนัก และกลับไปที่เผ่าของพี่ชายเจ้าเสีย”
“เจ้าไล่ข้าอย่างนั้นหรือ!?”
ชางฉีเดินมาถึงนอกถ้ำ ก็เอ่ยขึ้นว่า “กลับราชสำนัก”
“ขอรับ! ท่านข่าน”
ชางฉีขึ้นม้าทันที ทว่าซูตี๋หย่าก็เดินตามออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ แต่กลับถูกคนขวางเอาไว้
“ซูตี๋หย่า เลิกทำให้ท่านข่านโมโหได้แล้ว!”
ซูตี๋หย่าขอบตาแดงก่ำ “เขาไม่มีหัวใจ! ไม่เคยมองเห็นความดีที่ข้าทำให้”
ชางฉีจากไปแล้ว แต่ก็มีคนสองคนที่ยังอยู่ต่อเพื่อรอไปส่งซูตี๋หย่า ผู้หญิงที่อยากแต่งงานกับชางฉีนั้นมีมากมาย แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะได้แต่งกับเขา
ยามที่นางจิตใจว้าเหว่เช่นนี้ ไม่แน่พวกเขาอาจจะมีโอกาสก็ได้
สาวงามอย่างซูตี๋หย่า ไปที่ใดก็ไม่เคยขาดผู้ชายที่คอยเอาอกเอาใจ
ชางฉีเห็นแล้ว แต่ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่ง
ตอนนี้เขาแค่อยากกลับไปหาดวงจันทร์น้อยของเขาแล้ว
ตามหลักแล้ว วันที่สองหลังการแต่งงานเขาไม่ควรออกมา แต่อาหารช่วงนี้น้อยลงเรื่อย ๆ ดังนั้นเพื่อที่จะผ่านฤดูหนาวนี้ไปให้ได้ พวกเขายังต้องกักตุนอาหารอีกจำนวนมาก
…
ราชสำนัก
พ่อครัวหลวงเตรียมหม้อไฟเทน้ำแกงที่เคี่ยวมาตลอดช่วงบ่ายลงไปในหม้อ แล้วเตรียมเครื่องต่าง ๆ บนจานที่ประณีต กระดูกแกะสด ๆ แม้แต่เครื่องในเนื้อวัวที่พวกถู่เจียไม่ต้องการ ก็ถูกพวกเขาทำออกมาให้ดูแปลกใหม่
โดยเฉพาะมันภูเขาที่ชาวถู่เจียขุดขึ้นมาอบ ก็ถูกนำมาทำเป็นวุ้นเส้นมันภูเขาด้วย
เครื่องปรุงรสต่าง ๆ ผสมจนเข้ากันดี เมื่อเนื้อสุกแล้วก็จิ้มกับน้ำจิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเอาเข้าปาก สำหรับชาวถู่เจียแล้ว นั่นเป็นรสชาติที่แปลกใหม่อย่างมาก!
เมื่อพ่อครัวหลวงทำเสร็จแล้ว ก็ได้เชิญชาวถู่เจียที่อยู่รอบ ๆ ให้มาลองชิม
คนที่พาเด็ก ๆ มาชิมล้วนแต่เป็นผู้หญิงที่ใช้แรงงาน ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าชิม แต่พวกเด็ก ๆ กลับมีความกล้าไม่น้อย พวกเขาอ้าปากเล็ก ๆ กินไปคำแล้วคำเล่า ก่อนจะหันกลับไปพูดอย่างมีความสุขว่า อร่อยมาก!
อาเอ่อร์ไท่เมื่อกลับมาก็ได้กลิ่นหอมนั่น จึงเดินตามเซี่ยวั่งซูไปทั่ว
“อร่อย ๆ!” อาเอ่อร์ไท่ยกนิ้วโป้งให้ แตกต่างจากเนื้อแกะย่างของพวกเขามากจริง ๆ!
ตอนนี้จึงทำให้ทุกคนในราชสำนักต่างก็พูดถึงเค่อตุนที่เพิ่งมา ว่างดงามและใจดีเพียงใด อีกทั้งอาหารของต้าจิ้นนั้นอร่อยขนาดไหน
ถึงขนาดมีเด็กผู้หญิงที่อายุยังน้อยหลายคนก็ได้เลียนแบบเซี่ยวั่งซู โดยเสียบดอกไม้ป่าลงไปบนผมที่ถักเป็นเปียของพวกนางด้วย
ตอนที่พวกชางฉีอาศัยแสงยามค่ำคืนกลับมาถึงราชสำนัก เขาก็เห็นว่าดวงจันทร์น้อยของเขากำลังถูกคนห้อมล้อมอยู่ นางนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเกร็ง ๆ เล็กน้อย และนางก็กำลังมองผู้คนที่อยู่รอบตัวด้วยความปรารถนาดี และมีผู้หญิงพาเด็กที่ป่วยมา โดยหวังว่าเซี่ยวั่งซูจะอวยพรให้ลูกของนางเอาชนะโรคภัยได้
“ท่านข่านกลับมาแล้ว!”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดขึ้นมา เซี่ยวั่งซูจึงมองไปทางฝูงม้า ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่และสง่างามกระโดดลงมาจากหลังม้า ทุกคนต่างก็เข้าไปรุมล้อมเพื่อดูว่าพวกเขาได้อะไรมาบ้าง
เซี่ยวั่งซูยังไม่คุ้นเคยกับการวิ่งเข้าไปหาผู้ชายแบบนี้
ชางฉีก็ไม่ได้ขยับ เขาอุ้มกระต่ายสองตัวที่เตรียมเอามาให้นางไว้ในอ้อมแขน แล้วจึงโบกมือให้นาง “ดวงจันทร์น้อย”
เซี่ยวั่งซูจิตใจสั่นไหว หัวใจราวกับมีขนนกปัดผ่านเบา ๆ
อาเอ่อร์ไท่อดไม่ได้ที่จะวิ่งเข้าไปหาชางฉี “เป็นกระต่ายที่จับมาให้เค่อตุนหรือขอรับ! วันนี้พ่อครัวของต้าจิ้นทำของอร่อยมากมายเลยขอรับ”
ชางฉีกำลังมองไปที่เซี่ยวั่งซู จู่ ๆ เจ้าเด็กนี่ก็โผล่ออกมา ชางฉีจึงผลักเขาออกไปด้วยความหงุดหงิด “หลบไป ไม่ได้เอามาให้เจ้ากิน”
นี่เป็นสัตว์เลี้ยงของดวงจันทร์น้อยของเขาต่างหากเล่า
เซี่ยวั่งซูมองดูเขาที่เดินเข้ามาหา และสังเกตเห็นว่าในอ้อมแขนของเขามีกระต่ายน้อยอยู่ด้วย
ชางฉีกำลังจะบอกว่า เอาไว้ให้นางเลี้ยงฆ่าเวลา ก็เห็นดวงจันทร์น้อยของเขาดวงตาเป็นประกายขึ้นมา ก่อนที่นางจะถามพร้อมรอยยิ้ม “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าชอบกินเนื้อกระต่าย”
“…” ชางฉีชะงักไปทันที
อาเอ่อร์ไท่ที่วิ่งตามหลังมาจึงพูดขึ้น “ไม่ใช่เสียหน่อย…โอ๊ย ๆ!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็ถูกชางฉีเหยียบเท้าอย่างแรง
จากนั้นท่านข่านที่เมื่อครู่ยังด่าเขาอยู่ ก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “หากเจ้าชอบกินข้าจะให้คนไปทำให้เดี๋ยวนี้”
ชางฉีจึงเอากระต่ายให้กับคนที่เดินเข้ามารับ เซี่ยวั่งซูเห็นว่าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อ แล้วกวักมือเรียกเขาเข้ามาใกล้
จากนั้นทุกคนก็ได้เห็นราชาหมาป่าที่เย่อหยิ่งก้มหัวลง ปล่อยให้หญิงสาวร่างเล็กบ่นเขาว่าออกไปข้างนอกทีหนึ่งทั้งร่างกลับมีแต่เหงื่อและทราย
ที่ถู่เจียผู้หญิงไม่สามารถบ่นผู้ชายแบบนี้ได้
ทุกคนจึงรู้สึกเป็นกังวล เพราะพวกเขาชอบองค์หญิงน้อยของต้าจิ้นผู้นี้มาก จึงกลัวว่านางจะทำให้ท่านข่านโมโห
ทว่าท่านข่านของพวกเขากลับยิ้มกว้าง แล้วจูงมือของนางเข้ากระโจมไป ทั้งยังพูดขอโทษไปด้วย “รู้แล้ว ข้าจะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้”
อาเอ่อร์ไท่ผิวปากอยู่ทางด้านหลังอย่างมีความสุข ชางฉีขี้เกียจจะสนใจคนพวกนี้ ส่วนจื่อฮุ่ยก็จะตามเข้าไปอย่างซื่อ ๆ จื่อหลันจึงรีบดึงนางเอาไว้ “มีไหวพริบหน่อย ที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวงที่จะต้องให้คนเข้าไปปรนนิบัติเป็นขบวน”
จื่อฮุ่ยจึงแลบลิ้นออกมา และยืนรอคำสั่งอยู่ด้านนอก
ภายในกระโจม ชางฉีเอ่ยถาม “วันนี้ตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าทำอะไรบ้าง?”
เซี่ยวั่งซูเดินตามเขาราวกับหางเล็ก ๆ ก่อนจะตอบเขาไปว่า “เยอะแยะเลย คนที่นี่ล้วนเป็นกันเอง พวกเด็ก ๆ ก็น่ารักมาก”
ทุกคนจึงเป็นเหมือนพี่น้องกัน
“แต่วันนี้ข้าเจอเด็กคนหนึ่ง เขาเหมือนไม่ชอบข้า” เซี่ยวั่งซูพูดจบ
มือของชางฉีก็ชะงักไป จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อคลุมออก หยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะลงไปแช่ในอ่าง “ข้างกายเขามีหญิงชราผมหงอกอยู่ด้วยใช่หรือไม่?”
“อืม เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
ชางฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ดึงมือนางให้นั่งลง “ดวงจันทร์น้อย เจ้ายังไม่รู้เรื่องราวในอดีตของข้ามากนัก ตอนที่ข้าอายุเท่ากับเจ้า ท่านพ่อฆ่าท่านแม่ของข้า พี่ชายข้าจึงต่อต้านท่านพ่อ พวกเราสองคนพี่น้องจึงถูกไล่ออกจากราชสำนักและถูกเนรเทศ”
เซี่ยวั่งซูคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีอดีตเช่นนี้
“จากนั้นเล่า?”
ชางฉีจึงพูดต่อ “ข้ากับพี่ชายพึ่งพาอาศัยกัน พวกเราเดินทางไปตามชนเผ่าต่าง ๆ สร้างผลงานประทังชีวิตไปวัน ๆ จนกระทั่งลุงของข้าตามหาพวกเราสองคนพี่น้องพบ”
.