เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 98 อู่หยางไม่ได้พูดเล่น!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 98 อู่หยางไม่ได้พูดเล่น!
บทที่ 98 อู่หยางไม่ได้พูดเล่น!
การที่เจียงเฉิงขอออกไปสูบบุหรี่ด้านนอก เป็นเพียงข้ออ้าง
เขาจุดบุหรี่แต่กลับไม่ได้สูบมัน เพียงยืนคีบมันไว้อยู่อย่างนั้น
จนกระทั่งบุหรี่มอดมาถึงนิ้ว ชายหนุ่มจึงฟื้นคืนสติกลับมาได้
หลังจากเจียงเฉิงทิ้งก้นบุหรี่ เฉียวเหลียนเฉิงเองก็ออกมาจากห้องพอดี
“เป็นยังไงบ้าง?” เจียงเฉิงเอ่ยปากถาม
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายศีรษะ “เธอบอกว่าทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เรากลับไปคุยกันที่บ้านเถอะ”
เจียงเฉิงพยักหน้าด้วยแววตาสับสน
หลังจากเดินตามเฉียวเหลียนเฉิงไปสักพัก เขาก็เอ่ยออกมาเสียงเศร้า “เหล่าเฉียว ฉันขอโทษนะ”
เฉียวเหลียนเฉิงหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามอง และเห็นเพื่อนของตนมีสีหน้ารู้สึกผิดอย่างสุดหัวใจ
“นายพูดเรื่องอะไร? พวกเรากำลังจะจับคนร้าย และนายไม่ใช่คนลงมือสักหน่อย”
“ฉันเป็นคนพาเจียงเสวี่ยเข้ามา เพราะตอนนั้นคิดว่าผิงอันยังเด็ก เขาควรมีใครสักคนคอยดูแล”
“อีกทั้งเธอไม่อยากอยู่กับป้าถังที่บ้าน”
“ลึก ๆ ในใจของฉันก็ยังอยากจะให้นายเป็นน้องเขยของฉัน”
“ก่อนเสวี่ยเอ๋อร์จะมาที่นี่ ฉันบอกเธอไว้ว่าจะแนะนำให้รู้จักกับนาย”
“ตอนแรกเธอรู้สึกไม่ค่อยดีนักหรอก เพราะเธอรู้ว่านายไม่ได้มีการศึกษาสูงอะไร”
“แต่หลังจากเธอได้พบนายแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะตกหลุมรักนายทันทีเลย”
“ฉันเองก็แอบคิดว่าทั้งสองคนน่าจะเข้ากันได้ดี ไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ นายจะแต่งงาน”
“เสวี่ยเอ๋อร์ถูกเลี้ยงดูอย่างเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก เธอคุ้นเคยกับการได้รับความสนใจ และโดนตามใจ เพราะอย่างนั้น…”
เฉียวเหลียนเฉิงถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะตบบ่าอีกฝ่าย “อย่าโทษตัวเองเลย”
“ถ้าเจียงเสวี่ยทำผิดโดยไม่ตั้งใจก็ยังพอเข้าใจได้ แต่ถ้าทุกอย่างถูกวางแผนไว้อย่างดี ก็ไม่มีเหตุผลอื่นให้แก้ตัวอีก”
“ต่อให้ไม่มีเจียงหว่าน ฉันก็ไม่แต่งงานกับเจียงเสวี่ยหรอก เพราะฉันสังเกตได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอไม่ได้ชอบฉัน”
“ถ้าเป็นนาย นายจะทิ้งคนที่รักนายแล้วไปหาคนที่ไม่ได้รักหรือเปล่าล่ะ”
“เพราะอย่างนั้นอย่าคิดมากเลย”
พูดจบ เฉียวเหลียนเฉินก็เดินนำไป
ไม่นานเจียงเฉิงก็เดินตามมาด้วยสีหน้าอมทุกข์
ด้านเจียงหว่าน
หลังจากเธอกลับเข้ามาในห้องขัง สองพี่น้องก็ถูกพาตัวออกไปแล้ว
ที่นี่คือสถานที่คุมขังชั่วคราว ปกติแล้วพวกผู้ต้องหาจะได้อยู่ในสถานที่แห่งนี้เพียงสามวัน แล้วจะถูกส่งตัวออกไป
แต่เจียงหว่านเป็นกรณีพิเศษ เพราะนี่คือคดีที่ดำเนินการโดยฝ่ายความมั่นคงของทหาร และยังอยู่ในช่วงกำลังสืบสวนคดี
ตอนนี้ไม่รู้ว่าอู่หยางจงใจหรือไม่ เพราะไม่มีใครอยู่ในสถานีตำรวจเลย
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อู่หยางมักจะมาส่งนักโทษที่นี่
และวันนี้ก็เหมือนกัน
“คดีของคุณยังไม่คืบหน้าเลยเหรอ?” อู่หยางถามไถ่
เจียงหว่านพยักหน้ารับ “คงจะเร็ว ๆ นี้แหละ”
อู่หยางยกยิ้มมั่นใจ “ใช่ ไม่ต้องกังวลนะ คุณเป็นคนดี ต้องได้ออกไปเร็ว ๆ นี้แน่”
เจียงหว่านยิ้มตอบกลับ “คุณดูเชื่อใจฉันจังเลยนะ”
“อื้ม จะพูดยังไงดีล่ะ? ผมน่ะเป็นตำรวจรักษาความปลอดภัย และสัญชาตญาณของผมก็ดีมาก ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนไม่ดี”
เจียงหว่านรู้สึกเหมือนได้รับกำลังใจจากเขา
ความทุกข์ก่อนหน้าบางเบาลงเล็กน้อย
และเมื่ออู่หยางกำลังจะจากไป เขาก็หันไปพูดคุยกับผู้ดูแลห้องขังด้านนอก
“อย่าให้ใครเข้าไปในห้องขังของเจียงหว่านนะ”
ผู้ดูแลห้องขังคนนี้คือ หัวหน้าหม่าต้าน ชายวัยสามสิบต้น ๆ ผู้มีนิสัยดุดันไม่เกรงกลัวใคร
หลังได้ยินอู่หยางพูดอย่างนั้น หากเป็นคนอื่นคงจะก้มศีรษะและพยักหน้ารับ เพราะสุดท้ายแล้วการได้รับความโปรดปรานเล็ก ๆ น้อย ๆ ย่อมเป็นเรื่องดี
แต่นั่นไม่ใช่กับหม่าต้าน
เขาจ้องมองอู่หยาง ก่อนจะตอบกลับ “ที่นี่ไม่มีประตูหลังให้ใช้ประโยชน์หรอกนะ!”
อู่หยางอดไม่ได้ที่จะเขินอาย ลูบจมูกของตัวเองก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไม่ ๆ นายเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้จะใช้เส้นสายอะไร แต่ฉันแค่ไม่อยากให้นายมีปัญหา”
แต่หม่าต้านเพียงขมวดคิ้วฉงน
อู่หยางขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอะไรต่อ “เอาล่ะ งั้นก็ตามใจ”
เขาหันกลับมาโบกมือให้เจียงหว่านแล้วเดินออกไป
ก่อนหน้านี้มีผู้ต้องหาสี่คนอยู่ในห้องขัง แต่วันนี้เหลือเพียงเจียงหว่านคนเดียวเท่านั้น
เจวียนจือเองก็จากไปแล้ว
นั่นทำให้เจียงหว่านโศกเศร้า เพราะรู้สึกเหงา
เธอนั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้องพร้อมคิดอะไรบางอย่าง
ที่นี่ไม่มีเตียง เป็นเพียงห้องเปล่า ๆ มีโถสุขภัณฑ์อยู่ซ้ายสุด
เจียงหว่านซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง หันหน้ามองห้องน้ำ เธอนั่งอยู่ตรงจุดที่ห่างจากห้องน้ำมากที่สุด
ขณะที่กำลังคิดสิ่งต่าง ๆ มากมาย ประตูห้องขังก็เปิดออก และหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
ผู้หญิงส่วนใหญ่ในยุคนี้ล้วนแต่ผมยาว บางคนดัดลอน ไม่ก็ถักเปียเหมือนเจียงเสวี่ย
ส่วนเจียงหว่านไว้ผมสั้น จึงดูคล้ายกับผู้ชายเล็กน้อย
เธอใช้กรรไกรตัดมันด้วยตัวเอง
ทว่าผู้หญิงที่มาใหม่ผมหยิกเป็นลอนคลื่น ตัวเล็ก ศีรษะโตมากคล้ายกับว่ามันกำลังจะระเบิดออก
ทรงผมนี้ค่อนข้างน่าสนใจ ยิ่งเมื่ออยู่ในยุคนี้ด้วยแล้ว
เจียงหว่านเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับคำรามลั่น “แกมองอะไร!”
เจียงหว่านเลิกคิ้วและเย้ยหยัน “แล้วคิดว่าอะไรล่ะ? ใครให้เธอทำผมเตะตาคนอื่นแบบนี้เล่า ถ้าไม่อยากให้มองทีหลังก็เก็บไว้ที่บ้านสิ”
บางทีอาจเป็นเพราะการอยู่ในห้องขังทำให้อารมณ์ฉุนเฉียวได้ง่าย อารมณ์ของเจียงหว่านจึงขึ้น ๆ ลง ๆ
ผู้หญิงคนนั้นระเบิดเสียงหัวเราะ “นี่ นังอ้วน แกกล้าย้อนฉันเหรอ? ทั่วประเทศนี้ใคร ๆ ก็รู้จักชื่อของฉัน ฮวาจือ เอาล่ะ ถ้าแกกล้าร้องออกมาอีกคำเดียว ฉันจะตีแกให้ตาย! รีบไสหัวไปให้พ้นจากตรงนี้ซะ นี่มันที่ของฉัน”
ขณะพูด เธอก็เดินตรงเข้าไปหาเจียงหว่าน พร้อมเงื้อมมือขึ้นเตรียมจะตบ
แม้ว่าจะตบไม่โดน แต่ลมจากปลายนิ้วก็สัมผัสปอยเส้นผมบนหน้าผากของเจียงหว่านจนมันพลิ้วไหวเล็กน้อย
เจียงหว่านที่หงุดหงิดมากอยู่แล้ว เมื่อมีคนมายั่วยุแบบนี้ เธอยิ่งทนไม่ได้ เจียงหว่านพุ่งตัวเข้าไปก่อนจะคว้าลำคอของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ แล้วตบหน้าของอีกฝ่ายไม่ยั้ง
“บัดซบ แกกล้าตีฉันเหรอ! แกออกไปด้านนอกแล้วก็ถามซะนะว่าจุดจบของคนที่ทำให้ฮวาจือขุ่นเคืองมันเป็นยังไง เผื่อหญ้าบนหลุมศพของแกจะสูงขึ้นสักหน่อย! ถ้าแกกล้าก็ตบฉันอีกสิ” ผู้หญิงคนนั้นโวยวายไม่หยุด
เจียงหว่านเย้ยหยันกลับทันที “เธอเป็นคนเริ่มก่อน! ได้ ในเมื่อเธอร้องขอแบบนี้แล้ว ฉันก็จะสนองเอง!”
ขณะที่เจียงหว่านพูด เธอก็ตบฮวาจือไปอีกหลายทีแล้ว
ตอนแรกเธอยังสาปแช่ง แต่พอนานเข้าเธอเริ่มโวยวายคร่ำครวญ
“กรี๊ด มันจะฆ่าฉัน มันจะฆ่าฉันแล้ว นี่คุณตำรวจ ไม่มีตาหรือไง? มันจะฆ่าฉันแล้ว!”
เจียงหว่านเย้ยหยัน “เป็นบ้าอะไรเนี่ย? ฉันเพิ่งตบเธอไม่กี่ครั้งเองนะ แค่ปลายนิ้วสะกิด แบบนี้เขาไม่เรียกว่าจะฆ่าหรอกนะ บ้าหรือเปล่า!”
ท่าทีของเจียงหว่านทำให้หม่าต้านถึงกับตื่นตระหนก
เดิมทีเขาคิดว่าอู่หยางเพียงใช้ตำแหน่งของตัวเองออกคำสั่งเพื่อไม่ให้เจียงหว่านถูกรังแก
เพราะผู้หญิงที่ชื่อฮวาจือก็ไม่เบาเช่นกัน
การเข้ามาในศูนย์คุมขังชั่วคราวเป็นเรื่องปกติสำหรับหล่อน และหล่อนมักจะมาที่นี่บ่อยครั้งจนทุกคนต้องปวดหัว
หม่าต้านไม่พอใจอู่หยาง จึงดื้อรั้นที่จะส่งฮวาจือเข้าไป เพียงเพราะต้องการรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ ฮวาจือคนนั้นถูกทุบตีทันทีที่หล่อนเหยียบห้องขัง
หม่าต้านเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดชัดเจน
หลังจากเจียงหว่านเหน็ดเหนื่อยจากการตบตีอีกฝ่าย เธอก็ปล่อยฮวาจือไป แล้วหันกลับมามองหม่าต้าน
เธอยิ้มก่อนจะยักไหล่เบา ๆ ให้กับเขา “ก็อย่างที่คุณเห็น เธอเริ่มก่อน นอกจากนี้คนที่ล่อมือล่อเท้าก็หายากด้วย ฉันแค่ช่วยสนองให้ ถูกไหม?”
ได้ยินอย่างนั้น หม่าต้านถึงกับพูดไม่ออก