เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 94 เฉียวเหลียนเฉิงพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือภรรยา
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 94 เฉียวเหลียนเฉิงพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือภรรยา
บทที่ 94 เฉียวเหลียนเฉิงพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือภรรยา
“อาจจะเป็นหลี่ซิ่วหลันเองก็ได้ น่าเสียดายที่ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าพวกเธอกำลังคุยอะไรกัน” เจียงเฉิงถอนหายใจ
แต่เฉียวเหลียนเฉิงหัวเราะเย้ยหยัน “จะไม่มีใครรู้ได้ยังไง เจียงเสวี่ยบอกว่าเธอได้ยินเสียงของทั้งคู่ชัดเจน ห้องของเธอก็อยู่ตรงนี้ จะต้องได้ยินแน่นอน”
เจียงเฉิงยกยิ้มขมขื่น “เธอได้ยินแล้วยังไงล่ะ? สุดท้ายยัยนั่นก็ยืนกรานว่าเจียงหว่านเป็นคนผลักหลี่ซิ่วหลันลงไป”
“ถึงเราจะพิสูจน์ได้ว่าราวบันไดเสียหายอยู่ก่อนแล้ว แต่เราก็ไม่สามารถพิสูจน์เรื่องของเจียงหว่านได้นะ”
“ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าคนเลื่อยราวบันไดนี้ไม่ใช่เจียงหว่าน นั่นหมายความว่าเจียงหว่านจงใจก่อเหตุฆาตกรรม”
“ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าเจียงหว่านไม่ใช่คนเลื่อยราวบันได แต่ก็พิสูจน์ไม่ได้อยู่ดีว่าเจียงหว่านไม่ได้ผลักหลี่ซิ่วหลัน”
“สุดท้ายมันก็กลายเป็นการจงใจก่อเหตุ หรือจงใจให้บาดเจ็บ”
ซึ่งไม่ว่าจะทางเลือกไหน ก็ไม่น่ายินดีทั้งนั้น
ทั้งสองเงียบไปสักพักอย่างหมดหนทาง
เจียงเสวี่ยที่ได้ยินเสียงพูดคุยด้านนอกก็ผลักรถเข็นออกมา
“พี่เฉียว พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? แล้วทำไมไม่เข้ามานั่งด้านในก่อนล่ะ”
เฉียวเหลียนเฉิงไม่อยากจะสนใจผู้หญิงคนนี้เลย และคิดจะเดินหนีไป แต่ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักถึงบางอย่าง และหันมองเจียงเสวี่ยก่อนจะเอ่ยปากถาม
“เธอเป็นคนทำมันใช่ไหม?”
เจียงเสวี่ยตกตะลึง “อะไร? ฉันทำอะไร?”
หลังพูดจบ คล้ายเธอจะเข้าใจว่าเฉียวเหลียนเฉิงพูดถึงอะไร เธอเอ่ยเสียงเศร้าทันที
“พี่เฉียว พี่จะกล่าวหาฉันอย่างนี้ไม่ได้นะ ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย!”
เฉียวเหลียนเฉิงจ้องมองหญิงสาวอย่างเย็นชา ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
“ก็ได้ แต่อย่าให้ฉันรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเธอนะ ไม่อย่างนั้น…”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็เหลือบมองเจียงเฉิง และหันมองเจียงเสวี่ยอีกครั้ง
“ไม่อย่างนั้น ต่อให้เจียงเฉิง พี่ชายของเธอช่วยห้าม ฉันก็จะไม่ยอมอีกแล้ว”
หน้าของเจียงเสวี่ยขาวซีด ความเจ็บปวดเอ่อล้นผ่านแววตา
พูดจบ เฉียวเหลียนเฉิงก็หันหลัง ก่อนจะเดินจากไป เพราะเขารู้ว่ามีเรื่องมากมายที่ต้องไปทำเพื่อช่วยเจียงหว่าน
เจียงเฉิงเข็นรถเข็นของเจียงเสวี่ยกลับเข้าไปด้านใน
ภายในห้อง เจียงเฉิงไม่คิดสนใจเจียงเสวี่ยแม้แต่น้อย เขาหันมองไปนอกหน้าต่างก่อนจะกล่าวขึ้น
“พรุ่งนี้ป้าถังจะมาที่นี่”
เจียงเสวี่ยสั่นสะท้าน “พี่คะ ฉันไม่อยากไป!”
เจียงเฉิงตะคอกอย่างเย็นชา “ก่อนที่เจียงหว่านจะกลับมา เธอไปซะ เธอบอกว่าจะออกจากที่นี่หลังผ่านวันเกิดไปแล้วนี่ ฉันยอมมามากพอแล้ว”
“ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำเรื่องแบบนี้ในวันเกิดของตัวเอง”
ใบหน้าของเจียงเสวี่ยซีดเผือด “พี่คะ พี่มาใส่ร้ายฉันแบบนี้ไม่ได้นะ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับฉันจริง ๆ”
เจียงเฉิงแค่นหัวเราะ “ไม่เกี่ยวงั้นเหรอ?”
“กล้าสาบานต่อเกียรติของแม่ที่ตายไปแล้ว และชีวิตของลูกเธอในอนาคตไหม ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ?!”
เจียงเสวี่ยตกตะลึง มองพี่ชายอย่างอ้ำอึ้ง “พี่คะ ฉันเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของพี่นะ ทำไมถึงพูดกับฉันแบบนี้”
“พี่เห็นคนอื่นดีกว่าญาติพี่น้องหรือไง!”
เจียงเฉิงตะคอกด้วยความโกรธ “เธอก็รู้ว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกัน แล้วทำไมถึงไม่เข้าใจว่าฉันเป็นทหาร!”
“ฉันทำงานที่มีอุดมการณ์ ปกครองผู้คนให้มีศีลธรรมและอยู่ในทางที่ดีงาม”
“แต่น้องสาวของฉันกลับทำร้ายคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”
เจียงเสวี่ยถึงกับพูดไม่ออก
ถ้าเลือกได้เธอก็ไม่อยากจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน ทำไมเธอจะไม่อยากเป็นคนดีหรือผู้หญิงที่อ่อนโยนกันล่ะ?
ทั้งหมดเป็นเพราะเธอได้พบเจอกับเฉียวเหลียนเฉิง ตั้งแต่นั้นในใจของเธอก็ไม่เคยมีชายอื่นเข้ามาอีกเลย ทุกสิ่งอย่างของเขาได้ครอบครองหัวใจของเธอไว้โดยสมบูรณ์
ในชั่วชีวิตนี้ ถ้าหากเธอไม่ได้อยู่เคียงข้างเฉียวเหลียนเฉิง เธอก็ไม่อยากแต่งงานกับใครอีกแล้ว!
เธอไม่ได้อยากจะทำร้ายใคร แต่อยู่ ๆ ยัยผู้หญิงอ้วนคนนั้นก็โผล่มา และเอาพี่เฉียวไปครอบครอง ทั้ง ๆ ที่ยัยนั่นทั้งอ้วนและโง่เขลาแท้ ๆ ทำไมล่ะ ทำไมยัยนั่นถึงทำได้?
เดิมทีเธอก็จะทำสำเร็จอยู่แล้ว อีกเพียงก้าวเดียวแท้ ๆ!
เมื่อคิดอย่างนั้น เจียงเสวี่ยสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดว่า “พี่คะ ถ้าพี่พูดแบบนี้ พี่ก็ควรจะมีหลักฐาน ถ้าหากคิดว่าฉันเป็นคนทำจริง ๆ ก็เอาหลักฐานมาสิ!”
“ถ้าไม่มีหลักฐาน ฉันก็ไม่มีวันยอมรับ!”
เจียงเฉิงตะคอกกลับ “หลักฐานงั้นเหรอ? ถ้าฉันมีหลักฐาน ฉันจะให้เธอมาเถียงฉันฉอด ๆ แบบนี้อยู่ไหม?”
“เจียงเสวี่ย ฉันแนะนำให้เธอยอมรับความจริงซะ ก่อนที่จะมีคนเจอหลักฐานเข้า”
“เธอมันไม่เหลืออะไรให้ต้องอับอายอีกแล้ว”
“หลังจากคดีนี้จบลง เธอก็แค่กลับไปพร้อมป้าถัง!”
หลังพูดอย่างนั้น เจียงเฉิงก็หันหลังเดินออกไป
เมื่อประตูปิดลง เจียงเสวี่ยปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างไม่สามารถอดกลั้นได้
ส่วนเฉียวเหลียนเฉิงรีบไปพบเหล่าหลัวเป็นการส่วนตัวทันทีที่แยกจากสองพี่น้องเจียง
“หัวหน้าหลัว ผมมาสอบถามเกี่ยวกับคดีของภรรยาครับ”
หัวหน้าหลัวเหลือบมองชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยปาก “ที่นี่มีกฎว่าห้ามเปิดเผยข้อมูลให้กับครอบครัวของผู้ต้องหาก่อนการพิจารณาคดีนะ”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้า “ผมเข้าใจ แต่ผมไม่ได้มาถามอะไรมากหรอก ผมมาเพื่อให้เบาะแสเท่านั้น”
หัวหน้าหลัวขมวดคิ้วก่อนจะพูดต่อ “เอาล่ะ งั้นบอกมาว่าเบาะแสคืออะไร?”
เฉียวเหลียนเฉิงครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะอธิบายว่า “เจียงหว่านไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านพักครอบครัวทหารมาสักพักแล้ว เธอไปตั้งแผงขายของอยู่ในตัวตำบล”
“อีกอย่างที่ผมรู้คือมีรอยเลื่อยที่ราวบันได มันเป็นรอยที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดเหตุ”
“และเมื่อวานตอนที่ภรรยาของผมกลับมาจากตัวตำบล เธอก็ไปหาสะใภ้เฉินทันที”
“มื้อกลางวัน เธอไปทานอาหารที่โรงอาหาร และก็กลับไปพักผ่อน ไม่มีเวลามาเตรียมทำอะไรแบบนั้น และห้องของเราก็ไม่มีเครื่องมือพวกนั้นด้วย เพราะอย่างนั้นมันต้องไม่ใช่เธอแน่”
หัวหน้าหลัวพยักหน้ารับ “ฉันเข้าใจสิ่งที่นายพูดนะ ไม่ต้องห่วงหรอก เราจะไม่กล่าวหาใครมั่วซั่วแน่นอน ขณะเดียวกันก็จะไม่ปล่อยให้คนทำผิดลอยนวลด้วย”
เฉียวเหลียนเฉิงตกตะลึงเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด
ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกล่าวลาแล้วจากไป
เรื่องนี้ทำให้เขายุ่งมาก ต้องวิ่งไปวิ่งมาตลอดช่วงเช้า
จนกระทั่งลืมกินข้าวไปแล้วด้วยซ้ำ
เขารีบไปที่โรงอาหาร และกลับมาที่ห้อง พอกลับมาก็เห็นผิงอันกำลังนั่งอยู่นิ่ง ๆ
“ผิงอัน กินข้าวได้แล้ว”
ผิงอันตื่นขึ้นจากภวังค์ แววตาของเด็กชายดูโศกเศร้ามาก
“พ่อครับ น้าอ้วนจะเป็นอะไรไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า “ไม่รู้เหมือนกัน แต่น้าอ้วนของลูกไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ พ่อจะหาความจริงเรื่องนี้เอง”
ครั้งนี้เขาจะยืนเคียงข้างหว่านหว่าน!
ผิงอันถามด้วยความสงสัย “พ่อครับ พ่อชอบน้าอ้วนไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะคำถามนี้มันทำให้เขาสับสน
“ลูกรู้ไหมว่าความชอบหมายถึงอะไร”
เขาลูบหัวของผิงอันด้วยท่าทางสบาย ๆ
ผิงอันพยักหน้า “ผมรู้ ก็เหมือนที่ผมชอบน้าเจียงเสวี่ยไง ผมชอบเธอ ทำให้ผมอยากเจอเธอ อยากให้สิ่งดี ๆ กับเธอ และอยากให้เธออยู่กับผม”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบไปสักพัก มองผิงอันที่กำลังเฝ้ารอคำตอบ สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ให้กับเด็กน้อยคนนี้
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “อืม ถ้าอย่างนั้นพ่อก็คงชอบน้าอ้วนแล้วล่ะ”
ผิงอันสับสน “แต่น้าอ้วนชอบเล่นการพนันนะ”
เฉียวเหลียนเฉิงยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า “มนุษย์น่ะซับซ้อนมาก สมมุติว่าลูกทำอะไรผิด แล้วพ่อจะไม่ชอบลูก เพราะลูกทำผิดไหมล่ะ?”
ผิงอันส่ายศีรษะ
เฉียวเหลียนเฉิงจึงพูดต่อ “น้าอ้วนไม่ชอบลูก เพราะลูกทำชามแตกไหม?”
ผิงอันเงียบก่อนจะกล่าวเสียงเศร้า “เหมือนว่าเธอจะไม่ได้ชอบผมเลย”
เฉียวเหลียนเฉิงยิ้ม “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ ถ้าเธอไม่ชอบลูก เธอคงไม่ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ลูกกินหรอกนะ อีกอย่างเธอยังตักเนื้อใส่ชามของลูกด้วย จำไม่ได้เหรอ”
“ไม่ชอบหมายความว่าไม่สนใจหรือรังเกียจ แล้วไม่ว่าลูกจะเป็นเด็กดีแค่ไหน เธอก็จะไม่สนใจลูกเด็ดขาด”