เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 92 เจียงหว่านเข้าคุก ได้พบกันอีกครั้ง!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 92 เจียงหว่านเข้าคุก ได้พบกันอีกครั้ง!
บทที่ 92 เจียงหว่านเข้าคุก / ได้พบกันอีกครั้ง!
หัวหน้าหลัวมีสีหน้าเย็นชา “แล้วเธอหล่นลงไปได้ยังไง”
เจียงหว่านตอบกลับอย่างไม่แยแส “เธอพยายามจะผลักฉันลงไป แต่ฉันหลบได้ เลยร่วงลงไปเอง”
หัวหน้าหลัวรู้สึกประหลาดใจกับคำตอบนี้
แต่เจียงเสวี่ยกลับตะโกนขึ้นจากด้านหลังเสียก่อน “โกหก เธอโกหก ฉันเห็นกับตา!”
หัวหน้าหลัวโบกมือ “พาเจียงหว่านไปก่อน แล้วให้คนมาสอบปากคำเจียงเสวี่ยเพิ่มเติม”
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่ง ก่อนจะมีคนเข้ามาพาเจียงหว่านออกไป
เจียงหว่านก็เดินตามไปอย่างเชื่อฟัง และไม่ปริปากพูดอะไร
หลังจากเดินออกมาที่ฝูงชนด้านนอก เธอเห็นผิงอันยืนอยู่กับฝูงชนเหล่านั้น
เธอเหลือบมองผิงอันด้วยความสงสัย… เขารู้เรื่องทั้งหมดนี้มากน้อยแค่ไหน?
แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะอีกฝ่ายจงใจใส่ร้ายเธอแบบนี้ และเธอไม่สามารถโต้แย้งได้เลย!
ถ้าหลี่ซิ่วหลันตาย เธออาจไม่รอดจากข้อหาฆาตกรรม…
หลังคิดอย่างนั้น เธอละสายตาจากเด็กชายก่อนจะเดินออกไป
หลังจากที่เธอออกไปแล้ว ฝูงชนก็เริ่มพูดคุยกัน
“เจียงหว่านไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นสักหน่อย ทำไมถึง…”
“เธอถึงกับฆ่าคนตายได้เลยเหรอ ไม่รู้เลยว่าหลี่ซิ่วหลันจะตายหรือเปล่า!”
“ไม่หรอก ถึงมันจะสูงมากแต่ก็มีหินรองรับอยู่ด้านล่าง น่าจะไม่ตาย”
“ตายไปน่ะดีแล้ว ถ้าหากพิกลพิการขึ้นมาคงจะแย่!”
“แล้วนี่หลี่ซิ่วจืออยู่ที่ไหน? ทำไมเธอถึงไม่อยู่กับน้องสาวของตัวเอง!”
“ได้ยินว่าไปรับแม่ในเมือง เอ๊ะ แต่ทำไมเธอถึงไม่ให้น้องสาวเข้าเมืองไปด้วยนะ เธอเองก็อายุมากแล้ว น่าสงสารจริง ๆ!”
จู่ ๆ สะใภ้เฉินก็เอ่ยปากขึ้น “พวกเธอไม่แปลกใจอะไรบ้างเลยเหรอ? ถ้าเป็นเจียงหว่านที่พุ่งชนบันไดก็เข้าใจได้เพราะเธออ้วนมาก ราวบันไดก็คงจะหักเพราะรับน้ำหนักไม่ไหว”
“แต่หลี่ซิ่วหลันผอมขนาดนั้น ร่างกายบอบบางราวกับลูกเจี๊ยบ จะพังราวบันไดได้ยังไง”
ขณะนั้นเองสะใภ้เฉินนึกถึงครั้งก่อนที่เธอถูกกระถางต้นไม้ร่วงหล่นใส่จากด้านบน
คราวนั้นก็เกิดเหตุเพราะราวบันไดไม่แข็งแรงเช่นกัน และเธอสงสัยตลอดมาว่าคงมีคนทำอะไรกับราวบันไดตรงนั้น
และตอนนี้!
เธอนึกบางอย่างได้ก่อนจะเดินออกจากฝูงชน แล้วพุ่งตรงไปที่ทางเดินทันที
คนจากฝ่ายรักษาความปลอดภัยตรวจสอบที่เกิดเหตุทั้งหมดเสร็จ พวกเขาก็ออกไป ตอนนี้ที่ชั้นสองจึงว่างเปล่า
ผิงอันเห็นอย่างนั้น ก็เดินตามไปด้วย
เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบน สะใภ้เฉินมองราวบันไดและพิจารณาจุดที่แตกหัก
‘นี่มันถูกผ่าครึ่งไว้ชัด ๆ’
เธอคาดเดาในใจไปแล้วว่าเจียงหว่านน่าจะถูกเข้าใจผิด คงมีคนคิดใส่ร้ายเธอ และสร้างสถานการณ์เหล่านี้ขึ้น
สะใภ้เฉินถอนหายใจเบาก่อนจะพึมพำ “หว่านหว่านน่าสงสารจริง ๆ ตอนนี้หัวหน้ากองพันเฉียวก็ไม่อยู่ ถูกใส่ร้ายอย่างนี้จะรอดได้ยังไง”
ผิงอันยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ สีหน้าของเขาก็ราบเรียบราวกับไม่รู้สึกรู้สา
ด้านเจียงหว่าน เธอถูกควบคุมตัวเอาไว้ในห้องเล็ก ๆ ด้านนอกค่าย
ว่ากันว่านี่เป็นสถานที่คุมขัง เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก
น่าประหลาดใจที่เธอได้พบกับคนรู้จักเก่าที่นี่ ซึ่งก็คือเจวียนจือที่มาหาเรื่องตนตอนขายของก่อนหน้านี้
“เธอเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” น้ำเสียงเจวียนจือประหลาดใจปนยินดี
“ฮ่า ดีจริง ๆ สวรรค์คงจะลงโทษเธอแล้วที่ทำร้ายฉัน เลยถูกส่งเข้ามาในนี้ ฮ่าฮ่า สมน้ำหน้า!”
เจวียนจือวิ่งเข้าหาเจียงหว่านก่อนจะชี้หน้าสาปแช่งด้วยความเกรี้ยวกราด
แต่เจียงหว่านทำเพียงสำรวจสภาพโดยรอบ และไม่สนใจอีกฝ่ายเลย
เจวียนจือคิดว่าเจียงหว่านกำลังกลัว จึงดุด่าอย่างเพลิดเพลิน
หล่อนพ่นคำสาปแช่งที่สามารถนึกคิดได้ทั้งหมดในชั่วชีวิตที่ผ่านมาอย่างบ้าคลั่ง แต่เจียงหว่านก็เพียงเหลือบมองด้วยหางตา พร้อมยกมือขึ้นเท่านั้น
แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ตบอีกฝ่าย ดูเหมือนเจวียนจือจะสำนึกบางอย่างได้ รีบหุบปากสนิทและไปซ่อนตัวที่มุมห้องทันที
หากพูดอีกคำเดียวคงจะถูกตบฟันร่วงแน่
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมเงียบแล้ว เจียงหว่านมองหาพื้นสะอาด ๆ เพื่อนั่งลง
มันคือสถานที่สำหรับควบคุมนักโทษ และมีคนในกองทัพไม่มากนักที่ทำความผิด บางส่วนจึงถูกควบคุมตัวไว้ที่นี่เพื่อรอศาลทหารตัดสิน
ห้องขังเหล่านี้ค่อนข้างโล่งกว้าง ราชการส่วนท้องถิ่นจึงเข้ามาเจรจาเพื่อขอใช้ที่นี่เป็นสถานที่คุมขังชั่วคราว
นอกจากเจวียนจือแล้ว ในห้องขังของเจียงหว่านยังมีผู้หญิงอีกสองคน
คนหนึ่งสูงผอม อีกคนเตี้ยอ้วน
ตอนแรกทั้งสองคนไม่สนใจเจียงหว่าน แต่เมื่อเห็นเจียงหว่านเงื้อมมือขึ้นจะตบผู้หญิงที่พ่นคำหยาบคาย แล้วผู้หญิงคนนั้นก็หวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ
ทั้งสองจึงหันมาสนใจเจียงหว่านทันที และจ้องมองเธอครู่หนึ่ง
ทันใดประตูห้องขังเปิดออก ตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามาเพื่อโยนหัวขโมยเข้าสู่ห้องขัง
โจรขโมยของถูกขังไว้อีกห้องหนึ่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังจะออกไป เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเจียงหว่าน
เหตุผลก็คือเจียงหว่านอ้วนมาก ใครก็ตามที่เห็น คงไม่สามารถเพิกเฉยต่อเธอได้
“พี่สาวอ้วน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
ตำรวจคนนั้นคืออู่หยาง
เจียงหว่านยิ้มเมื่อเห็นอู่หยาง “บังเอิญจริง ๆ ฉันไม่คิดว่าเราจะได้พบกันที่นี่เหมือนกัน”
อู่หยางสับสน
แต่เจียงหว่านไม่ได้พูดอะไรกับเขามากนัก เพราะค่ายทหารรับผิดชอบในคดีนี้ ไม่ใช่ตำรวจ
เธอเองก็ไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับอู่หยางด้วย
ก่อนจะออกไป เธอลังเลสักครู่ก่อนจะพูดกับเขาว่า “คุณรู้จักบ้านของฉันใช่ไหม ช่วยไปดูไข่ให้ฉันหน่อยได้ไหม มันใกล้จะฟักเต็มทีแล้ว ฉันกลัวว่ามันจะฟักออกมาตอนที่ฉันไม่อยู่บ้าน”
นี่ผ่านมานานกว่าสิบวัน หากไม่มีใครอยู่บ้านในช่วงนี้ ไก่ที่ฟักออกมาต้องตายแน่ ๆ และมันคงน่าเสียดายจริง ๆ
อู่หยางรู้สึกจนปัญญา “นี่มันใช่เวลาไหมครับ คุณคิดถึงแต่ไก่เนี่ยนะ”
แต่หลังจากสบกับแววตาสงบของเจียงหว่าน เขาก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้
เขากล่าวขึ้นว่า “คุณอยากให้ผมช่วยอะไรไหม?”
เจียงหว่านส่ายศีรษะ “พวกเขาจงใจใส่ร้ายฉัน ทั้งพยานก็ใส่ร้ายฉัน และฉันยืนอยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว คุณช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก”
เธอดูหดหู่และเศร้าสร้อย
“ผมคงไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องรูปคดีได้ แต่ถ้าอาหารกับเสื้อผ้าน่ะไม่มีปัญหา”
เจียงหว่านประหลาดใจ “แล้วคุณเชื่อไหมว่าฉันไม่ได้ทำ?”
อู่หยางพยักหน้า “มันต้องไม่ใช่พี่สาวอ้วนที่คิดลงมือทำแน่ เพราะถ้าเกิดคุณอยากจะทำจริง ๆ คุณคงจะพาเธอไปสถานที่เงียบ ๆ แล้วจัดการ แทนที่จะผลักหล่อนร่วงลงมาอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น”
เจียงหว่านถึงกับตกตะลึง ไม่คิดเลยว่าตำรวจที่เธอพบโดยบังเอิญจะรู้จักเธอดีขนาดนี้
เธอยกยิ้มก่อนจะกล่าวตอบ “ขอบคุณ อย่างน้อยก็มีคนเชื่อใจฉันอยู่บ้าง ต่อให้ฉันจะโชคร้ายและโดนประหาร มันก็คุ้มค่าแล้วล่ะ”
“ถ้าคุณอยากจะช่วยฉัน ช่วยไปถามเรื่องหลี่ซิ่วหลันให้ฉันจะดีกว่า”
คนเดียวที่สามารถคืนความบริสุทธิ์ให้กับเธอได้ก็คือหลี่ซิ่วหลัน
แต่ดูแล้วยัยนั่นก็คงสมรู้ร่วมคิดกับเจียงเสวี่ยเพื่อใส่ร้ายเธอ แล้วยัยนั่นจะคืนความบริสุทธิ์ให้กับเธอได้ยังไง?
สิ่งที่เธอเกลียดที่สุดคือการถูกจำกัดเสรีภาพ และเธอไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่การช่วยเหลือตัวเอง
มันจะต้องมีเบาะแสบางอย่างหลงเหลือในที่เกิดเหตุบ้างสิ
เธอยังสงสัยด้วยว่าที่ราวบันไดจะต้องมีบางอย่างแน่ แต่จะทำยังไงดี ตอนนี้เธอไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้
คงจะดีหากเฉียวเหลียนเฉิงอยู่ที่นี่…
เจียงหว่านหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง นึกแปลกใจที่จู่ ๆ ตนก็นึกถึงเฉียวเหลียนเฉิง
ดูเหมือนเธอจะมั่นใจว่าถ้าหากเขาอยู่ที่นี่ด้วย เธอจะไม่ต้องมาอยู่ในนี้
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่อยู่!
หากรอจนกว่าเขาจะกลับมา มันคงไม่เหลือเบาะแสอะไรแล้ว เพราะเจียงเสวี่ยคงไม่ยอมให้ใครจับง่าย ๆ
เมื่อตระหนักได้อย่างนั้น เจียงหว่านอดไม่ได้ที่จะสิ้นหวังอยู่ลึก ๆ