เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 90 ผู้ใหญ่ทะเลาะกัน เด็กอย่ายุ่ง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 90 ผู้ใหญ่ทะเลาะกัน เด็กอย่ายุ่ง
บทที่ 90 ผู้ใหญ่ทะเลาะกัน เด็กอย่ายุ่ง
เจียงหว่านเย้ยหยัน “เหรอ? ชดเชยยังไงดี?”
“เดิมทีวันนี้ฉันขายดีมาก แต่พอคุณเข้ามาวุ่นวายแบบนี้ เราเลยไม่สามารถขายเนื้อที่เหลือได้”
“อีกอย่างใครจะกล้ากินเนื้อที่คุณใช้มือสกปรกมาจับ? เพราะงั้นคุณต้องซื้อเนื้ออีกสี่กิโลตามราคา!”
“ห้ามขาดแม้แต่เหมาเดียว!”
เจียงหว่านกระทืบก้นของผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง
จนผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องออกมา
“เท่าไหร่ บอกฉันมาสิว่าเท่าไหร่!”
“เมื่อกี้ฉันแค่พูดเล่น ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไม่จ่าย!”
เจียงหว่านกระทืบเท้าลงไปอีกครั้ง “ตอแหล ถ้าไม่ได้ตั้งใจ จะหยิบเนื้อออกมาแล้วโยนลงพื้นทำไม!”
“ไม่อยากจ่ายใช่ไหม? ได้! โรงพักอยู่ด้านหลังนี่เอง ถ้าไม่จ่ายก็ไปคุยกันที่โรงพัก!”
“คุณทำตัวมีปัญหาและสร้างความวุ่นวาย ต้องถูกขังเจ็ดวัน ส่วนค่าเสียหายจะคิดแยกทีหลัง”
ผู้หญิงคนนั้นหดคอลงด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฉันจะจ่าย ฉันยอมจ่ายแล้ว!”
เจียงหว่านจึงบอกราคาของเนื้อ ซึ่งก็คือ สิบแปดหยวน
“รวมค่าที่ทำให้พวกฉันตกใจด้วยแล้วก็สามสิบหยวน”
ผู้หญิงคนนั้นตื่นตระหนก “ทำไมฉันต้องจ่ายค่าตกใจอะไรนั่นด้วย!”
เจียงหว่านแค่นหัวเราะ “ก็คุณทำให้ลูกชายของฉันกลัว”
ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ออกมา “ฉัน… ฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้น”
เจียงหว่านถอนหายใจ “งั้นก็เขียนหลักฐานการยืมเงินแล้วไปคุยกันที่โรงพัก!”
ผู้หญิงคนนั้นส่ายศีรษะก่อนจะพูดต่อว่า “ไม่ ฉันจะจ่าย ฉันจ่ายได้!”
เธอลุกขึ้นก่อนจะหยิบเงินสามสิบสองหยวนออกมา และนี่คือเงินเดือนที่เธอเพิ่งได้รับ มันยังไม่ทันอุ่นด้วยซ้ำแต่กลับต้องจ่ายออกไปแล้ว!
เจ็บใจจริง ๆ!
เจียงหว่านรับเงินมาก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา “อย่ามาพูดใส่ความว่าฉันรังแกล่ะ ถ้าคุณจ่ายค่าเนื้อ เรื่องมันก็จบไปแล้วแท้ ๆ”
ขณะพูด เธอหยิบเนื้อออกมาแล้วเทลงพื้น
ผู้หญิงคนนั้นร้องลั่น “เธอเทมันลงพื้นอย่างนี้ แล้วฉันจะกินได้ยังไง?”
เจียงหว่านเย้ยหยัน “ก็แค่ตกพื้นเอง ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างยังมีส่วนที่เท้าของคุณเหยียบด้วย เอาไปล้างสักหน่อยก็น่าจะกินได้! ไม่ใช่ว่ากินเข้าไปแล้วค่อยอาเจียนออกมาสักหน่อยนี่! จะกลัวอะไร?”
ผู้หญิงคนนั้นโกรธจนตัวสั่น
หลังเจียงหว่านจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เธอก็เดินไปหาผิงอัน แล้วพากันลากรถเข็นออกไป
วันรุ่งขึ้น เจียงหว่านลากผิงอันไปทำงานตั้งแต่เช้า จนกระทั่งถึงพักเที่ยง
“วันนี้ถ้ามีใครมาสร้างปัญหา เธอก็อยู่เฉย ๆ ล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”
“แล้วถ้าพวกเขาพังแผงของเรา ก็วิ่งไปบอกตำรวจทันที”
แม้ประตูสถานีตำรวจจะอยู่ด้านหลัง แต่ประตูนั้นปิดอยู่เสมอ เจ้าหน้าที่ไม่ได้นั่งมองสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกตลอดเวลา
เว้นแต่ว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรง
ผิงอันได้ยินแบบนั้นก็ประหลาดใจ “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าวันนี้จะมีคนมาสร้างปัญหา”
เจียงหว่านยิ้ม “เมื่อวานผู้หญิงคนนั้นถูกตบ และยังต้องจ่ายเงินจำนวนมาก เธอจะไม่แค้นได้ยังไงล่ะ? วันนี้เธอคงจะมาที่นี่พร้อมกับครอบครัวเพื่อจัดการเราละนะ”
ผิงอันยิ่งสับสน “แล้วถ้าคุณรู้ว่าจะมีคนมาสร้างปัญหา ทำไมเราถึงไม่เลี่ยงล่ะ?”
เจียงหว่านยื่นมือออกมาบีบแก้มของผิงอันอย่างเอ็นดู รู้สึกประทับใจในตัวเด็กคนนี้เสียแล้ว
“เด็กโง่เอ้ย การวิ่งหนีไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหานะ การเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างกล้าหาญสิถึงจะถูกต้อง”
“เราหลบได้ซ่อนได้ แต่มันก็ได้แค่เดี๋ยวเดียว ไม่สามารถหลบซ่อนได้ตลอดชีวิต ถ้าพวกเขาจะมาก็ให้มาเลย ยังไงฉันก็มีคนช่วยได้อยู่เหมือนกัน”
ผิงอันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก แต่เขาก็จดจำสิ่งที่เธอบอกได้แม่นยำ
เป็นอย่างที่เจียงหว่านคาด หลังจากที่ออกมาตั้งแผงลอย ผู้หญิงที่ถูกเจียงหว่านทุบตีเมื่อวานก็มาจริง ๆ
ด้านหลังของเธอมีชายสูงอายุหลายคน พวกเขาสวมใส่ชุดไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว เสื้อผ้าของบางคนยังมีรอยตัดแปะมากมายด้วย
เพียงแค่มองแวบแรกก็รู้แล้วว่าไม่เป็นมิตร
คนเหล่านี้ไม่คิดพูดอะไรให้มากความ มุ่งเข้ามาทำลายทุกอย่างทันที
เจียงหว่านเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และปล่อยให้พวกเขาทุบแผงของตัวเองจนพอใจ
เห็นอย่างนั้นแล้ว ผิงอันหันหลังกลับ พร้อมวิ่งเข้าไปในโรงพักตามที่เจียงหว่านสั่งไว้
ภายในโรงพัก ผู้กำกับกำลังเรียกทุกคนเข้าประชุม ผิงอันเข้ามาในสถานีก็บอกเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างกับเจ้าหน้าที่
ตำรวจออกมาควบคุมสถานการณ์ทันที ชายชราพวกนั้นไม่มีใครสามารถหลบหนีรอดไปได้ พวกเขาถูกจับทั้งหมด
“จับพวกเราทำไม จับนังอ้วนนั่นสิ มันตีฉัน ดูหน้าฉันสิบวมหมดแล้ว” ผู้หญิงที่ถูกทุบตีเมื่อวานตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
ตำรวจได้ยินจึงกดเธอลงกับพื้นก่อนจะพูดด้วยความเกรี้ยวกราด
“คุณพูดพล่ามอะไร? ผมไม่รู้หรอกว่าใครตีใคร แต่ตอนนี้ผมเห็นว่าคุณตีคนอื่น!”
ผู้หญิงหน้าบวมชื่อเจวียนจือ ตะโกนลั่น “มันไม่ใช่แค่ทุบตีฉันนะ มันยังไถเงินฉันไปสามสิบหยวนด้วย! ทุกคนที่นี่เห็นเหมือนกันหมด!”
ตำรวจพูดอย่างโกรธจัด “เธอน่ะเหรอจะรีดไถเงินคุณ? ทำไมเธอต้องทำอย่างนั้นด้วย แล้วอย่าคิดนะว่าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อบ่ายวานนี้”
เจวียนจือกับเหล่าชายที่มาด้วยตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินตำรวจพูด
พวกเขาไม่มีอะไรจะแก้ตัว และถูกตำรวจพาตัวไป
แต่ก่อนจะไปเจียงหว่านชี้ไปที่พื้นสกปรกตรงหน้า “เนื้อของฉันหกหมดแล้ว จ่ายเงินมาให้ฉันด้วย!”
อู่หยางยิ้ม “คุณไปเขียนรายงานความเสียหายแล้วกัน เข้าไปลงบันทึกด้านในดีกว่า”
เจียงหว่านพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
เวลานี้ผิงอันจึงเข้าใจสิ่งที่เจียงหว่านพูดกับเขาก่อนหน้านี้แล้ว
‘นี่เรียกว่าพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส! ฉวยผลประโยชน์จากสถานการณ์สินะ อืม ๆ!’
เด็กชายยืนอยู่ด้านข้าง และมองฉากตรงหน้าตาไม่กระพริบ ในใจนึกชื่นชมน้าอ้วนขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากจัดการเรื่องที่สถานีตำรวจเสร็จแล้ว ผิงอันก็เดินมาหาเจียงหว่าน
“อีกไม่กี่วัน ผมอยากจะกลับไปที่ค่าย คุณพาผมกลับไปหน่อยได้ไหม?”
เจียงหว่านเหลือบมองเด็กชายก่อนจะพูดว่า “ขาของเธอติดกับฉันเหรอ? อยากจะกลับก็กลับสิ ฉันไม่ได้ขังเธอไว้นี่”
ผิงอันเม้มปากก่อนจะพูดว่า “ผมไม่รู้ทาง และอีกอย่างผมยังต้องกลับมาที่นี่อีก”
เจียงหว่านเหลือบมองเขาอย่างประหลาดใจ “จะกลับไปทำอะไร?”
ผิงอันกล่าวต่อ “น้าเจียงเสวี่ยกำลังจะไปแล้ว และอีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดของเธอ เธออยากให้ผมกลับไปร่วมกินเลี้ยงวันเกิดและเลี้ยงส่งเธอ”
หลังพูดอย่างนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวด้วยความเคอะเขิน “ผมรู้ว่าทั้งคุณกับพ่อไม่ชอบเธอ แต่ยังไงเธอก็ดูแลผมมาตั้งนาน”
ท่าทีของเจียงหว่านเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เธอลังเลสักพักก่อนจะพูดว่า “ได้ ถ้าพ่อเธอยังไม่มาพาเธอกลับ ฉันจะพากลับเอง”
“แต่ถ้ามันทำให้ฉันเสียเวลาขายของ พ่อของเธอต้องจ่ายเงินค่าเสียหายให้ฉันด้วย”
ผิงอันพยักหน้าอย่างมีความสุข
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้เจียงหว่านไม่ได้ไปซื้อของ แต่ตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำ แต่งตัวให้ผิงอันอย่างดี ก่อนจะพาเขากลับไปที่ค่าย
เด็กชายเดินได้ช้ามาก กว่าจะถึงบ้านใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง
และเป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว
เจียงหว่านที่ไม่ได้กลับมาที่นี่นาน เดินไปหาสะใภ้เฉินเพื่อพูดคุย
ส่วนผิงอันรีบไปหาเจียงเสวี่ย
ในตอนเที่ยง หัวหน้าหน่วยเฉินกลับมาทานอาหารที่บ้าน และเห็นเจียงหว่านมาจึงกล่าวทักทาย
“เฉียวเหลียนเฉิงกับคนอื่น ๆ ถูกส่งไปเข้าร่วมภารกิจช่วยเหลือ เพราะเกิดโคลนถล่มในเมืองที่ห่างไกล จนผู้คนจำนวนมากถูกฝังไว้ใต้ดินน่ะ!”
“ฉันว่าน่าจะประมานสามวันหมอนั่นถึงจะได้กลับมานะ”
เจียงหว่านยิ้มบางก่อนจะบอกลาเมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังจะกินข้าวกัน
“กินข้าวด้วยกันก่อนสิ” สะใภ้เฉินกล่าวเชิญชวน
เจียงหว่านส่ายศีรษะ “ฉันมีเรื่องอื่นต้องทำน่ะค่ะ เดี๋ยวหลังจากไข่ฟักแล้วฉันจะมาหาใหม่นะ”
หลังออกจากบ้าน เจียงหว่านหยิบกล่องอาหารกลางวันออกมา และตรงไปที่โรงอาหารของกองทัพเพื่อไปเอาอาหาร
เมื่อกลับมา เธอก็เรียกผิงอันมากินข้าว แต่ผิงอันกลับบอกว่าเขาจะไปกินข้าวกับเจียงเสวี่ย ซึ่งเธอเองก็ไม่คัดค้าน
หลังกินมื้อกลางวันเสร็จ เจียงหว่านงีบหลับในบ้านพักใหญ่ ทันใดนั้นในช่วงบ่ายสามโมง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นด้วยความตื่นตระหนก
“เจียงหว่าน ๆ รีบออกมาเร็วเข้า มีเรื่องเกิดขึ้นกับลูกชายของเธอ!”