เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 83 ต่างคนต่างมีความคิดของตัวเอง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 83 ต่างคนต่างมีความคิดของตัวเอง
บทที่ 83 ต่างคนต่างมีความคิดของตัวเอง
“หลี่ซิ่วหลัน เธอกำลังเปลี่ยนถูกให้เป็นผิดนะ สิ่งที่เธอพูดมันไร้สาระ!”
“พี่ชายของฉันไปทะเลาะกับเสิ่นเซียงหยางตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เสิ่นเซียงหยางคือผู้ฝึกสอนของกองพันที่สอง และเขาก็อยู่ในระดับเดียวกับเจียงเฉิงด้วย ทั้งสองไม่มีทางมีความขัดแย้งต่อกัน
แต่ในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวของกองทัพเมื่อครึ่งปีที่แล้ว แม้กองพันที่หนึ่งและสองมีความขัดแย้งเกิดขึ้นจริง ๆ
แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ทว่าหากหลี่ซิ่วหลันเอาเรื่องนี้มาเล่นงาน มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่
แม้เจียงเฉิงจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก แต่มันจะต้องส่งผลเสียมากแน่หากคำพูดเหล่านี้ไปถึงหูของเสิ่นเซียงหยาง
ไม่ว่าเจียงเสวี่ยจะโง่เขลาแค่ไหน เธอก็รู้ว่าไม่ควรให้เรื่องนี้บานปลายโดยเด็ดขาด
หลี่ซิ่วหลันประหลาดใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายตกตะลึงถึงขนาดนี้!
ก่อนจะรู้สึกภูมิใจเล็ก ๆ
“ถ้าฉันบอกว่าใช่ ก็คือใช่ ถึงเธอจะบอกว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่ก็ไม่มีหลักฐานนี่!”
เจียงเสวี่ยเห็นความเย่อหยิ่งของอีกฝ่าย เธอก็อดไม่ได้ที่จะต้องกัดฟันแน่น ความโกรธเกรี้ยวปรากฏในแววตาของเธอชัดเจน
เธอพยายามระงับความโกรธแค้นในใจ ตอนนี้เธอจะต้องประนีประนอมกับอีกฝ่ายเข้าไว้
“เอาล่ะ ๆ ฉันยอม ห้าร้อยหยวนใช่ไหม? ได้!”
หลี่ซิ่วหลันดีใจมากเมื่อได้ยินอีกฝ่ายรับปาก
แต่เมื่ออีกฝ่ายยอมรับแล้ว เธอก็คิดว่าแค่ห้าร้อยหยวนจะพอเหรอ…
ตระกูลเจียงร่ำรวยขนาดนั้น ราคาของความลับแบบนี้ควรจะเป็น หนึ่งพันหยวนมากกว่าเสียอีก
เจียงเสวี่ยคล้ายมองเห็นความโลภของอีกฝ่ายได้ เธอจึงรีบเอ่ยปาก
“แต่ฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอกนะ มีแค่ร้อยกว่า ๆ เท่านั้น”
“แล้วถ้าจะเอาจริง ๆ ก็ต้องรอฉันคิดหาวิธีก่อน ขอเวลาฉันสักสามวัน แล้วฉันจะไปเอาเงินของพี่มาให้”
เจียงเสวี่ยพูดไปอย่างนั้น แต่แล้วเธอก็หยุดชะงัก ก่อนจะพูดว่า “ไม่สิ ฉันจะหาเงินมากขนาดนั้นในสามวันได้ยังไง คงต้องใช้เวลาสักเจ็ดวัน พี่ชายของฉันก็ไม่ได้มีเงินมากมายอะไรด้วย”
“ฉันคงต้องไปขอเงินจากพ่อ เขาอยู่ในเหยียนจิง… และต่อให้ฉันต้องการเงิน พ่อก็ต้องใช้เวลาห้าวันถึงจะส่งเงินมาได้”
ได้ยินเจียงเสวี่ยพูดอย่างนั้น หลี่ซิ่วหลันก็ล้มเลิกความคิดที่จะขอเงินเพิ่มทันที
หล่อนเม้มปากแน่น “หึ ฉันก็นึกว่าเธอจะรวยเสียอีก นี่ไม่มีเงินขนาดนี้เชียวเหรอ เอาเถอะ ฉันจะให้เวลาเธอเจ็ดวันก็ได้”
หลี่ซิ่วหลันพูดจบก็ลุกขึ้น และเดินออกไป
แต่หลี่ซิ่วหลันยังอดคิดสับสนไม่ได้ เธอตั้งคำถามมากมายอยู่ในหัวว่า
ในเจ็ดวันนี้ควรจะทำอย่างไรดี?
และถ้าได้เงินแล้ว เธอจะไปหลบที่ไหนล่ะ?
เจียงเสวี่ยจับจ้องแผ่นหลังของหญิงสาวที่จากไปด้วยแววตาเย็นชา และจิตสังหารที่รุนแรง
หลี่ซิ่วหลันคนนี้ต้องตาย ไม่เพียงแต่หล่อนเท่านั้น แม้แต่เจียงหว่านก็สมควรตาย
พวกมันทำให้เธอต้องย้ายออกจากค่ายทหารนี้ เธอไม่ยอมเด็ดขาด ต้องหาวิธีกำจัดสองคนนี้ให้ได้
ภายในเจ็ดวันนี้เธอจะต้องวางแผนการให้รอบคอบ เพื่อที่ยัยสองคนนั่นจะได้ตายไปพร้อมกัน!
ในตัวตำบล
หลังจากเจียงหว่านกลับมาจากการขายเนื้อ เฉียวเหลียนเฉิงก็ยังคงฉาบกำแพงอยู่อย่างขันแข็ง
หญิงสาวยืนมองเขาอยู่ที่ประตู เธออดไม่ได้ที่จะพูดบางอย่าง
“ฉันว่าเจ้าของบ้านคงต้องขอบคุณนายแล้วล่ะ”
เฉียวเหลียนเฉิงหันมามองเธอด้วยความสับสน “ทำไมล่ะ?”
เจียงหว่านตอบไปว่า “ก็นายเล่นปรับปรุงบ้านหลังนี้จนดีขึ้นซะขนาดนี้ไง!”
เมื่อได้ยินถ้อยคำถากถางนั้น เฉียวเหลียนเฉิงเพียงขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับไปฉาบผนังต่อ และเอ่ยอธิบายเสียงทุ้ม
“บ้านกองฟางนี้มันไม่แข็งแรงเลย ถ้าฝนตกแรง ๆ มันจะพังได้”
“นี่ก็ใกล้จะหน้าฝนแล้วด้วย ช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมฝนจะตกหนักมาก ถ้าบ้านพังคุณจะทำยังไง?”
“อีกอย่างถ้ามีปูนฉาบไว้สักหน่อยก็น่าจะพอทนได้ อย่างน้อยฝนก็จะไม่ซึมเข้ามา”
เจียงหว่านเม้มปากอย่างหงุดหงิด “อย่าลืมสิว่านี่ไม่ใช่บ้านของฉัน แล้วถ้าเจ้าของบ้านอยากให้ฉันทำให้มันกลับไปเป็นเหมือนเดิมล่ะ?”
เฉียวเหลียนเฉิงหยุดชะงัก ก่อนจะคิดไตร่ตรอง แล้วตอบกลับว่า “ก็แค่เอาออก”
เจียงหว่านรีบตอบกลับ “ฉันเอง ก็คงจะไม่อยู่ที่นี่นานนักหรอก ไม่อยากทำงานหนักแบบนั้นด้วย”
เฉียวเหลียนเฉิงหันกลับมาหาเธอ และพูดเชิญชวน “คุณก็กลับไปอยู่ที่บ้านของเราในค่ายสิ ขอแค่กลับไป ผมจะไม่รบกวนคุณเลย”
เจียงหว่านไม่เห็นด้วย เธอถลึงตา และตะคอกด้วยความโกรธทันที “หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว! ฉันไม่กลับ นายนั่นแหละกลับไปเลย!”
เฉียวเหลียนเฉิงได้ยินอย่างนั้น เขาก็หันกลับไปฉาบกำแพงต่อ “ถ้าคุณไม่กลับ ผมก็จะทำต่อ ต่อให้คุณอยู่แค่สามวัน ผมก็จะทำให้มันปลอดภัย”
เจียงหว่านคิดว่าผู้ชายคนนี้กำลังป่วย เธอเลิกสนใจเขา และหันกลับไปจัดการเรื่องของตัวเอง
ตอนนี้อาหารเริ่มเย็นหมดแล้ว เธอจึงเอาไปอุ่นให้ร้อนแล้วหันมาหาเฉียวเหลียนเฉิงอีกครั้ง
“อยากจะทำก็ทำไป แต่ฉันไม่มีค่าจ้างจะให้หรอกนะ แค่เลี้ยงข้าวก็เกินพอแล้ว”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายศีรษะ “ไม่ล่ะ คุณกินเถอะผมไม่หิว”
เจียงหว่านมองหน้าตาดื้อรั้นของอีกฝ่าย ในที่สุดเธอก็เย้ยหยันออกมา
“นายกำลังเล่นตลกอะไรอยู่ฮะ? ฉันอุตส่าห์เอาข้าวกลับมาฝากแล้ว แต่ไม่กินเนี่ยนะ หรือคิดว่าข้าวของฉันมันสกปรก”
เมื่อเห็นเจียงหว่านโกรธ ชายหนุ่มก็รีบหันกลับมาพูดว่า “ไม่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“งั้นก็มากินซะ!” เจียงหว่านรู้สึกหมดความอดทน
“นายเป็นอะไรฮะ? อยากให้ฉันป้อนหรือยังไง?”
เฉียวเหลียนเฉิงมองเธอด้วยแววตาหดหู่ “ผมไม่อยากให้คุณป้อนหรอก ผมแค่ไม่หิว”
หลังพูดจบไม่ทันไรกลับมีเสียงครืดคราดดังออกมาจากท้องของเฉียวเหลียนเฉิง
ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงก่ำด้วยความอับอายทันที
ส่วนเจียงหว่านไม่รู้จะทำหน้ายังไง เธอไม่คิดมาก่อนว่าผู้ชายตรงหน้าจะเขินอายเป็นกับเขาด้วย
หิวมากขนาดนี้แท้ ๆ แต่ยังรั้นไม่ยอมกินข้าวอีกเนี่ยนะ
“คุณกินเถอะ ผมไม่หิว” ชายหนุ่มยังคงยืนยันคำเดิม
ช่างเป็นการโกหกหน้าตายจริง ๆ
เจียงหว่านรำคาญจจนทนไม่ไหวแล้ว “นายคิดอะไรอยู่กันแน่? ฉันไม่ชอบกินของเหลือ ถ้าไม่กินล่ะก็ ฉันจะไปเทให้หนูกินแล้ว”
เฉียวเหลียนเฉิงตกใจมาก เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมาคว้ากล่องอาหาร แล้วเริ่มกินมันเงียบ ๆ
เมื่อเห็นว่าเขากินเสร็จ ทั้งยังทำความสะอาดกล่องอาหารอย่างดี เจียงหว่านก็โล่งใจ
ตกดึกเจียงหว่านพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง เธอไม่สามารถนอนหลับได้
แต่เสียงลมหายใจของเฉียวเหลียนเฉิงกลับสม่ำเสมอ เธอไม่รู้ว่าเขาหลับหรือยังแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก
“พรุ่งนี้นายกลับไปได้แล้ว”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบกลับอย่างแผ่วเบา “ไม่ ผมลาหยุดไว้สามวัน”
“เฉียวเหลียนเฉิง นายช่วยมีกระดูกสันหลังหน่อยได้ไหม”
เฉียวเหลียนเฉิงไม่ได้ตอบกลับ มีเพียงเสียงลมหายใจหนัก ๆ ให้ได้ยินเท่านั้น
เจียงหว่านจึงพูดต่อ “ถึงเราจะยังไม่ได้หย่ากัน แต่นายก็ไม่ควรมาอยู่แต่ที่นี่ นายยังมีกองทัพรออยู่! นอกจากนี้ผิงอันก็อยู่ที่นั่น นายมาอยู่กับฉันแบบนี้แล้วผิงอันจะอยู่ยังไงฮะ?”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบ
เจียงหว่านพูดอีกด้วยความเกรี้ยวกราด “ไม่ว่านายสองคนจะเป็นพ่อลูกแท้ ๆ หรือไม่ แต่นายก็ทิ้งเขาแบบนั้นไม่ได้!”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “อืม คุณพูดถูก”
เมื่อเห็นว่าเขายอมอ่อนข้อให้ เจียงหว่านก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตอนนี้เจียงหว่านคิดว่า เธอสามารถกำจัดตัวน่ารำคาญออกไปได้สักที
พอคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตโสดอีกครั้ง เจียงหว่านก็รู้สึกดีใจ จนกระทั่งหลับไปอย่างรวดเร็ว
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงหว่านลืมตาขึ้นมาพร้อมกับแสงอาทิตย์เจิดจ้า
เธอมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าเฉียวเหลียนเฉิงไม่อยู่ที่นี่แล้ว
เจียงหว่านเดินฮัมเพลงออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะอาบน้ำ และไปร้านขายเนื้อตามปกติ
แต่ก่อนเธอจะทันเดินออกจากลานบ้าน เธอกลับได้พบกับเฉียวเหลียนเฉิงที่กลับมาที่นี่อีกครั้ง
เจียงหว่านตัวแข็งทื่อ ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมากลางลำตัว
“นาย… นายกลับมาทำไม!”
เฉียวเหลียนเฉิงยกยิ้มก่อนจะชูกล่องอาหารในมือ “ผมทำอาหารเช้ามาให้”
เจียงหว่านมองดูกล่องอาหารในมือของอีกฝ่าย ยิ่งรู้สึกว่าพูดไม่ออก ได้แต่อึกอักถามไป
“นาย… กลับไปเอาอาหารที่กองทัพเหรอ”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบกลับแบบสบาย ๆ “อืม ถือว่าออกกำลังกายตอนเช้าไปด้วย แค่ห้ากิโลเมตรเอง”
ขณะพูด เขาก็เดินผ่านเจียงหว่านไปพร้อมกับกล่องอาหาร
อาจเป็นเพราะเขาไปออกกำลังกายช่วงเช้ามา เจียงหว่านจึงสัมผัสได้ถึงความร้อนแผ่ออกมาจากร่างกายของชายหนุ่มชัดเจน
กลิ่นกายบุรุษที่ค่อนข้างเฉพาะตัวของเฉียวเหลียนเฉิงแทรกซึมเข้าสู่โสตประสาทของเธออย่างบ้าคลั่ง
เจียงหว่านรีบหันศีรษะกลับมา เธอกลั้นหายใจ และพยายามสงบใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน