เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 82 จะเก็บกลั้นความเสียใจนี้ยังไง!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 82 จะเก็บกลั้นความเสียใจนี้ยังไง!
บทที่ 82 จะเก็บกลั้นความเสียใจนี้ยังไง!
‘เอาล่ะ งั้นเราจะต้องดูแลเธอให้ดี และชดเชยน้ำหนักที่เธอเสียไปด้วย!’ เฉียวเหลียนเฉิงตั้งมั่นในใจ
ถ้าเจียงหว่านรู้ว่าเฉียวเหลียนเฉิงกำลังคิดอะไรอยู่ เธอคงจะด่าว่าเขาบ้าไปแล้วแน่ ๆ
และสุดท้ายเฉียวเหลียนเฉิงไม่ได้กินอาหารกลางวันในกล่อง
เขาตั้งใจว่าจะซ่อมแซมบ้านของเจียงหว่านให้เสร็จ
ไม่รู้เลยว่าต้องใช้ปูนอีกมากมายแค่ไหน ซึ่งตอนนี้เขากำลังพยายามฉาบปูนบนผนังในบ้าน
เจียงหว่านคงไม่สามารถหยุดเขาได้อีกแล้ว จึงปล่อยให้เขาจัดการไปอย่างไม่คิดแยแส
เจียงหว่านขับไล่เฉียวเหลียนเฉิงหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่คิดจะออกไป เฉียวเหลียนเฉิงอยู่ต่ออย่างไร้ยางอาย จนเจียงหว่านเลิกสนใจเขา เธอเอนตัวลงบนเตียงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นทานมื้อกลางวัน แล้วลากรถเข็นออกไปอีกครั้งในช่วงบ่าย
แต่สิ่งที่เจียงหว่านไม่รู้ก็คือ… มีการสมรู้ร่วมคิดครั้งใหญ่เพื่อจัดการกับเธอในค่ายทหาร
หลังจากหลี่ซิ่วหลันทะเลาะกับพี่สาวเรื่องการแต่งงาน เธอเดินไปรอบ ๆ บริเวณค่ายทหารด้วยความหดหู่
จนเธอมาหยุดยืนอยู่หน้ารั้วสนามฝึกซ้อมโดยไม่รู้ตัว
เธอได้ยินเสียงผู้บัญชาการกองร้อยที่สามของกองพันที่หนึ่งดังขึ้นไม่ไกลนัก “ดูสารรูปของพวกนายในตอนนี้สิ นี่คือทหารใช่ไหม!”
“แล้วพวกนายรู้ไหมว่า เฉียวเหลียนเฉิง หัวหน้ากองพันของพวกเราคืออันดับสองในการแข่งขันทางทหาร! และเขายังเป็นที่รู้จักในนามชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพด้วย”
“เทียบกับเขาแล้ว พวกนายยังมีหน้ามาเกียจคร้าน และทำท่าทางอ่อนแอแบบนี้เหรอ สารรูปแบบนี้มันน่ามองนักรึไง!”
“ครั้งที่หัวหน้ากองพันถูกศัตรูจับตัวไป เขาอดทนเอาชีวิตรอดจากการถูกทรมานทุกรูปแบบ อีกทั้งยังต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายเพียงลำพัง แล้วสุดท้ายเป็นยังไง? เขาสังหารทหารทั้งหมดในค่ายศัตรูแล้วรอดชีวิตกลับมาได้ใช่ไหม!”
“เราต้องดูจิตวิญญาณของหัวหน้ากองพันเป็นแบบอย่าง กล้าที่จะยืนหยัด ไม่ยอมแพ้!”
“พวกนายได้ยินไหม?”
“ทราบ! ได้ยินครับ!” เหล่าพลทหารตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ความฮึกเหิมนี้ทำให้หลี่ซิ่วหลันอดไม่ได้ที่จะใจสั่น
“ใช่ ฉันจะไม่ยอมรับชะตากรรมแบบนี้แน่ ตอนพี่เฉียวถูกจับ เขาก็ปฏิเสธที่จะยอมรับชะตากรรม มีเพียงความกล้าเท่านั้นที่จะทำให้เราได้ในสิ่งที่ต้องการ!”
“ฉันต้องเรียนรู้จากเขา และจะไม่ยอมรับชะตากรรมแบบนี้เด็ดขาด!”
ถ้าเฉียวเหลียนเฉิงรู้ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่ เขาคงจะต้องกระอักเลือดตายแน่!
หลี่ซิ่วหลันรู้สึกว่าร่างกายเต็มไปด้วยพลัง เธอเริ่มไตร่ตรองสถานการณ์ของตัวเองอย่างรอบคอบ
“ตอนนี้พี่กับแม่ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกัน และฉันต่อต้านไม่ได้ แต่ในเมื่อพวกเขายืนกรานจะให้ฉันแต่งงาน ฉันก็จะต้องขัดขืนอย่างถึงที่สุด พวกเขาจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่ต้องการ”
เธอตัดสินใจว่าจะหนีออกจากบ้าน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เฉียวเหลียนเฉิงจะยังไม่หย่ากับเจียงหว่านด้วยสิ
ไม่เป็นไร! เธอต้องหนีไปก่อนแล้วค่อยกลับมาอีกครั้งหลังจากการแต่งงานถูกยกเลิก!
แต่การจะหนีออกจากบ้านต้องใช้เงิน และเธอไม่มีเงินติดตัวเลยสักหยวน
หลังจากคิดอยู่พักใหญ่ เธอก็พลันนึกถึงเจียงเสวี่ยขึ้นมา
ทุกวันนี้เจียงเสวี่ยเองก็ไม่สามารถจัดการเรื่องของตัวเองได้ นับตั้งแต่ที่ทะเลาะกับเจียงเฉิง ในใจก็เอาแต่คิดว่าจะทำยังไงกับชีวิตของตนเองดี
แต่ไม่ว่าจะพยายามหาหนทางอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
เพราะเธอเดินไม่ได้ จึงไม่สามารถทำอะไรได้นัก
ขณะที่กำลังจมอยู่กับความสับสน หลี่ซิ่วหลันก็ตรงเข้ามาหา
“เธอมาทำอะไรที่นี่?” เจียงเสวี่ยอารมณ์ไม่ดี และไม่อยากจะต้อนรับใครทั้งนั้น
เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องออกไปจากที่นี่อยู่ดี เลยไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับคนบ้านนอกพวกนี้อีก
ใช่แล้ว ในสายตาของเจียงเสวี่ย ภรรยาของทหารในค่ายเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนบ้านนอก
หญิงชนบทผู้ยากจน
หลี่ซิ่วหลันเองไม่คิดขุ่นเคืองกับท่าทีนั้น เดินตรงเข้าไปหาเจียงเสวี่ย แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ทันที
“เจียงเสวี่ย ช่วงนี้ฉันค่อนข้างเดือดร้อน เธอพอจะให้ฉันยืมเงินได้ไหม”
เจียงเสวี่ยหันมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ “อะไรนะ? ยืมเงินเหรอ”
เธอแค่นหัวเราะออกมาอย่างขุ่นเคือง นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคนเอ่ยปากยืมเงินอย่างง่ายดายแบบนี้
เจียงเสวี่ยมองดูหลี่ซิ่วหลันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ใบหน้าของอีกฝ่ายแดงคล้ำเพราะต้องทำงานในทุ่งนาเป็นเวลานาน มันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเหยียดหยาม
“ฉันมีเงินก็จริง แต่ทำไมฉันต้องให้เธอยืมเงินด้วย? ของเก่าที่เธอยืมฉันไปล่ะจะคืนเมื่อไหร่?”
หลี่ซิ่วหลันเม้มปากแน่นก่อนจะพูดต่อว่า “ทำไมล่ะ! ฉันมายืมเงิน ไม่ได้จะมาจ่ายคืนสักหน่อย!”
เจียงเสวี่ยถึงกับประหลาดใจ “โอ้โห คนเราคิดแบบนี้ได้ด้วยเหรอ! เธอยังไม่จ่ายเงินที่ยืมไปก่อนหน้านี้ แต่กล้ามาขอยืมเงินใหม่เนี่ยนะ!”
หลี่ซิ่วหลันพึมพำ “ใช่แล้วจะทำไม ไม่ต้องพูดพล่ามหรอก ก็แค่เอาเงินมาให้ฉันเอง”
เจียงเสวี่ยเริ่มหงุดหงิด “บ้าหรือเปล่า! ทำไมฉันต้องให้เงินเธอด้วย? แล้วทำไมเธอถึงมาขอเงินจากฉัน ฉันไม่ไช่แม่เธอนะ!”
หลี่ซิ่วหลันถอนหายใจ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ก็ไม่มีเหตุผลอะไรมากหรอก แต่เมื่อไม่นานมานี้ตอนฉันงีบหลับ ฉันดันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยุยงให้เด็กสามขวบปีนขึ้นไปบนเตาน่ะสิ!”
“แล้วก็นะ ดูเหมือนว่า…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็ขยับตัวเข้าหาเจียงเสวี่ย แล้วกระซิบ “บนเตานั้นน่ะมีน้ำมันกำลังเดือดด้วยล่ะ!”
เจียงเสวี่ยตัวชาวาบ หันมองหลี่ซิ่วหลันด้วยความตกใจ
“เธอ… เธอรู้ได้ยังไง?”
บัดซบ! ยัยนี่เห็นเหรอ! ยัยนี่เห็นจริง ๆ!
หลี่ซิ่วหลันยิ้มแย้มสดใสราวกับดอกไม้บาน ยื่นมือออกไปดึงเสื้อของเจียงเสวี่ยแล้วพูดต่อ
“ดูเนื้อผ้านี้สิ สวยจัง เหมาะสมกับเธอดีนะ”
“คราวที่แล้ว เธอบอกว่าตราบใดที่ฉันยอมช่วย เธอจะให้ผ้าฉันผืนนึง เป็นผ้าลายดอกไม้เล็ก ๆ… แต่เธอยังไม่ได้ให้ฉันเลยนี่”
เจียงเสวี่ยเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา เข็นรถเข็นของตัวเองกลับไปที่ตู้ด้านหลังแล้วเปิดมันออก
ก่อนจะหยิบผ้าที่ชอบมากผืนนึงออกมา เจียงเสวี่ยยังคิดลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตัดใจยื่นให้หลี่ซิ่นหลัน
“ฉันลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ในเมื่อเธออยู่นี่แล้ว ก็เอาไปซะสิ” น้ำเสียงนั้นเย็นชาและเย่อหยิ่ง
หลี่ซิ่วหลันเองก็ไม่คิดสุภาพเช่นกัน เธอคว้าผ้าผืนนั้นมาทันที
แต่ยังไม่คิดที่จะออกไปง่าย ๆ
“แล้วเงินล่ะ? ฉันขอไม่มากหรอก ขอแค่ห้าร้อยหยวนเอง”
เจียงเสวี่ยตื่นตระหนก “พูดอะไรออกมาน่ะ? ห้าร้อยหยวน? บ้าไปแล้วเหรอ”
หลี่ซิ่วหลันตอบกลับทันที “ใช่ ห้าร้อย และฉันก็ไม่ได้บ้า แม่ของฉันจะจับฉันแต่งงานกับคนโง่ ๆ ในหมู่บ้าน ซึ่งฉันไม่อยากแต่ง”
“ตอนนี้ฉันต้องหนี แต่ฉันไม่มีเงิน”
เจียงเสวี่ยสบฟันแน่นก่อนจะกล่าวออกไปด้วยความขุ่นเคือง “ไม่มีหรอกห้าร้อยหยวนนั่นน่ะ มากที่สุดก็แค่หนึ่งร้อย จะเอาไหม”
หลี่ซิ่วหลันเย้ยหยัน “อะไร! คนสกุลเจียงมีเงินแค่นี้เนี่ยนะ”
“งั้นถ้าฉันไปบอกหลัวหมิ่นว่าเธอเป็นคนทำให้ลูกชายของหล่อนเกือบถูกต้มในกระทะจะเป็นยังไงนะ?”
“หลัวหมิ่นรักและหวงลูกชายยิ่งกว่าอะไร ไม่ต้องแก้ตัวอะไรหรอก เพราะยังไงแล้วเธอก็คือคนที่ยุให้เด็กสามขวบกระโดดลงในกระทะเดือด!”
“อีกอย่าง เธอขโมยใบหย่าของเฉียวเหลียนเฉิงแล้วยัดลงในเอกสารของพี่ชาย ต่อให้พี่เธอกับเฉียวเหลียนเฉิงไม่คิดเอาความ แต่ถ้าฉันไปรายงานเรื่องนี้ที่สำนักงานใหญ่ของกองทัพล่ะ?!”
เจียงเสวี่ยพูดออกมาอย่างโกรธจัด “ฉันก็ได้รับบทเรียนแล้วไง! และฉันกำลังจะออกจากที่นี่แล้วด้วย ทำไมฉันต้องกลัวเธอ”
“อยากจะพูดอะไรก็พูดไปสิ!”
หลี่ซิ่วหลันหัวเราะเย้ยหยัน “เธอไม่กลัวน่ะถูกแล้ว แต่พี่ชายของเธอล่ะ?”
“แน่ใจเหรอว่าพี่ชายของเธอจะไม่ซวยไปด้วย?”
หลี่ซิ่วหลันหยุดพูดไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อ “ฉันจะไปบอกหลัวหมิ่นว่าที่เธอยุลูกชายของหล่อน เพราะได้ยินพี่ชายทะเลาะกับเสิ่นเซียงหยาง และเพราะว่าพี่ชายของเธอโกรธแค้นเสิ่นเซียงหยางมาก เธอเลยอยากจะจัดการกับเด็กคนนี้เพื่อระบายความโกรธแค้นแทนพี่ชาย”
“เอาล่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้ลองบอกฉันหน่อยสิว่าในกองทัพจะคิดยังไงกับเจียงเฉิง พี่ชายของเธอ…”
หลังจากหลี่ซิ่วหลันกล่าวจบ สีหน้าของเจียงเสวี่ยบิดเบี้ยวไปโดยสมบูรณ์