เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 79 เฉียวเหลียนเฉิงตามง้อภรรยา
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 79 เฉียวเหลียนเฉิงตามง้อภรรยา
บทที่ 79 เฉียวเหลียนเฉิงตามง้อภรรยา
หัวหน้าถึงกับระเบิดหัวเราะลั่น “ช่วงนี้ในค่ายไม่มีปัญหาอะไรหรอก เอาล่ะ ฉันให้เวลานายสามวัน ไปตามง้อภรรยาของตัวเองซะ พาเธอกลับมาให้ได้ล่ะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้ารับ ก่อนจะกล่าวขอบคุณ และเดินกลับบ้านไป
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ผิงอันลุกขึ้นจากเตียงหันมองพ่อด้วยสายตาสมเพช
“พ่อ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ยัยอ้วนหายไปไหน ทำไมไม่เห็นโผล่หน้ามาเลย” ดวงตาของผิงอันฉายแววหดหู่ออกมาชัดเจน
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผิงอัน ช่วงนี้พ่อมีเรื่องต้องทำและต้องออกไปข้างนอก ลูกไปกินข้าวที่บ้านป้าเฉินได้ไหม?”
ผิงอันส่ายหัวรัว ๆ “ไม่ ผมจะไปทานมื้อเย็นที่บ้านน้าเจียงเสวี่ย”
เฉียวเหลียนเฉิงชะงักกึก ทั้งที่เขาพูดบอกผิงอันบ่อยมากแท้ ๆ ว่าอย่าไปหาเจียงเสวี่ย แต่ลูกคนนี้ก็ไม่ฟังเลย
ชายหนุ่มจึงต้องแสร้งทำหน้าโกรธก่อนจะกล่าวเสียงเข้ม “จะไปกินข้าวที่บ้านป้าเฉิน หรือว่าจะไปกับพ่อ”
ผิงอันเม้มปากแน่นก่อนจะตอบกลับอย่างดื้อรั้น “ผมจะไปกินข้าวเย็นที่บ้านของน้าเจียงเสวี่ย ไม่ไปกับพ่อ”
เฉียวเหลียนเฉิงไม่รู้จะทำยังไงดี เขาคือหัวหน้ากองพันนะ ทหารภายใต้บังคับบัญชาต่างก็เชื่อฟังคำสั่งของเขา
สังหารศัตรูไม่ใช่แค่หลายสิบ แต่เป็นหลายร้อยคน
ทว่าสิ่งเดียวที่เขาปราบปรามไม่ได้กลับเป็นเด็กน้อยคนนี้!
เอาเถอะ ก็แค่พาไปด้วย ไม่อย่างนั้นลูกคนนี้คงจะไปหาเจียงเสวี่ยอีก
ใช่ เขาต้องยอมรับว่าเจียงหว่านสอนลูกได้ดีกว่าเขาจริง ๆ
แต่เธอบอกว่าผิงอันไม่ชอบเธอ
ถ้าหากเจียงหว่านอยู่ที่นี่ต่อ เขาคงต้องขอให้เธออยู่ใกล้ชิดกับลูกให้มากขึ้น
เฉียวเหลียนเฉิงเปิดประตูจะออกจากบ้าน แต่กลับได้พบกับเจียงเฉิงที่กำลังจะออกไปข้างนอกเช่นกัน
“เหล่าเฉียว เมื่อคืนไปไหนมาเหรอ? ฉันตามหานายตั้งนาน!”
เฉียวเหลียนเฉิงหยุดฝีเท้าก่อนจะบอกให้ผิงอันไปรอด้านล่าง
ผิงอันเหลือบมองเจียงเฉิง แล้วเดินไปทางบันได
เห็นว่าลูกเดินออกไปแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงมองเจียงเฉิงแล้วเอ่ยปากว่า
“เมื่อคืนฉันไม่ได้นอนที่นี่หรอก ไปเที่ยวในตัวตำบลมาน่ะ วันนี้ฉันขอลางานแล้ว ว่าจะไปทำธุระในตัวตำบลอีกสักหน่อย”
เจียงเฉิงเองก็พอจะคาดเดาได้ เขากล่าวออกมาอย่างรู้สึกผิด “เหล่าเฉียว ฉันขอโทษเรื่องน้องสาวด้วยนะ ฉันเป็นพี่ชายแท้ ๆ แต่กลับสั่งสอนเธอไม่ได้เลย”
“หลายปีมานี้เพราะมีแม่เลี้ยงเข้ามา ฉันเลยกลัวว่าน้องสาวจะเสียใจ ก็เลยเอาใจเธอมากไปหน่อย”
“ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะ…”
เฉียวเหลียนเฉิงโบกมือให้อีกฝ่ายหยุด “มันจบไปแล้ว เราไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้วล่ะ แล้วนี่นายจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
เขาจะไม่พูดว่า ‘มันไม่สำคัญ’ หรือ ‘ไม่ต้องสนใจ’ เพราะสุดท้ายแล้วมันจะไม่สำคัญได้ยังไง และจะไม่ให้เขาสนใจเรื่องนี้ได้ยังไงกัน
สิ่งต่าง ๆ ที่เจียงเสวียทำมันเกือบทำให้เขาส่งภรรยาของตัวเองเข้าคุก
และตอนนี้ ถึงเขาจะยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เจียงหว่านจะยอมให้อภัย
เมื่อยอมตกลงปลงใจมีครอบครัวไปแล้ว และกำลังจะเริ่มสร้างมันให้ดี แต่กลับถูกเจียงเสวี่ยทุบเสียพังพินาศ แล้วจะไม่ให้เขาสนใจได้ยังไง?
ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงเฉิงเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกับตนมาก่อน เขาคงจะไม่สนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
เจียงเฉิงเองก็เข้าใจความคิดของเฉียวเหลียนเฉิง เขาพูดต่อว่า
“ฉันยื่นคำขาดให้เธอกลับไปที่เหยียนจิงเพื่อหางานทำ และรีบแต่งงานแล้ว”
“ไม่อย่างนั้นก็ให้เธอส่งตัวเองเข้าคุกไป”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบอยู่นาน
สิ่งที่เจียงเสวี่ยทำลงไปเลวร้ายจริง ๆ นั่นแหละ แต่ความจริงแล้วตามกฎหมายมันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น หากเธอยอมสารภาพ ก็คงจะแค่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และคุมตัวเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
เรื่องที่เธอยุยงให้ถันหลงทำแบบนั้นจะใหญ่หรือเล็ก ก็ขึ้นอยู่กับว่าถันหลงให้การแบบไหน
และจนถึงตอนนี้ก็ยังสรุปคดีไม่ได้ว่าเป็นการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโรงพนัน หรือการยุยงให้ทำร้ายผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม หากมอบตัวและสารภาพ เธอก็จะมีประวัติที่ด่างพร้อย
ชีวิตของเจียงเสวี่ยก็จะจบสิ้น
เพราะยุคนี้เอกสารนับว่ามีความสำคัญมาก หลังจากมีการปฏิรูปและเปิดประเทศแล้ว ประวัติของบุคคลก็ไม่สามารถปิดบังได้
เอกสารทั้งหมดกลายเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อถูกตีตราอยู่ในบัญชีอาญชากรรม คนพวกนั้นจะมีชีวิตอยู่ในฐานะมนุษย์ที่ต่ำต้อยที่สุดทันที
ในความคิดของเฉียวเหลียนเฉิง แค่นี้มันเบาเกินไปสำหรับโทษของเจียงเสวี่ย
เจียงเฉิงหยุดชะงักไปก่อนจะพูดต่อว่า “เจียงเสวี่ยตัดสินใจจะกลับไปที่เหยียนจิง แต่เพราะขาของเธอไม่ค่อยดี ฉันจะให้พ่อส่งคนมารับเธอในอีกสองสามวันข้างหน้าน่ะ”
“เดี๋ยวพ่อก็คงจะขอให้ป้าถังแม่เลี้ยงของฉันมารับเธอเองนั่นแหละ”
เฉียวเหลียนเฉิงพึมพำ “รีบออกไปน่ะถูกต้องแล้ว ถึงหว่านหว่านจะไม่คิดทำอะไร แต่ต่อให้เป็นฉัน ก็อดทนไม่ไหวเหมือนกัน”
เจียงเฉิงถอนหายใจออกมา “ฝากขอโทษเจียงหว่านด้วย คราวนี้ฉันติดหนี้บุญคุญเธอแล้ว ในอนาคตถ้ามีโอกาสฉันจะตอบแทนอย่างแน่นอน”
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้วไม่ชอบใจ “สิ่งที่เจียงเสวี่ยทำลงไปสามารถแก้ไขอะไรได้? ถ้าหากต้องการขอโทษเจียงหว่านก็ต้องให้เธอไปกล่าวด้วยตัวเอง”
“แม้แต่ฉัน เธอยังไม่ให้อภัยด้วยซ้ำ” เฉียวเหลียนเฉิงพึมพำกับตัวเอง
เจียงเฉินถอนหายใจยาว ก่อนจะเดินจากไป จากนั้นเฉียวเหลียนเฉิงก็ลงไปหาผิงอันที่ชั้นล่าง
“พ่อครับ ผมคิดออกแล้ว ผมจะไม่ไปกับพ่อ แต่จะไปกินมื้อเย็นที่บ้านของเฉินตงเซิงแทนนะ”
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้วสงสัย “ทำไมถึงเปลี่ยนใจเร็วนัก?”
ผิงอันชี้ไปที่สุดทางเดิน
เฉียวเหลียนเฉิงเห็นเฉินตงเซิงยืนอยู่บริเวณนั้น
“เขากำลังจะเข้าโรงเรียน ผมอยากเล่นกับเขา แล้วเฝิงเสี่ยวเลี่ยงก็กลับมาแล้วด้วย ผมอยากอยู่เล่นกับพวกเขา”
เฝิงเสี่ยวเลี่ยงเป็นลูกชายของเหอหยวนหยวน เด็กคนนั้นกลับไปที่บ้านเกิดในช่วงฤดูร้อนเพื่อไปหาปู่ย่าตายาย
พวกเขากลับมาที่นี่เมื่อคืนนี้
เฉียวเหลียนเฉิงได้ยินแบบนั้นก็ลูบศีรษะลูกชาย และนึกได้ว่าเจียงเสวี่ยเองก็กำลังจะไปแล้ว คงจะไม่มีเวลามาสร้างปัญหาอะไรอีก
ยิ่งไปกว่านั้น มีเด็กชายอีกสองคนอยู่ที่นี่ พวกเขาคงจะสนุกสนานจนลืมสนใจเจียงเสวี่ยไปแล้วก็ได้
เฉียวเหลียนเฉิงโบกมือให้เฉินตงเซิง
เสี่ยวตงเซิงก็วิ่งมาอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีครับคุณลุง!”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้า “ผิงอันอยากอยู่เล่นกับเธอ ยังไงช่วยลุงดูเขาให้ดีล่ะ อย่าให้เขาไปเล่นที่บ้านเจียงนะ เข้าใจไหม?”
เฉินตงเซิงหันมองผิงอันที่ทำหน้ากังวล ก่อนจะพยักหน้า “ครับ ผมจะดูเขาให้ดีครับ!”
เฉียวเหลียนเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะตักเตือนเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วเดินจากไป
หลังจากที่เฉียวเหลียนเฉิงเดินออกไปแล้ว หญิงสาวเจ้าของร่างบางก็โผล่ออกมาจากมุมบันได
เธอคือ หลี่ซิ่วหลัน…
เมื่อหลี่ซิ่วหลันเห็นแผ่นหลังของเฉียวเหลียนเฉิงห่างออกไป เธออดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปชั้นบน ความเหยียดหยามฉายชัดผ่านดวงตาดุดันสวยงามคู่นั้น
“คิดว่าจะไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไปได้ซะอีก ทั้ง ๆ ที่ฉันชี้ทางที่ยอดเยี่ยมให้แล้วแท้ ๆ แต่เธอก็ทำมันพัง”
“โง่อะไรขนาดนี้นะ”
หลี่ซิ่วหลันครุ่นคิดสักพักก่อนจะขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปหาเจียงเสวี่ย และเมื่อเธอเปิดประตูออกไป หลี่ซิ่วจือ พี่สาวก็มาโผล่ตรงหน้าเสียก่อน
“ซิ่วหลัน มานี่หน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
ซิ่วหลันมองไปที่บันได แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับเข้าไป
ซิ่วจือวางจดหมายไว้ตรงหน้าของเธอแล้วพูดว่า “นี่จดหมายจากแม่ แม่บอกว่าเตรียมการแต่งงานไว้ให้เธอแล้ว กลับบ้านไปซะ”
ซิ่วหลันตัวชาวาบ ก่อนจะรีบหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน และเมื่อเห็นว่าคนที่จะมาหมั้นหมายกับเธอคืออวี๋เฉียน ลูกชายของตระกูลอวี๋ผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน สีหน้าของเธอก็ดูกล้ำกลืน
“แม่เป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า? ผู้ชายจากตระกูลอวี๋น่าเกลียดจะตาย น้ำมูกก็ไหลตลอด แถมเขายังชอบยกแขนเสื้อเช็ดมันด้วย น่ารังเกียจสิ้นดี”
“ตอนเขาอยู่ประถม เขาฉี่รดที่นอน และยังเรียนซ้ำชั้นตอนป. 4 กับ 5 ตั้งหลายรอบ”
“เขาโง่ขนาดนั้น แต่แม่กลับอยากให้ฉันแต่งงานกับเขาเนี่ยนะ”
หลี่ซิ่วจือถอนหายใจ “ฉันรู้ว่าเธอกำลังโกรธ แต่เธอต่อว่าแม่ของเราแบบนั้นไม่ได้นะ”
“อีกอย่างแม่บอกไว้ในจดหมายไม่ใช่เหรอว่าครอบครัวนั้นร่ำรวย แถมมีชื่อเสียงมาก เป็นที่รู้จัก มีรายได้กว่าหมื่นหยวนเลยนะ”
“ลองคิดดูสิ ครอบครัวนั้นมีเงินหนึ่งหมื่นหยวนเชียวนะ ถ้าเธอไปอยู่ที่นั่น เธอจะต้องสบายไปทั้งชาติแน่”
ซิ่วหลันได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งโกรธจัด “ไม่ ฉันชอบเฉียวเหลียนเฉิง ต่อให้เขาเป็นขอทาน ฉันก็อยากจะแต่งงานกับเขา!”