เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 78 เฉียวเหลียนเฉิงรู้วิธีสะกดรอยตาม
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 78 เฉียวเหลียนเฉิงรู้วิธีสะกดรอยตาม
บทที่ 78 เฉียวเหลียนเฉิงรู้วิธีสะกดรอยตาม
ขณะที่เธอออกจากลานบ้านอย่างเร่งรีบ เฉียวเหลียนเฉิงที่ยืนรออยู่ก็เดินออกมาจากใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ถัดไปจากลานบ้าน
ร่างอ้วน ๆ นั้นหายไปแล้ว ตอนนี้เขาเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น
เดาไม่ผิดจริง ๆ ว่าเธอต้องหนีไป เพราะอย่างนั้นเขาจึงหลบรออยู่ที่นี่
แต่ถึงอย่างนั้น พอเขาเห็นว่าเธอหนีไปจริง ๆ แม้จะคิดไว้บ้างแล้ว แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ
ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอากล่องอาหารยัดลงในถุงผ้าแล้วเดินตามไปเงียบ ๆ
เขาไม่ได้คาดหวังว่าเจียงหว่านจะบอกที่อยู่ของเธอ
และนี่คือช่วงเวลาที่เขารอคอย
เจียงหว่านเดินไปจนกระทั่งสุดเขต เวลานี้มืดมากแล้ว เธอเลยไม่ได้เร่งรีบนัก
และไม่รู้เลยว่ามีคนตามเธอมา
ในคราวแรก เฉียวเหลียนเฉิงติดตามเธออย่างระมัดระวัง แต่ต่อมาเขาก็เริ่มผ่อนคลาย เดินตามอย่างสบาย ๆ มากขึ้น
เวลานี้เจียงหว่านมาถึงลานเช่าเล็ก ๆ ซึ่งเวลาล่วงเลยมาถึงสามทุ่มแล้ว
เธอเปิดประตูเข้าไปในลาน และเมื่อหันหลังกลับมาจะปิดประตู เธอกลับเห็นว่ามีเงาดำตามมาจากด้านหลัง และอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
“อ๊ะ! นั่นใครน่ะ!” เจียงหว่านอุทานเสียงดังก่อนจะคว้าไม้ใกล้ ๆ ขว้างใส่ร่างนั้นเต็มแรง
ซึ่งเงาดำหลบมันอย่างง่ายดาย ในพริบตาเขาก็บุกประชิดตัวเธอ และคว้าข้อมือของเธอเอาไว้
“หว่านหว่าน ผมเอง”
เจียงหว่านรู้สึกว่าเสียงนี้ค่อนข้างคุ้นเคย และเธออดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
“นาย… เฉียวเหลียนเฉิงเหรอ? ทำไมถึงมาที่นี่ได้?”
ความรู้สึกแรกของเจียงหว่านคือตื่นตระหนก
เฉียวเหลียนเฉิงยื่นถุงผ้าให้กับเธอ “ผมแค่เอาของมาให้ คุณมีเสื้อผ้าแค่ไม่กี่ชุด ถ้าผมไม่เอามาให้คุณจะใส่อะไรล่ะ”
เจียงหว่านรู้ดีว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำแบบนี้
เธอคว้าถุงมาก่อนจะปิดประตูทันทีเพื่อไม่ให้เขาเข้ามาภายใน
“ขอบคุณ ถ้าส่งของเสร็จแล้วก็กลับไปซะ”
เฉียวเหลียนเฉิงมองลานเล็กมืด ๆ ตรงหน้า “คุณซื้อลานนี้เหรอ?”
เจียงหว่านส่ายศีรษะ “ไม่ ฉันแค่เช่า!”
เฉียวเหลียนเฉิงไม่สนใจ เอื้อมมือไปคว้าไหล่ของเจียงหว่านที่หนักกว่า 100 กิโลกรัม แล้วผลักเธอออกไปด้านข้างราวกับหญิงสาวเป็นหมาน้อย
จากนั้นเขาก้าวเข้าไปด้านใน “ถ้าคุณเช่ามันแล้ว มันก็เป็นสิทธิ์ของผมด้วยเหมือนกัน ขอดูหน่อยนะ”
เจียงหว่านทำอะไรไม่ถูก ความแข็งแรงของชายคนนี้มากมายขนาดนี้เชียวเหรอ? เขาสามารถดันเธอออกได้ง่ายดายขนาดนี้เนี่ยนะ?
นี่น้ำหนัก 100 กว่าโลสูญเปล่างั้นเหรอ?
เมื่อมองย้อนกลับไปอีกครั้ง เฉียวเหลียนเฉิงก็เดินเข้าไปด้านในแล้ว
เธอวิ่งไล่ตามไปด้วยความขุ่นเคือง “นี่ หยุดนะ! นี่มันบ้านของฉัน!”
เฉียวเหลียนเฉิงหยุดฝีเท้าก่อนจะหันกลับมา “เรายังไม่ได้หย่ากันนี่”
เจียงหว่านถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
เขากล่าวต่อว่า “ถ้านี่คือบ้านของคุณ มันก็ควรจะเป็นบ้านของผมเหมือนกัน”
เจียงหว่านสบฟันแน่น “แต่เงินของนายไม่ใช่เงินของฉัน และเราก็แยกทางกันใช้ชีวิตของตัวเองมาตั้งนานแล้ว”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัว “เงินของผมก็เหมือนเงินของคุณ ถ้าคุณยินดีที่จะกลับไปกับผม ผมให้เงินคุณได้”
เจียงหว่านตะคอก “นายมันคนขี้โกหก ไม่กลัวว่าฉันจะเอาเงินไปเล่นพนันหมดหรือไง”
เฉียวเหลียนเฉิงจ้องมองเธออย่างเคร่งขรึม “ไม่ คุณจะไม่ทำแบบนั้นหรอก”
เจียงหว่านโกรธจัดจนหน้าอกกระเพื่อมเพราะหายใจแรง “แล้วใครว่าฉันทำไม่ได้? ฉันจะไปเล่นการพนันทุกวันจนเงินหมดเลยคอยดู”
“เอาล่ะ ออกไปจากที่นี่ซะ”
เฉียวเหลียนเฉิงพูดโดยยังไม่หันกลับมามองเธอ “อยากไปเล่นพนันใช่ไหม? แล้วคุณจะไปเล่นที่ไหนล่ะ?”
“สิ่งที่คุณทำลงไป คนทั้งประเทศรู้หมดแล้ว คุณคิดว่าจะมีโรงพนันไหนยอมให้คุณเข้าไปเล่นอีกเหรอ?”
เจียงหว่านถึงกับพูดไม่ออก
เธอจะพูดอะไรได้? ตอนนี้เฉียวเหลียนเฉิงเข้ามาในบ้านแล้ว
ข้างในบ้านมีตะเกียงน้ำมันเล็ก ๆ ที่คนขายเนื้อเตรียมไว้ให้
ห้องด้านหลังเป็นเพียงห้องเปล่า ๆ ที่ทำความสะอาดไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีผ้าห่มหรือแม้แต่หมอน
“คุณจะนอนที่นี่งั้นเหรอ?” เฉียวเหลียนเฉิงถาม
เจียงหว่านตะหวาด “ใช่ ถึงมันจะไม่ดีเท่าบ้านของนาย แต่แค่มีที่ซุกหัวนอนก็เพียงพอสำหรับฉันแล้ว”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้มันดึกแล้ว และค่ายก็ปิดประตูแล้ว ผมกลับบ้านไม่ได้”
“คืนนี้ผมขอนอนกับคุณได้ไหม? ผมนอนบนพื้นได้ไม่ต้องห่วงเลย”
เจียงหว่านกัดฟันแน่น “นายตั้งใจจะทำแบบนี้อยู่แล้วงั้นเหรอ”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัว “เปล่านะ ผมเห็นว่าคุณออกมาจากบ้านในตอนกลางดึก และเพราะว่าคุณต้องการออกมาเอง คุณเลยต้องรับผิดชอบผมไง”
“ผมไม่สามารถรั้งให้คุณอยู่ต่อได้ ผมเลยมาส่ง”
“ถันหลงถูกจับไปแล้ว ผมไปสอบสวนเยี่ยนจื่อ และเยี่ยนจื่อยังมีพี่ชายอีกหลายคนที่คิดจะมาสร้างปัญหาให้กับคุณ”
“ผมเป็นห่วง เลยมาส่งคุณกลับบ้านไง”
“ไม่ต้องกังวลหรอก ผมจะไม่ทำอะไรคุณแน่นอน”
เจียงหว่านรู้สึกหายใจไม่ออก เพราะเธอไม่สามารถโต้แย้งเขาได้เลย
ทั้งที่หมอนี่ผิดหวังและโกรธมาก แต่กลับไม่พูดมันออกมา
สิ่งที่เฉียวเหลียนเฉิงทำล้วนแต่เป็นสิ่งที่สุภาพบุรุษพึงมี แม้ในแววตาของเขามีความคับข้องใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่แสดงมันออกมาให้เธอรู้สึก
แต่เรื่องแบบนี้มันน่ารำคาญ
ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่มีความคับข้องใจในแววตา เธอยิ่งหงุดหงิด และอยากตวาดใส่เขา
“อยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่ฉันไม่มีผ้าห่มหรือหมอนอะไรทั้งนั้น จัดการตัวเองเอาก็แล้วกัน”
เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวเสริมว่า “แค่คืนนี้คืนเดียว พรุ่งนี้เช้านายก็รีบออกไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย”
“ยิ่งมองยิ่งปวดหัว!”
เฉียวเหลียนเฉิงไม่โกรธ เพียงเดินสำรวจรอบบ้าน
ส่วนเจียงหว่านยังมองเขาด้วยสายตาเย็นชา และทันทีที่อีกฝ่ายเดินพ้นประตูไป เธอก็ปิดประตูพร้อมกับลงกลอนทันที
แต่ดูเหมือนเฉียวเหลียนเฉิงจะไม่ยอมแพ้ เขายังคงปีนเข้ามาจากทางหน้าต่างได้ “ผมไปล็อกประตูหน้าลานให้คุณมา จะได้ไม่มีใครลอบเข้ามาตอนกลางดึกได้”
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ไปนอนเถอะ” เขาพิงขอบเตียงแล้วนอนลงบนพื้น
เจียงหว่านไม่มีทางเลือกอื่น จึงพลิกตัวนอนบนเตียง พร้อมกับกอดถุงเสื้อผ้าของเธอไว้อย่างหงุดหงิด
เวลานี้คือในช่วงปลายฤดูร้อน กำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ไม้ร่วง อากาศจึงค่อนข้างเย็นจัดในช่วงกลางคืน
ตอนนี้หน้าต่างถูกเปิดเอาไว้ ร่างกายที่เหนื่อยล้าของเจียงหว่านก็ผ่อนคลายลงหลังจากเผชิญกับความเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน
เธอคิดว่าเธอคงจะหลับไปอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อสายลมพัดโชยมา กลิ่นตัวของบุรุษเพศฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง มันแล่นเข้าสู่โสตประสาทของเจียงหว่านอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้เธอค่อนข้างว้าวุ่นเล็กน้อย
เธอพลิกตัวไปมาด้วยความไม่พอใจก่อนจะหันหน้ามาหาเฉียวเหลียนเฉิง ใช้แขนเสื้อปิดจมูกเอาไว้อย่างตั้งใจ
เมื่อกลิ่นกายของชายหนุ่มตรงหน้าจางหายไปแล้ว เธอจึงค่อย ๆ เข้าสู่ห้วงนิทรา
คนอ้วนเมื่อนอนหลับอาจจะมีการกรน โดยเฉพาะวันไหนหากเหนื่อยมาก จะกรนดังเป็นพิเศษ
เฉียวเหลียนเฉิงล้มตัวลงนอนแล้ว แต่ยังไม่ได้หลับ เขานอนเงียบ ๆ สักพักก่อนจะรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้ยินเสียงกรนที่คุ้นเคย
เขามองบ้านหลังนี้ผ่านแสงจันทร์สลัว และพบว่ามันไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่นัก
พรุ่งนี้เขาจะหยุดงานสักวันเพื่อมาซ่อมแซมบ้านให้กับเธอ และเอาผ้าห่มมาให้เธอสักสองผืน
เขารู้ดีว่าเจียงหว่านคงไม่มีทางให้อภัยเขาง่าย ๆ แต่เรื่องนั้นมันไม่สำคัญ เพราะท้ายที่สุดเขาทำผิดจริง ๆ จึงต้องแสดงความจริงใจให้เธอเห็น จากนั้นค่อย ๆ ทำให้เธอหายโกรธ และยอมให้อภัยเขาด้วยตัวเอง
คิดเรื่องนี้จบแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงจึงนอนหลับไป
ด้านเจียงหว่านนอนหลับสนิทไร้ซึ่งความฝันใดมารบกวน และตื่นขึ้นในเวลาเจ็ดโมงเช้า
เฉียวเหลียนเฉิงจากไปแล้ว และไม่ได้ทิ้งอะไรไว้เลย
เจียงหว่านมองห้องนอนที่ว่างเปล่าก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอลุกขึ้นมองไข่ที่ซื้อไว้เมื่อวานนี้ ก่อนจะย้ายมันไปยังสถานที่อุ่น ๆ แต่ไม่ถูกแสงแดดรบกวน จากนั้นเธอเดินไปยังร้านขายเนื้อเพื่อซื้อไข่เพิ่ม
ส่วนเฉียวเหลียนเฉิงที่กลับมา
เขาเข้าไปในกองทัพเพื่อไปหาหัวหน้าและขอลางาน
“ทำไมถึงลางานล่ะ? ปัญหาภายในครอบครัวเหรอ?” หัวหน้าถามด้วยความสงสัย
เฉียวเหลียนเฉิงตอบกลับอย่างเขินอาย “ภรรยาของผมโกรธมากจนหนีออกจากบ้านไป เธอไม่ยอมยกโทษให้ผมต่อให้เธอต้องตายก็ตาม…”
“ทั้งหมดมันก็เป็นความผิดของผมครับ ผมเลยจะเข้าเมืองไปเพื่อไปปรับปรุงลานบ้านที่เธอเช่าอยู่ มันค่อนข้างทรุดโทรมมาก และดูเหมือนจะสามารถมีอากาศเล็ดลอดเข้ามาได้จากทุกที่เลยครับ”