เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 77 เฉียวเหลียนเฉิงนับข้อดีของเจียงหว่าน…
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 77 เฉียวเหลียนเฉิงนับข้อดีของเจียงหว่าน…
บทที่ 77 เฉียวเหลียนเฉิงนับข้อดีของเจียงหว่าน…
เพราะเฉียวเหลียนเฉิงคิดแบบนั้นจริง ๆ เขาจึงพูดมันออกมา
ตอนนี้เจียงหว่านยังคงเงียบอยู่ เขาเลยพูดต่อไปว่า “ผิงอันเป็นลูกของคนที่สละชีวิตเพื่อช่วยผมและเจียงเฉิง เขาเป็นเด็กกำพร้า ผมไม่สามารถทิ้งเขาได้”
“เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่ทำร้ายเขา ผมก็ยินดีทำทุกอย่าง”
เจียงหว่านจ้องมองเขานิ่ง ๆ “เฉียวเหลียนเฉิง นายรู้ไหมว่าการแต่งงานคืออะไร?”
“นายคิดว่าการแต่งงานคือการอดทนอย่างไร้ขีดจำกัดงั้นเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงสับสน “แล้วมันไม่ใช่เหรอ?”
“การแต่งงานมันหมายความว่า คนสองคนจะต้องรู้จักการอดทนไม่ใช่งั้นเหรอ?”
สิ่งที่เขาพูดก็สมเหตุสมผล เจียงหว่านไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่เธอรู้สึกว่ามันยังมีบางอย่างไม่ถูกต้องอยู่
เธอโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์ “หยุดพูดเรื่องแต่งงานได้แล้ว ฉันจะหย่า นายไปให้พ้นซะ”
แต่เฉียวเหลียนเฉิงยังยืนกรานปฏิเสธ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีวันยอมแพ้จริง ๆ
เจียงหว่านสบฟันแน่น “ถึงวันนี้นายจะหยุดฉันได้ แต่นายจะหยุดฉันตลอดไปได้ไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงไม่ตอบกลับ
“นายจะไม่ไปฝึก ไม่ไปทำงานเลยหรือไง?”
“ไม่สนใจความปลอดภัยของประเทศชาติแล้วงั้นเหรอ?”
“ตราบใดที่นายออกจากประตู ฉันก็เดินออกไปได้แล้ว และนายไม่มีวันหยุดฉันได้ด้วย”
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น ความผิดหวังฉายชัดในดวงตา
ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีมาก เขาหล่อมากในสายตาของเจียงหว่าน
ปกติแล้วเขาเป็นคนเย็นชา แทบจะไม่มีรอยยิ้มให้ใครเลย
ทว่าตอนนี้แววตาของเขาฉายความผิดหวังออกมาชัดเจน จนภาพตรงหน้าทำให้เจียงหว่านหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอหันศีรษะมองไปทางอื่น ก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์ลง แล้วพูดต่อ
“เฉียวเหลียนเฉิง เราแต่งงานกัน และหย่ากันไปแล้ว มาถึงจุดนี้ เราไม่มีทางจะหยุดเรื่องนี้ได้หรอก”
“ถ้าพวกเราไม่หย่ากัน เราจะถูกหัวเราะเยาะนะ”
“นอกจากนี้เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากนายด้วย ถ้านายเชื่อใจฉันสักนิด มันก็คงจะไม่กลายเป็นแบบนี้”
“เพราะฉะนั้นไม่มีคำว่าให้อภัยในพจนานุกรมของฉัน”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัว “ผมรู้ว่าคุณจะไม่ยกโทษให้ผมง่าย ๆ แต่มันก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่เรายังไม่หย่ากันก็พอ”
“ให้โอกาสผมได้หรือเปล่า ขนาดพวกนักโทษประหารยังได้รับโอกาสอธิบายเป็นครั้งสุดท้าย ต่อให้ผมทำผิดจริง ๆ แต่ความผิดนี้ก็ไม่ใช่การฆ่าใครตายนี่”
“ขอแค่เราไม่ต้องหย่ากัน หรืออย่างน้อยก็แค่รักษาสัญญาเดิม ที่หย่ากันได้หลังจากแต่งงานไปแล้วหนึ่งปีนั่นไง”
เจียงหว่านกัดฟันแน่น ตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “นายขอโอกาสฉันงั้นเหรอ? หึ งั้นลองบอกข้อดีของฉันมาสิ เอาสัก 3 ข้อก็แล้วกัน ถ้าพูดได้ฉันจะให้โอกาสนายและเราจะไม่หย่ากันตอนนี้ก็ได้”
เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกดีมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขายกนิ้วขึ้นนับ
“หนึ่ง คุณฉลาดมาก และทำได้ทุกอย่าง”
เจียงหว่านพยักหน้า “อืม ถือว่าเป็นข้อดี”
เฉียวเหลียนเฉิงกล่าวต่อ “สอง นิยายของคุณยอดเยี่ยมมาก ผมอ่านทุกเรื่องที่คุณเขียนแล้ว ตัวร้ายไม่ได้ชื่อเฉียวเหลียนเฉิงทั้งหมด แต่ยังมีเจียงเสวี่ยด้วย”
เจียงว่านมุมปากกระตุก ก่อนจะพูดต่อว่า “การเขียนนิยายจำเป็นต้องใช้ความคิด มันเหมือนกับข้อแรก”
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะมองนิ้วของตัวเองแล้วพูดต่อว่า
“สอง ฝีมือการทำอาหารของคุณดีมาก อร่อยกว่าในโรงอาหารซะอีก”
เจียงหว่านถอนหายใจ “มันขึ้นอยู่กับปากของนายล้วน ๆ”
“แล้วข้อสามล่ะ?”
เฉียวเหลียนเฉิงมองนิ้วของตัวเอง “สาม… ข้อสาม…”
เขามองเจียงหว่าน ก่อนจะถามออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก
“ข้อสาม… คุณแข็งแกร่ง ใจแข็ง และโหดเหี้ยม! นับไหม?”
เจียงหว่านแค่นหัวเราะ “แน่ใจเหรอว่านี่คือข้อดี ไม่ใช่ข้อเสีย?”
เฉียวเหลียนเฉิงสบฟันแน่น “ไม่ เพราะคุณโหดเหี้ยมมาก เลยไม่มีใครกล้ารังแกคุณ อย่างน้อยลูกหลานของเราก็จะไม่ถูกรังแกไง”
“ต่อให้ผมแข็งแกร่ง แต่ผมก็เป็นเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถต่อสู้กับคนธรรมดาได้ มันเป็นข้อจำกัด”
“แต่คุณต่างออกไป หากคุณต้องการที่จะสู้ ผมจะจ่ายเงินค่าเสียหายให้ ตราบใดที่คุณไม่ลงมือจนอีกฝ่ายตายหรือพิการล่ะนะ”
หลังพูดจบ เขาก็นิ่งเงียบไป “ถ้าคุณทุบตีพวกเขาจนตายหรือพิการ คุณจะติดคุก และผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้”
เจียงหว่านหัวเราะ หันมองเขาอย่างจริงจังก่อนจะพูดต่อว่า
“เฉียวเหลียนเฉิง นายไม่คิดว่าข้อสามนี้ไร้สาระไปหน่อยเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายศีรษะพร้อมพูดอย่างหนักแน่น “ถ้าผมบอกว่ามันคือข้อดี มันก็ต้องเป็นข้อดีสิ”
เจียงหว่านหยุดยิ้ม “เฉียวเหลียนเฉิง ฉันไม่สนใจความคิดของนาย และตอนนี้ฉันจะเริ่มทำอาชีพของฉันบ้าง”
“ฉันไม่อยากจะขอเงินนายตลอดเวลา”
“เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ฉันจะไม่พูดถึงมันอีกแล้ว นายคงจะรู้คำตอบดี”
เฉียวเหลียนเฉิงกำลังจะพูดบางอย่าง แต่เจียงหว่านกลับพูดขึ้นก่อน “ฉันจะไม่หย่าในตอนนี้ แต่ฉันจะย้ายไปอยู่ที่ในเมือง ที่นั่นค้าขายสะดวกกว่า”
“ด้วยระยะทางของเราสองคน การแต่งงานนี้จะไม่มีความสุข ลูกชายของนายก็ไม่ชอบฉัน เขาชอบเจียงเสวี่ยคนเดียวเท่านั้น”
“ต่อให้นายจะให้ฉันอยู่ที่นี่ แต่เขาก็ปฏิเสธฉันอยู่ดี เราเข้ากันไม่ได้หรอกในเมื่อพวกเราเกลียดกันซะขนาดนั้น การแยกทางจึงดีที่สุด”
นี่เป็นข้ออ้าง เฉียวเหลียนเฉิงรู้ แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้
เขามองเจียงหว่านอย่างจริงจัง ราวกับว่าจะมองให้เห็นทะลุถึงสิ่งที่เธอนึกคิดในใจผ่านดวงตาคู่นั้น
เขายืนนิ่งอยู่นาน ก่อนจะพยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก
“อืม ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ แต่อย่าย้ายออกจากบ้านได้ไหม? เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเองก็ได้”
“จักรยานคันนั้นผมยืมมาจากหัวหน้า วันนั้นเขาจะไปรับภรรยา ผมเลยรีบเอามันไปคืน เลยไม่ทันได้บอกคุณ”
“แต่ผมก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง เดี๋ยวผมซื้อจักรยานให้นะ”
เจียงหว่านโบกมือให้เขาหยุดพูด “ไม่จำเป็น ฉันอยู่ในเมืองสะดวกกว่า แล้วอีกอย่างฉันต้องใช้เวลาทำงานระหว่างวัน ไม่มีเวลามากพอจะวิ่งไปมาระหว่างตำบลกับค่ายหรอก”
เฉียวเหลียนเฉิงกำลังจะเอ่ยปากอีกครั้ง แต่เจียงหว่านก็ขัดจังหวะ “นายบอกว่าเป็นสามีภรรยาต้องอดทนต่อกันและกันไม่ใช่เหรอ นี่มันคือการมีน้ำใจและเห็นใจกันและกันนะ อย่าเรียกร้องอะไรเกินไปนักเลย”
เฉียวเหลียนเฉิงถึงกับพูดไม่ออก
เขามองเจียงหว่านอยู่นาน หลังจากกลืนคำพูดทั้งหมดลงท้องแล้ว เขาก็เอ่ยปากว่า
“ตกลง ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ แต่ยังไงคุณก็ต้องบอกผมนะว่าคุณไปอยู่ที่ไหน”
เจียงหว่านหน้าเครียด เพราะเธอไม่ได้ต้องการให้เขารู้
เธอบอกเขาว่าเธอจะยังไม่หย่า แต่ความจริงคือเธอต้องการหนีออกจากบ้านนั่นแหละ และหลังจากนั้นหนึ่งปีครึ่ง เขาก็จะหยุดคิดเรื่องพวกนั้นก่อนจะยอมหย่ากับเธอแต่โดยดีสักที
พอเห็นว่าเจียงหว่านยังเงียบ เฉียวเหลียนเฉิงก็กล่าวออกมาอย่างหนักแน่น “ผมยอมให้คุณจะย้ายออกไป เพราะผมเคารพการตัดสินใจของคุณนะ”
“แต่คุณยังเป็นภรรยาของผม ถ้าสามีคนนี้ไม่รู้ว่าภรรยาไปอยู่ที่ไหน ผมจะเป็นสามีแบบไหนกัน?”
“คุณก็แค่บอกผมมาว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหน แล้วผมจะให้คุณออกไป แค่นี้เอง”
“ถ้าวันหนึ่งผมเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ดีขึ้นและพร้อมหย่า ผมจะได้รู้ไงว่าควรจะไปหาคุณได้ที่ไหน!”
ประโยคสุดท้ายนี้ทำให้เจียงหว่านพอใจมาก เธอรีบตอบทันที “ได้ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะย้ายออกไป นายก็ไปดูแล้วกัน”
ได้ยินเจียงหว่านรับปาก เฉียวเหลียนเฉิงถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คุณยังไม่ได้ทานมื้อเย็นใช่ไหม เดี๋ยวผมไปดูว่าในโรงอาหารมีอะไรกินบ้าง ผิงอันน่าจะอยู่ที่บ้านเฉิน ระหว่างทางผมจะพาเขากลับมาด้วย”
พูดจบ เขาก็หยิบกล่องใส่อาหารออกไป ทว่าเมื่อเดินมาถึงหน้าประตู เขาก็หยุดฝีเท้าก่อนจะหันกลับมามองเจียงหว่าน
ทันใดนั้น เขาก็พุ่งเข้ามาคว้าถุงผ้าของเธอ
“เดี๋ยวคุณหนีผมไป”
เขาหยิบถุงผ้าแล้วออกไป
เจียงหว่านพูดไม่ออก
เธอยังไม่มีบัตรประจำตัว และในถุงนั้นก็มีแค่เสื้อผ้าเพียงน้อยนิดสำหรับเปลี่ยน แต่ตอนนี้เธอมีอยู่ชุดเดียวติดตัว
เสื้อผ้าในสมัยนี้จะต้องสั่งทำ เพราะไซส์ของเธอไม่สามารถซื้อตามร้านทั่วไปได้
ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่สนใจเสื้อผ้าสองสามชุดนั้นเลย
เมื่อเห็นว่าเฉียวเหลียนเฉิงหยิบถุงผ้าของตัวเองออกไป เจียงหว่านก็ถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องเย็บเสื้อผ้าให้ตัวเองแล้วสิ
หลังจากเงียบไปสักพัก เธอก็ตระหนักได้ว่าเฉียวเหลียนเฉิงออกจากลานบ้านไปแล้ว เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เปิดประตูและออกไปโดยไม่คิดหยิบอะไรติดตัวออกไปเลย
จากนั้นเจียงหว่านก็เดินหายไปในความมืดมิดยามค่ำคืน